บทที่345 อย่าร้องไห้
หลันเยว่เฉินเองก็เพิ่งรู้ว่าอาการของถวนจื่อนั้นอันตรายเป็นอย่างมากก็หลังจากที่ได้รักษาแล้ว
และเพราะเป็นแบบนั้น ถึงจะรักษาได้อย่างสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี แต่ถวนจื่อที่นอนอยู่บนเตียงเองก็ยังไม่ยอมฟื้นขึ้นมาสักที
ถึงแม้ว่าจะปลอบเจียงหยุนเอ๋อไปไม่น้อยแล้ว แต่ในใจของหลันเยว่เฉินก็ยังไม่สบายใจ ที่ไม่ได้บอกให้ชัดเจนไม่ได้ว่าถวนจื่อจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่กันแน่
ตอนนี้เขามั่นใจได้เพียงอย่างเดียว ก็คือถึงตอนนี้ถวนจื่อจะยังไม่ฟื้นขึ้นมาก็ไม่ได้เป็นอันตรายอะไร
“อันที่จริงยาพิษนี้มันไม่ได้ร้ายแรงมาก แต่ว่าด้วยความที่มันมีพิษ ถ้าเกิดว่ามาช้ากว่านี้อีกหน่อย ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว”
หลันเยว่เฉินพูดกับลี่จุนถิงอีกครั้ง
สีหน้าของลี่จุนถิงหนักใจขึ้น
อีกฝั่งของห้องพักผู้ป่วย เมื่อท่านปู่ลี่เห็นถวนจื่อที่ไม่ฟื้นขึ้นมา สีหน้าก็ดูไม่ดีเช่นเดียวกัน
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ลี่จุนถิงก็ยืนยันแล้วว่าถวนจื่อเป็นลูกของเขา ถึงแม้ว่าท่านปู่ลี่จะไม่อยากยอมรับในตัวของเจียงหยุนเอ๋อ แต่ถึงอย่างไรถวนจื่อก็ยังเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพวกเขาตระกูลลี่
ถวนจื่อนี้ ไม่รู้ว่ากินอะไรเข้าไปต่อหน้าต่อตาของตัวเองถึงได้เป็นแบบนี้ได้ ถึงท่านปู่ลี่จะใจร้ายใจดำ แต่ตอนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดสักหน่อย
ถึงเขาจะยังรับตัวตนของถวนจื่อไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเห็นถวนจื่อถูกทำร้ายได้อย่างหน้าตาเฉย
“ที่ให้พวกคุณไปตรวจสอบ เป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”
เมื่อเห็นท่าทีเจียงหยุนเอ๋อที่สติหลุดไป แล้วก็ถวนจื่อที่หลับตานอนอยู่บนเตียงของผู้ป่วย ท่านปู่ลี่ก็รู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นในใจ คิดอยู่สักพัก จากนั้นก็ถามลูกน้องที่อยู่ใกล้ๆ ตัวเอง
หลังจากที่ถวนจื่อถูกพามาส่งที่โรงพยาบาล ท่านปู่ลี่เองก็รู้ได้อย่างว่องไว ว่าจะต้องกินอะไรเข้าไปถึงเป็นอย่างนี้แน่นอน เลยรีบหาคนไปตรวจสอบอาหารในจาน
แต่ว่าผลที่คนใช้ตรวจสอบออกมานั้นมันออกจะแปลกไปสักหน่อย เพราะอาหารเย็นในวันนี้ ทุกคนต่างกินอาหารเหมือนกัน แต่ไม่มีใครโดนยาพิษเหมือนถวนจื่อเลย
เพราะฉะนั้น ปัญหาเลยไม่น่าจะอยู่ตรงที่อาหาร แต่น่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นตอนกินข้าวแน่นอน ทำให้คนที่คิดไม่ดีหาโอกาสในการวางยาถวนจื่อแน่นอน
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของท่านปู่ลี่ก็ดูไม่ดีขึ้นมา
พวกเขามาก่อเรื่องถึงในตระกูลลี่ ถ้าข่าวแพร่ออกไปเขาจะทำอย่างไร?
กินข้าวอยู่บ้านตัวเองดีๆ แต่กลับมาทำให้คนถูกวางยาได้!มันน่าขำยิ่งนัก!
“ไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้รู้เรื่อง!” ท่านปู่ลี่พึมพำเสียงเย็นชา พลางพูดขึ้น
เมื่อเห็นสีหน้าท่านปู่ลี่ ลูกน้องก็เหงื่อแตกกันไปหมด แต่เพียงไม่นานก็ตอบตกลงได้ในทันที
“ใช่”
เจียงหยุนเอ๋อที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้ถูกรบกวนโดยคำพูดของพวกเขาเลย แต่ยังคงมองใบหน้าของถวนจื่ออย่างไม่ละสายตา
มือและเท้าของถวนจื่อยังคงเย็นเฉียบ เจียงหยุนเอ๋อที่ยื่นมือออกไปจับมือเขาก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมามากกว่าเดิม
ถวนจื่อ……คุณสัญญากับหม่ามี้นะ……ว่าจะต้องฟื้นขึ้นมาเร็วๆ เข้าใจไหม?
ท่านปู่ลี่อยู่ในห้องพักผู้ป่วยสักพัก จากนั้นเมื่อเห็นว่าลี่จุนถิงไม่กลับมาสักที เจียงหยุนเอ๋อเองก็มัวแต่ดูแลถวนจื่อ โดยไม่มีเวลาว่างมาคุยกับตัวเองเลย
เหมือนว่า……ถึงเธอจะมีสติดี ทั้งสองคนเองก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันมาก
เมื่อคิดมาถึงแบบนี้ ท่านปู่ลี่ก็ลุกขึ้นมา ก่อนจะเตรียมออกไป
เขายังมีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก
เมื่อจัดให้ลูกน้องไปสืบหาแต่ยังไม่ได้คำตอบ นั่งอยู่ตรงนี้ก็ไม่มีอะไรทำ เลยคิดว่ากลับไปตรวจสอบเองจะดีกว่า
หลังจากที่ท่านปู่ลี่ถึงบ้าน ก็รีบเรียกคนใช้ทั้งหมดมา รวมตัวพวกเขา แล้วก็ถามว่าพวกเขาทำอะไรบ้างในตอนกลางคืน เจออะไรที่แปลกไปหรือเปล่า
“หลังจากที่ถวนจื่อกลับไปที่ห้องแล้ว พวกคุณไปไหนกัน?”
หลังจากที่ถามแล้ว คนใช้ต่างตอบอะไรไม่ได้เลย
เพราะท่านปู่ลี่ไม่ได้สนใจไยดีถวนจื่อมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว พวกคนใช้เลยไม่กล้าดูแลถวนจื่อต่อหน้าท่านปู่ลี่มากเป็นพิเศษ เมื่อท่านปู่ลี่ถามขึ้นมาแบบนี้อย่างกะทันหัน เลยทำให้พวกเขาทำอะไรไม่ถูก
“คือว่า……คุณท่าน……ฉันไม่ได้สนใจมากเท่าไหร่จริงๆ”
คนใช้พูดขึ้นอย่างติดขัดๆ กลัวว่าคำตอบตัวเองจะทำให้ท่านปู่ลี่ไม่พอใจ
แต่อันที่จริงคำตอบนี้ท่ามกลางคำถามต่างๆ นานา ท่านปู่ลี่เองก็ได้ยินมามากแล้ว อารมณ์ที่โกรธเคืองในตอนแรกก็ค่อยๆ สงบลง ดังนั้นหลังจากถามคนใช้ก็ไม่ได้แปลกใจอะไรมาก
เมื่อลี่จีถองเห็นท่านปู่ลี่เริ่มเป็นห่วงถวนจื่อขึ้นมา ในใจก็รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่
ตามเหตุผลแล้ว ท่านปู่ลี่ไม่ควรเป็นห่วงถวนจื่อถึงจะถูกไม่ใช่เหรอ?ถึงแม้ว่าถวนจื่อจะเป็นลูกแท้ๆ ของลี่จุนถิง แต่แม่ของเขาคือเจียงหยุนเอ๋อ ท่านปู่ลี่เองก็น่าจะไม่พอใจถึงจะถูก
แต่สิ่งที่ลี่จีถองไม่รู้ก็คือ ท่านปู่ลี่นั้นถือว่าเป็นคนที่หัวโบราณพอสมควร หลังจากที่รู้ว่าถวนจื่อเป็นที่ยอมรับของลี่จุนถิงก็รับได้มากขึ้น
“พ่อ คุณเองก็อย่าเป็นกังวลไปขนาดนั้นเลย ไม่แน่ว่าเด็กคนนั้นอาจจะกินอะไรผิดไปก็ได้?”
ลี่จีถองพูดลอยๆ ขึ้นมา
ท่านปู่ลี่ขมวดคิ้วเบาๆ น้ำเสียงก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“จีถอง คำพูดของคุณน่ะ เขาเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ หรือว่าจะกินยาพิษเข้าไปเองงั้นเหรอ?ถ้าเกิดไม่ได้มีคนตั้งใจทำร้ายเขา จะเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?”
เมื่อได้ยินคำถามของท่านปู่ลี่ ลี่จีถองก็ถูกทำให้เงียบไป แล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไป
อีกฝั่ง เจียงหยุนเอ๋อยังปกป้องถวนจื่ออยู่ข้างๆ เตียง น้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
เธอไม่ใช่แม่ที่ดีจริงๆ เลย มักจะปล่อยถวนจื่อเอาไว้คนเดียว เลยทำให้เขาต้องเจอเรื่องแย่ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ถ้าเกิดครั้งนี้เกิดอะไรขึ้นกับถวนจื่อจริงๆ เธอจะต้องรู้สึกผิดอีกแค่ไหนนะ?
ตอนที่ลี่จุนถิงเดินเข้ามาจากข้างนอก ก็เห็นเจียงหยุนเอ๋อกำลังร้องไห้อยู่พอดี เลยอดไม่ได้ที่จะเข้าไปจับไหล่เธอเบาๆ
“เจียงหยุนเอ๋อ ถวนจื่อจะไม่เป็นไรแน่นอน”
ถวนจื่อสลบไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ภายใต้ความเป็นกังวลของเจียงหยุนเอ๋อนั้นสุดท้ายก็ลืมตาขึ้นมา
เจียงหยุนเอ๋อปกป้องอยู่ตรงนั้นตลอดเวลา ถวนจื่อไม่ฟื้นขึ้นมาสักที เธอก็นอนไม่หลับสักที เมื่อได้เห็นถวนจื่อฟื้นขึ้นมาแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะดีใจจนน้ำตาไหล
“ถวนจื่อ คุณฟื้นแล้วเหรอ!”
ถวนจื่อยังไม่ได้สติเท่าไหร่ในตอนแรก จากนั้นเมื่อเห็นน้ำตาของเจียงหยุนเอ๋อ ก็รีบยื่นมือน้อยๆ ขึ้นมาเช็ดหน้าของเจียงหยุนเอ๋อ: “หม่ามี้ ฉันไม่เป็นไร คุณไม่ต้องร้องไห้นะ”
เมื่อเห็นท่าทีที่ทำตัวถูกที่ถูกทางของถวนจื่อ ในใจของเจียงหยุนเอ๋อกลับรู้สึกแย่ขึ้นมามากกว่าเดิม
ใครที่ใจร้ายกล้ามาทำร้ายเด็กได้นะ?เธอจะต้องสืบหาให้ได้แน่นอน และก็จะไม่ปล่อยคนที่อยู่เบื้องหลังพวกนั้นไปเด็ดขาด