นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 190 ข้าเดา
ครั้นเห็นไชเท้าผักกาดขาวเหล่านั้นในห้องครัว อยากทำของอร่อยอะไรก็ไม่ได้ โจวกุ้ยหลานจนปัญญาจึงได้แต่ทำเกี๊ยว

สุดท้ายทุกคนก็มาช่วยกันห่อเกี๊ยว

เมื่อมีประสบการณ์จากสองสามครั้งก่อน สวีฉางหลินกับเจ้าก้อนน้อยจึงห่อได้ดี คนมากมายต่างมาร่วมด้วยช่วยกัน

เหล่าไท่ไท่ไปบ้านโจวต้าซาน รับสมาชิกครอบครัวพวกเขามาด้วย เตรียมกินเกี๊ยวด้วยกัน

หลี่ซิ่วยิงเดินได้แล้ว แต่ยังทำงานไม่ได้ พอทำงานหน่อยก็จะปวดเอว สำหรับเด็กซนทั้งสามก็ยังสกปรกมอมแมมอยู่อย่างนั้น แต่ช่วงนี้เอ้อร์เฉียงมีรายได้บ้าง ตอนนี้จึงได้ใส่ชุดนวมใหม่

ครั้นหวังหยู่ชุนว่างก็นั่งดูพวกเขาห่อเกี๊ยวอยู่บนเก้าอี้ ครั้นคิดว่าวันนี้จะได้กินของอร่อยนางจึงครึ้มอกครึ้มใจ “กุ้ยหลาน นี่ดีนะที่วันนี้มากินข้าวบ้านพวกเจ้า ข้าที่ยุ่งอยู่ในบ้านทั้งวัน เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”

“อื่ม อย่างนั้นท่านก็พักเถอะ” โจวกุ้ยหลานเอ่ย วางเกี๊ยวในมือของตัวเองไว้ที่โต๊ะ

ระยะนี้หวังหยู่ชุนนับว่าทำตัวดี พวกโจวต้าซานกลับไปยังมีอาหารร้อนๆ ได้กิน แน่นอน ที่กินล้วนเป็นอาหารของพวกโจวต้าซานเอง

หลี่ซิ่วยิงนั่งขมวดคิ้วอยู่ด้านข้าง นางไม่ชอบลูกสะใภ้รองคนนี้ แต่พอนึกถึงว่าต่อไปยังต้องให้นางช่วยยังต้องให้นางช่วยงานจึงสงบปาก

สีหน้าเอ้อร์เฉียงแย่ขั้นมานิดๆ วางเกี๊ยวในมือแล้วเอ่ย “เจ้าทำอะไร? รีบมาช่วยกันห่อเกี๊ยวสิ”

“ข้าทำอะไร? ถ้าไม่ใช่ข้า แม่เจ้าจะหายเร็วขนาดนี้หรือ? เสื้อผ้าพวกเจ้าใครเป็นคนซัก? แล้วกับข้าวของทุกวันอีก นั่นไม่ใช่ข้าเป็นคนทำหรือ? ไร้มโนธรรมจริงๆ!”

หวังหยู่ชุนเหวี่ยงกลับอย่างไม่พอใจ

แต่พอนึกถึงว่าระยะนี้ได้กินข้าวขาวแล้ว นางก็ยังอารมณ์ดี

งานเผาถ่านนี่เป็นงานดีจริงๆ ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ครอบครัวนางดีขึ้น

หลี่ซิ่วยิงกระตุกเสื้อของเอ้อร์เฉียง ให้เขาอย่าได้ทะเลาะกับหวังหยู่ชุน เอ้อร์เฉียงมองครอบครัวอาสะใภ้รอง จึงได้แต่กลืนคำพูดลงไป

โจวกุ้ยหลานรู้ดีอยู่แก่ใจ ดังนั้นจึงทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของพวกเขา

ก็แค่เกี๊ยวไม่กี่ลูก ไม่เหนื่อยสักหน่อย

หลี่ซิ่วยิงมองโจวต้าไห่ เบนประเด็นไปที่ตัวเขา “ต้าไห่ เมื่อไรเจ้าจะพูดเรื่องแต่งงานล่ะ? ผ่านปีใหม่ไปก็ยี่สิบห้าแล้วนะ!”

ว่าแล้วก็หันไปมองทางเหล่าไท่ไท่ “น้องสะใภ้ ต้าไห่อายุมากขึ้นทุกที ทำไมเจ้าไม่รีบหน่อยเล่า?”

โจวกุ้ยหลานเงยหน้ามองโจวต้าไห่ ได้ยินเขาตอบ “ข้าไม่รีบ”

“ไม่รีบอะไร ข้าร้อนใจจะตายอยู่แล้ว แต่เรื่องในบ้านมีเรื่องไม่หยุดหย่อน บ้านของกุ้ยหลานทำนานขนาดนี้ ข้าก็เลยไม่มีเวลาไปพูดเรื่องนี้ให้เขานี่อย่างไร พี่สะใภ้ใหญ่ ถ้าท่านมีคนที่เห็นว่าดีก็ช่วยต้าไห่ข้าพูดให้หน่อยสิ”

เหล่าไท่ไท่รีบเอ่ย

หลิวเซียงที่อยู่ข้างๆ กัดริมฝีปากตัวเอง เกี๊ยวในมือก็บีบจนเสียทรงด้วย

“อาสะใภ้รอง ข้าเห็นหลิวเซียงก็ไม่เลวนี่? ไม่อย่างนั้นก็ให้นางแต่งกับต้าไห่?” จางเสี่ยวจุ๋ยที่อยู่ด้านข้างสอดปาก

หลิวเซียงหันไปมองทางจางเสี่ยวจุ๋ย รู้สึกซาบซึ้งใจ แต่ก็รู้สึกว่าถูกคนอื่นมองออกด้วย จึงรีบก้มหน้างุด

เหล่าไท่ไท่เหล่หลิวเซียงแวบหนึ่ง ไม่พูด

ทางหลี่ซิ่วยิงก็เอ่ยปากด้วย “ถ้ามีคนดีๆ ข้ามิพูดให้ต้าไห่นานแล้วหรือ? แต่มันไม่มีนี่อย่างไร จะว่าไป ข้าก็อยากรีบหาเมียให้ซานเฉียงเร็วๆ เหมือนกัน แพล็บเดียวเขาก็ยี่สิบแล้ว”

“ท่านแม่ ท่านรีบหาเมียให้ข้าเถอะ ต่อไปจะได้มีคนซักเสื้อผ้าให้ข้า” ซานเฉียงรีบเอ่ย

“อย่างไร? ซานเฉียงรู้สึกว่าข้าซักผ้าไม่สะอาดหรือ?”

หวังหยู่ชุนเอ่ยแบบคล้ายยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

“ข้าไม่ได้พูดสักหน่อย แต่ข้ากำลังคิด ต่อไปถ้าข้ามีเมียแล้ว จะได้ซักเสื้อผ้าท่านพ่อท่านแม่ แล้วยังได้วันละสิบอีแปะ แถมพวกเราก็ไม่ต้องดูสีหน้าคนด้วย”

ถ้อยคำของซานเฉียงทำจนหวังหยู่ชุนเดือดจัด

โจวกุ้ยหลานลอบกดไลก์ให้ซานเฉียงเหมือนกัน ฝีปากดีมาก พูดก็เก่ง ไม่แพ้หวังหยู่ชุนเลย!

หวังหยู่ชุนก็ทำเกินไป การที่นางช่วยดูแลบ้านทุกวัน ยังจะเอาเงินสิบอีแปะด้วย แถมบางครั้งยังชักสีหน้าใส่พวกโจวต้าซานอีก

“ได้ อย่างนั้นเจ้าก็แต่งเมียดีๆ แล้วกัน ให้ข้าได้เสพสุขด้วย!” หวังหยู่ชุนกัดฟันกรอดเอ่ย

ซานเฉียงต่อปาก “เมียข้าดูแลแต่บ้านพวกเรา ส่วนพี่สะใภ้รอง ท่านไม่ได้บ้านเดียวกับข้าสักหน่อย”

หวังหยู่ชุนถูกแทงใจดำหนัก จะอาละวาดแล้ว

โจวกุ้ยหลานเหล่มองนางทีหนึ่ง เอ่ยแทรก “ต่อไปพี่เอ้อร์เฉียงมีเงินแล้ว พี่สะใภ้หยู่ชุนก็จะได้เสพสุขเหมือนกัน”

วันนี้เป็นวันก่อนวันส่งท้ายปี นางไม่อยากให้คนพวกนี้ทะเลาะกัน

หวังหยู่ชุนก็ไม่กล้าล่วงเกินโจวกุ้ยหลานเหมือนกัน ดังนั้นจึงกดไฟโกรธแล้วฮึดๆ ฮัดๆ

หลี่ซิ่วยิงถลึงตาใส่ซานเฉียงทีหนึ่ง ตำหนิเขา “อยู่ดีๆ เจ้าไปยั่วพี่สะใภ้เจ้าทำไม? ข้ายังทำงานไม่ได้!”

เมื่อนั้นซานเฉียงจึงปิดปากเงียบ แต่ในใจยังมีอารมณ์โกรธหวังหยู่ชุนอยู่เต็มอก

เหล่าไท่ไท่เปลี่ยนเรื่องอย่างทันต่อท่วงที “พี่สะใภ้ ซานเฉียงก็ไม่รีบ ด้วยฐานะของพวกท่านในตอนนี้ มีแม่นางเท่าไรที่อยากแต่งเข้ามา?”

ถ้อยคำนี้กลับฟังเข้าหูหลี่ซิ่วยิง ตอนนี้ครอบครัวพวกเขากินข้าวขาวได้แล้ว แล้วยังได้กินทุกมื้อด้วย หากไม่ใช่เพราะนางเจ็บเอวมาก มีหรือจะให้นังหวังหยู่ชุนนั่นขึ้นขี่บนหัวครอบครัวพวกเขาได้?

ไม่นานก็เปลี่ยนเรื่องพูด บอกว่าจะสู่ของภรรยาให้ซานเฉียง ซานเฉียงดีใจลิงโลด รบเร้าให้พวกนางหาภรรยาให้เขาโดยเร็ว

โจวกุ้ยหลานฟังแล้วก็สบายใจ นางชอบคนอย่างซานเฉียงที่สุด โจวต้าไห่ซื่อไปหน่อย แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ขาดความใจเด็ดไปนิด

ไม่นาน เรื่องสนทนาก็เบนไปที่โจวกุ้ยหลาน พวกเขาชมเชยกุ้ยหลานกับสวีฉางหลินว่านำพาให้พวกเขามีชีวิตที่ดี จางเสี่ยวจุ๋ยจึงถามโจวกุ้ยหลานตามสถานการณ์ “บ้านหลังนั้นของเจ้าจะเสร็จแล้วกระมัง?”

“ใช่ ทำห้องหลักแล้ว แต่ร้านผักกับกำแพงด้านนอกจะไม่ได้ทำ” โจวกุ้ยหลานตอบ

“คนตั้งเยอะยังต้องสร้างบ้านนานขนาดนั้น ใช้เงินหลายร้อยตำลึงแล้วกระมัง?” จางเสี่ยวจุ๋ยทำไมถามไปอย่างนั้น

ครั้นถามอย่างนี้ พวกหลี่ซิ่วยิง หวังหยู่ชุนก็หันไปมอง แม้แต่ซานเฉียงก็อดมองไปไม่ได้

หลายร้อยตำลึง! นั่นเป็นเงินก้อนโตขนาดไหนกัน!

โจวกุ้ยหลานเหยียดยิ้มเอ่ย “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใช้ไปเท่าไร ทำไมอาสะใภ้สามถึงคำนวณออกมาได้ล่ะ?”

“ข้าก็แค่เดา” จางเสี่ยวจุ๋ยก้มหน้า ห่อเกี๊ยวในมือของตัวเอง จากนั้นก็วางไว้บนเขียงบนโต๊ะ

โจวกุ้ยหลานฉีกปากยิ้มเหมือนเคย ไม่กล่าวอีก ห่อเกี๊ยวของตัวเองต่อ

กลับเป็นหลี่ซิ่วยิงเสียอีกที่ถามต่อ “กุ้ยหลาน เจ้าใช้เงินเป็นร้อยตำลึงจริงหรือ? เจ้าเอาเงินมาจากไหน?”