บทที่346 มีคนจงใจมาใส่ร้าย
เมื่อลี่จุนถิงเห็นเจียงหยุนเอ๋อยังใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตัวเองก็รู้สึกปวดใจไปด้วย
เรื่องนี้ต้องได้รับการแก้ไข เขาไม่เชื่อแล้ว เพราะทุกครั้งคนที่ทำร้ายถวนจื่อนั้นสามารถหนีไปได้ง่ายๆ ตลอด
เมื่อคิดได้แบบนี้ ลี่จุนถิงก็มีแววตาที่มืดดำลง แววตานั้นหม่นหมอง: “ถวนจื่อ คืนนั้นคุณกินอะไรเข้าไป?”
ถึงถวนจื่อจะถูกช่วยเหลือเอาไว้แล้ว แต่ก็ยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นตอนนี้เลยยังหน้าซีดเซียวอยู่
ถวนจื่อกลอกตาเล็กน้อย คิดอยู่สักพักก่อนจะตอบ: “ฉันกินผลไม้เข้าไป ผลไม้มันวางอยู่ในห้อง ฉันหิวน้ำเลยกินเข้าไป”
“อือ ฉันรู้แล้วล่ะ” ลี่จุนถิงรู้เรื่องนี้แล้วก็ต้องกลับบ้านไปตรวจสอบ “ถวนจื่อคุณพักผ่อนอยู่ที่โรงพยาบาลก่อนเถอะ แด๊ดดี้จะกลับไปก่อน อยากกินอะไรก็บอกคนใช้นะ เข้าใจไหม?”
ถวนจื่อพยักหน้า
แววตาของลี่จุนถิงนั้นมองมาที่เจียงหยุนเอ๋อ: “ฉันจะกลับไปก่อน คุณอยู่ที่นี่ดูแลถวนจื่อให้ดี ถ้าเกิดมีอะไรก็ให้บอกคนใช้นะ ถ้าจะออกไปไหน ก็ต้องให้บอดี้การ์ดไปด้วย”
เจียงหยุนเอ๋อมองแววตาที่อ่อนโยนของลี่จุนถิง ในใจก็รู้สึกดีขึ้นมาก เลยพยักหน้า: “อือ คุณไปเถอะ เดี๋ยวฉันดูทางนี้เอง”
ลี่จุนถิงมองสองแม่ลูกอย่างไม่อยากจากไปก่อนจะออกจากห้องพักผู้ป่วยไป
ก่อนออกไปยังกำชับบอดี้การ์ดด้วย ว่าต้องดูแลเจียงหยุนเอ๋อแม่ลูกให้ดี
ถ้าเกิดมีคนไม่น่าไว้ใจมาเยี่ยม ก็ห้ามเข้ามา
ตอนนี้ลี่จุนถิงไม่วางใจมากขึ้นเรื่อยๆ แม่ลูกคู่นี้เกิดเรื่องขึ้นได้ง่ายๆ เลย ถ้าตัวเองไม่จัดคนไปปกป้อง
การเสียพวกเขาไปนั้นลี่จุนถิงเจอมามากแล้ว เขาไม่อยากจะเสียไปอีก
ลี่จุนถิงเหยียบคันเร่ง ก่อนจะขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ปกติที่ต้องใช้เวลายี่สิบนาที เขาใช้เวลาไปเพียงห้าหกนาทีเท่านั้นเอง
ในเวลาคับขันแบบนี้จะมาใจเย็นไม่ได้แล้ว
เมื่อเห็นลี่จุนถิงกลับบ้านมา ด้วยใบหน้าและอารมณ์ที่เย็นยะเยือกเหมือนกับภูเขาน้ำแข็งไม่มีผิด คนใช้แต่ละคนก็ตึงเครียดขึ้นมา เพราะจะเกิดการนองเลือดในตระกูลลี่อีกแล้ว
“ถวนจื่อเป็นอย่างไรบ้าง?” ท่านปู่ลี่เห็นลี่จุนถิงกลับมา ก็รีบลุกขึ้นจากโซฟา พลางมีความเป็นกังวลขึ้นมาเต็มใบหน้า
เขาเองก็ชอบถวนจื่อ พูดตามตรง คนอายุมากอย่างเขา เพียงแค่เห็นเด็กๆ ก็ชอบแล้ว ยิ่งเป็นเด็กที่รู้เรื่องอย่างถวนจื่อแล้วด้วย
ถึงจะทางโรงพยาบาลจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่เมื่อเห็นหลันเยว่เฉินเอารายงานมาด้วย บางทีท่านปู่ลี่อาจจะยอมรับไปแล้ว แล้วว่าถวนจื่อเป็นหลานแท้ๆ ของตัวเอง
แล้วก็กำลังคิดว่าเจียงหยุนเอ๋อกับลี่จุนถิงอยู่ที่นี่ด้วยตัวเองก็ไม่มีหน้าไปหาถวนจื่อ ดังนั้นเลยใช้เวลาที่พวกเขาไม่อยู่นั้นเรียกถวนจื่อมากินข้าวกับตัวเอง
แต่ว่าคิดไม่ถึงเลยว่าความปรารถนาดีของตัวเองกลับทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ ถ้ารู้ว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ ตอนนั้นตัวเองจะอดทนเอาไว้
ตอนนี้ถวนจื่ออยู่ที่โรงพยาบาล เขาก็วางใจไม่ลง อยู่ในบ้านก็ยังเป็นห่วงถวนจื่อว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า
เมื่อเห็นหลานกลับมา ก็รู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันที
“ก็ดี” ลี่จุนถิงเองก็ไม่ได้พูดให้เรื่องมันดูดีสักเท่าไหร่
จะไม่สั่งสอนอะไรท่านปู่ลี่เลยก็ไม่ได้แล้ว
ถ้าไม่มีวิธีที่ถูกต้อง ท่านปู่ลี่เองก็วางใจไม่ลง สีหน้าเลยหนักใจมากกว่าเดิม
“งั้นตอนนี้คุณกลับมาเพราะ……” ท่านปู่ลี่มองไปทางลี่จุนถิงด้วยความสงสัย
ลี่จุนถิงตอบอย่างเย็นชา: “หาความจริง”
ท่านปู่ลี่เองก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยตรวจสอบอะไร แต่ว่าหาต้นสายปลายเหตุไม่เจอ อาจจะเป็นเพราะว่าแก่แล้ว มีเรื่องบางเรื่องที่ทำแล้วไม่ได้ดั่งใจแบบนี้
บางเรื่องเลยต้องปล่อยให้วัยรุ่นเป็นคนจัดการแทน
ท่านปู่ลี่นั่งลง จากนั้นก็เห็นลี่จุนถิงกำชับคนดูแลบ้าน
เพียงไม่นาน คนดูแลบ้านก็เรียกรวมตัวคนใช้ทั้งหมด พวกคนใช้ต่างมายืนเรียงแถมด้วยความตึงเครียด แม้แต่หายใจยังต้องระวังเลย
“ทุกคนน่าจะรู้เรื่องที่ถวนจื่อถูกวางยาในอาหารแล้ว” ลี่จุนถิงเอามือใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะยืนอยู่ตรงกลางของห้องรับแขก พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีความอ่อนโยนอยู่เลย “อาหารของตระกูลลี่ถูกจัดการอย่างเคร่งครัด ดังนั้นเรื่องนี้จะต้องมีคนตั้งใจทำอย่างแน่นอน”
น้ำเสียงของลี่จุนถิงนั้นหนักแน่น ท่านปู่ลี่เองก็พยักหน้าด้วยความเห็นด้วย
“ตามการอธิบายของถวนจื่อ เขากินผลไม้ที่อยู่ในห้องไปถึงได้เป็นแบบนี้ ใครในพวกคุณเอาผลไม้ให้เขาหรือเปล่า?” ลี่จุนถิงมองคนใช้ทุกคนด้วยสายตาเย็นชา
แววตานั้นทำให้พวกคนใช้ขนหัวลุกกันเลยทีเดียว
ลี่จีถองเองก็ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความกลัวว่าจะถูกจับได้
ไม่ผิดเลย เรื่องนี้เธอเป็นคนทำเอง ตอนที่ลี่จุนถิงถามคนใช้นั้น เธอเหงื่อออกมือเต็มไปหมด แต่ว่าบนใบหน้าก็ยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่
ถึงแม้ว่าจะกลัวถูกจับได้ แต่ว่าลี่จีถองก็ไม่อยากจะมอบตัว เพียงแค่เธอไม่ยอมรับ ก็ไม่มีใครทำอะไรเธอได้
พวกคนใช้ต่างเงียบลง
ในตอนนั้นมีคนใจกล้าเดินขึ้นมาหนึ่งก้าว ลี่จุนถิงเห็นท่าทีของเขา ก็รีบมองไปทางเขา ก่อนจะจ้องไม่ละสายตา
“คุณ คุณชายลี่” คนใช้แค่คิดว่าความกดดันในห้องรับแขกมันมีมากเหลือเกิน มันกดดันเสียจนเขาพูดอะไรไม่ออก “พวกเรา พวกเราไม่ได้รับคำสั่งอะไร ที่บอกให้หั่น หั่นผลไม้ให้คุณชายน้อย น่าจะไม่มีการให้ผลไม้นะ”
เมื่อได้ฟังคำพูดของคนใช้ คนใช้คนอื่นๆ ก็พากันพยักหน้า ด้วยความเห็นด้วย
ปกติคนใช้ของตระกูลลี่จะไม่มีใครส่งอาหารอะไรไปให้ถ้าไม่ได้รับคำสั่ง นอกจากจะเป็นคำสั่งของเจ้าบ้าน
ลี่จุนถิงหรี่ตาลง พลางมีแววตาของความอันตรายออกมา: “งั้นคุณกำลังจะบอกว่าถวนจื่อโกหกงั้นเหรอ หรือว่าพวกคุณจะไม่รับผิดชอบอะไรเลยงั้นสิ?”
พวกคนใช้ที่ถกเถียงกันต่างพากันอึ้งไปก่อนจะพูดอะไรไม่ออกเลย จากนั้นจึงก้มหน้าที่กับที่ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่กลับไม่กล้าสบตาของลี่จุนถิงที่ดูน่ากลัวแบบนั้น
“งั้นพวกคุณบอกมาสิว่าผลไม้มันเข้าไปอยู่ในห้องคุณชายน้อยได้อย่างไร?” เสียงของลี่จุนถิงนั้นดังขึ้นอีก คนที่อยู่ในห้องรับแขกนั้นต่างพากันหยุดหายใจ เพราะไม่กล้าหายใจแรงออกมาอีก
“ลี่จุนถิง พวกเขาไม่ได้ให้ผลไม้กับถวนจื่อจริงๆ ไม่มีคำสั่งจากฉัน พวกเขาจะเอาไปให้ได้อย่างไร” ท่านปู่ลี่ที่อยู่ข้างๆ ก็เห็นแล้วร้อนใจ ว่าทำไมถามแต่ก็ยังไม่ได้อะไรอยู่ดี
ลี่จุนถิงหันมา ก่อนจะสาวเท้าเดินไปนั่งที่โซฟา กางขาทั้งสองข้างออก จากนั้นก็กุมนิ้วทั้งสิบเอาไว้ ถึงแม้ว่าท่าทีจะดูสบายๆ แต่น้ำเสียงกลับดูดุดันไม่น้อยเลย: “คนดูแลบ้านถามทีละคนๆ ถ้าวันนี้ไม่ได้คำตอบ จะไล่ออกทั้งหมดเลย”
คนดูแลบ้านตอบรับอย่างนอบน้อม ก่อนจะเริ่มเรียกคนใช้มาถามอย่างละเอียดทีละคนๆ
ลี่จุนถิงนั่งมองท่าทีของคนใช้อยู่ข้างๆ อย่างละเอียด ว่าได้โกหกอะไรหรือเปล่า
แต่คนใช้ส่วนใหญ่ก็พูดเหมือนๆ กัน มีเพียงคนใช้หญิงคนเดียว ที่เหมือนจะเพิ่งมาใหม่ ไม่รู้ว่าไปทำอะไรผิดหรือเปล่า ถึงได้พูดผิดๆ ถูกๆ
ลี่จุนถิงขมวดคิ้ว พลางมีแววตามืดมนลงแล้วหรือตามองผู้หญิงคนนั้น