“นายอยากเป็นหัวหน้างั้นเหรอ?” 

แองเจลิน่าหัวเราะเยาะหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ซึ่งผมก็พยักหน้าเมื่อเห็นว่าผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้ต่อต้านแนวคิดนี้

“เพื่อให้สิ่งต่างๆ ชัดเจนยิ่งขึ้น เราจะต้องมีผู้นำ” 

ผมพูดเพื่อดึงดูดความสนใจของทุกคนก่อนจะหยิบกระดาษสองสามแผ่นออกมาแล้วส่งให้ทุกคนที่นี่ 

เมื่อรับกระดาษไปแล้วทุกคนก็เริ่มอ่านมัน ซึ่งผมก็เห็นพวกเขาที่เบิกตากว้างได้หลังจากที่อ่านสิ่งที่เขียนอยู่บนกระดาษเสร็จ

“แผนการต่อสู้ถูกเขียนโดยอเล็กซ์” 

ผมประกาศ 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนอื่นๆ ก็พยักหน้ายอมรับได้ดีขึ้น แต่ผมยังคงเห็นความอิจฉาได้อยู่เมื่อพวกเขามองมาที่ผม พวกเขาจะไม่ทำอย่างนั้นได้ยังไงในเมื่อแผนที่ผมมอบให้พวกเขานั้นดีที่สุดแล้วในการจัดการกับสถานการณ์ปัจจุบัน? สิ่งที่สมบูรณ์แบบที่จะสร้างกลยุทธ์ที่ดีที่สุดและการทำงานร่วมกันระหว่างกลุ่ม และยังเป็นสิ่งที่จะไม่บ่อนทำลายขุมพลังของแต่ละกลุ่ม อาจกล่าวได้ว่านี่คือวิธีแก้ปัญหาที่สมบูรณ์แบบเลยด้วยซ้ำ

“แล้วทุกคนคิดว่ายังไงบ้าง? มันไม่สมเหตุสมผลกว่าหรือที่ผมจะกลายเป็นศูนย์กลาง?” 

ผมถาม

“แต่ฉันจะเชื่อใจนายได้อย่างไร?” 

แองเจลิน่าถามด้วยสายตาที่แคบลง ประการหนึ่งเธอเป็นคนที่ไม่ค่อยไว้วางใจใครเลย

“ฉันเชื่อใจเขา” 

โอลิเวียกล่าว

“ฉันด้วย” 

คาร์เมลพูดตาม

“ฉันเชื่อใจเขา” 

มาร์ลีนพูด

“ฉันเชื่อใจเขา” 

ซาบริน่าพูดขึ้นมาจนทำให้ทุกคนประหลาดใจ เพราะทุกคนต่างรู้กันดีว่าเธอก็ไม่ใช่คนที่จะเชื่อใจใครง่ายๆ 

“ฉันเหมือนกัน” 

รอนพูด ทำให้แองเจลิน่าหันไปมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง 

เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงหันไปหาเธอแล้วพยักหน้า ดูเหมือนจะบ่งบอกถึงอะไรบางอย่าง ไม่นานก็เกิดความเงียบขึ้นระหว่างทุกคนที่มารวมตัวกันที่นี่ และในท้ายที่สุดหลังจากผ่านไปหนึ่งนาที คนที่เหลือก็เห็นด้วยกับแผนนี้

“เห้อออ…ก็ได้ แต่อย่าทำให้ฉันผิดหวังหล่ะ” 

แองเจลิน่าพูดขณะหันศีรษะไปทางฝูงมอนสเตอร์ที่กำลังล้อมรอบพวกเธอในไม่ช้า

“ไม่ต้องห่วง พวกเธอทุกคนจะไม่เสียใจ” 

ผมพูดพร้อมกับยิ้มที่มุมปากก่อนจะหันไปมองรูปแบบการเดินขบวนแห่งความตายที่จะปกคลุมทั่วทั้งสถานที่ในไม่ช้า

‘ถึงเวลาสำหรับตอนจบที่ยิ่งใหญ่แล้ว…’

เมื่อคิดอย่างนั้นแล้ว ผมก็เริ่มแจกแจงแผนการเพราะกำลังจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ในไม่ช้า

…..

“ซาบริน่าอยู่ในนั้น…” 

เอลฟ์ผู้ถือครองแหวนคนที่ 11 พูดขณะมองดูเมืองที่กำลังจะจมน้ำตายในไม่ช้า

“ทุกอย่างพร้อมหรือยัง?”

ร่างที่สวมเสื้อคลุมถาม และเอลฟ์ก็พยักหน้า

“ทั้งหมดเป็นไปตามแผน”

เอลฟ์ถามกลับ

“ดี” 

ร่างที่สวมเสื้อคลุมตอบกลับพร้อมกับเจตนาฆ่าอันเยือกเย็นที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกาย ทำให้แม้แต่บริเวณโดยรอบบิดเบี้ยว

“เราต้องโจมตีอย่างมีประสิทธิภาพ เป้าหมายทั้งหมดจะต้องถูกกำจัด” 

เสียงห้าวพูดพร้อมหางสิงโตที่แกว่งไปมา

“ใกล้จะถึงจุดจบแล้ว” 

บุคคลอีก 4 คนพูดขึ้นมา โดยที่แต่ละคนมีเครื่องหมายเฉพาะของตนเอง

“ดูเหมือนเรื่องต่างๆ จะเริ่มสนุกขึ้นเร็วๆ นี้” 

ร่างที่สวมเสื้อคลุมพูดพร้อมกับลูกแก้วในมือสั่นไหวเมื่อได้ยินเสียงจากมัน

“เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วใช่ไหม?” 

เสียงผู้ชายถาม ซึ่งร่างที่ซ่อนอยู่ในเสื้อคลุมก็ตอบกลับไป

“ทุกอย่างเรียบร้อยดี เราจะเคลื่อนไหวกันเร็วๆ นี้”

“จำไว้ว่าอย่าให้โดนจับได้” 

เสียงจากลูกแก้วตอบกลับ

“นายก็รู้ว่าฉันเป็นใคร” 

ผู้สวมเสื้อคลุมพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ดี” 

นั่นคือทั้งหมดที่ลูกแก้วพูดก่อนจะหรี่ลง 

ร่างที่สวมเสื้อคลุมเงยหน้าขึ้นมองดูคนอื่นๆ อีก 19 คนที่อยู่รอบๆ ตัว เสียงเยาะเย้ยหลุดออกจากปากของพวกเขาขณะที่พวกเขาพูด

“ได้ยินแล้วนะเด็กๆ ไปทำงานกันเถอะ”

45 นาทีต่อมา :

“อีกนานไหมกว่าพวกมันจะมาถึงที่นี่?” 

ผมถามอเล็กซ์ที่อยู่ข้างๆ

“ประมาณ 15 นาทีบวกลบ” 

เขาตอบ ซึ่งผมก็พยักหน้า

“สถานการณ์ทางตะวันออกเป็นยังไงบ้าง?” 

ผมถามต่อขณะนั่งอยู่ที่โต๊ะตรงกลางโดยมีหลายคนที่นั่งอยู่รอบตัว

“นักสู้ระยะไกลทั้งหมดอยู่ในตำแหน่งแล้ว” 

เอลล่ากล่าวด้วยสายตาไม่พอใจที่ยังคงแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ชอบผมอยู่ แต่เธอก็ยังคงเป็นมืออาชีพในและตอบกลับมาอยู่ดี

“สถานการณ์ทางฝั่งเอลฟ์เป็นยังไงบ้าง?” 

ผมถาม

“กับดักทั้งหมดถูกวางไว้แล้วค่ะ และด้วยพลังขององค์หญิงซาบริน่า พวกมันทั้งหมดคงไม่รอดค่ะ” 

เอมิลี่พูดด้วยดวงตาสีเขียวที่จับจ้องมาทางผมอย่างมีความสุข

“การสนับสนุนภาคพื้นดินหล่ะ?” 

ผมถามต่อ

“ไม่มีอะไรผิดปกติบนพื้นดินครับ” 

ชิร่าพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนผู้ชายของเธอโดยแอบมีร่องรอยของความเกลียดชังอยู่ แต่ดูเหมือนเธอจะควบคุมมันได้ดี

“ทางอากาศหล่ะ?” 

ผมถาม

“องค์หญิงอิซาเบลล่าและผู้ติดตามของท่านกำลังดูแลความเรียบร้อยอยู่ค่ะ” 

ผู้หญิงที่มีหน้าตาน่ารักพูด เธอเป็นสมาชิกคนสำคัญของฝ่ายอิซาเบลล่า

“พวกปีศาจเป็นยังไงบ้าง?” 

ผมถาม

“เจ้าพวกบ้านั่นถอดตัวควบคุมออกแล้ว พวกมันจะเป็นสัตว์ประหลาดที่แท้จริงของสนามรบ” 

ปีศาจพูดด้วยใบหน้านิ่งเฉย ดูเป็นมืออาชีพอย่างยิ่ง

“หน่วยสนับสนุนและหน่วยจู่โจม?” 

ผมถาม

“ด้วยการสนับสนุนของท่านหญิงแคทเธอรีนและองค์หญิงมาร์ลีนในสนามรบจะทำให้ไม่มีใครตายค่ะ” 

นางเงือกพูดด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่แสดงความภาคภูมิใจ

“โอลิเวียประจำตำแหน่งกับพี่สาวของฉันแล้วรึยัง?” 

ผมถาม

“เรียบร้อยแล้วครับ ทุกคนอยู่ในตำแหน่งโดยมีท่านหญิงนอร่าเป็นผู้นำแล้วครับ” 

ชายคนหนึ่งจากฝ่ายของโอลิเวียตอบ

‘เธอยังมีเวลามากวนประสาทฉันอีกเหรอ?’ 

ผมคิดในขณะที่มองชายหนุ่มรูปงามที่มีหน้าตาชวนฝันอย่างชัดเจนเมื่อพูดถึงโอลิเวีย

‘ดูเหมือนว่าเธอจะต้องการการลงโทษ แต่เธออาจจะชอบมันอีกครั้ง หรือบางทีเราน่าจะลองอะไรใหม่ๆ ดีนะ?’

แม้ว่าความคิดของผมจะนอกประเด็นโดยสิ้นเชิง แต่ผมก็ยังคงทำหน้านิ่งอยู่

“กลุ่มของเราเตรียมการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?” 

ผมถามโดยหันไปทางอเล็กซ์ซึ่งพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง

“ไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ ทุกคนประจำตำแหน่งตามที่คุณบอกแล้ว แม้แต่เอ็มม่า”

อเล็กซ์ตอบ

“เยี่ยม” 

ผมตอบก่อนที่จะเพ่งสายตาไปที่หน้าจอขนาดใหญ่ที่แสดงภาพของฝูงมอนสเตอร์ที่กำลังเดินขบวนกัน 

ตอนนี้แม้ในขณะที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ผมยังรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากพื้นดินเลย ผมรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่แผ่กระจายไปรอบๆ บรรยากาศที่ตึงเครียดเริ่มเบาบางลงเล็กน้อยจากการที่ผู้นำกลุ่มต่างๆ กล่าวคำปราศรัยให้กำลังใจคนของตนเองกัน

ทุกคนที่รวมตัวกันที่นี่เพื่อต่อสู้รู้ดีว่าอาจไม่ใช่ทุกคนที่จะออกไปจากที่นี่แบบมีชีวิต แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินหน้าต่อสู้

“มาแสดงให้พวกมันดูหน่อยเป็นไง?” 

ผมพูดด้วยรอยยิ้มขณะที่เราทุกคนหันไปมุ่งความสนใจไปที่กองทัพที่กำลังเคลื่อนทัพออกไป

…..

มุมมองบุคคลที่สาม :

รอบเมืองที่ถูกทำลายนั้นมีกลุ่มนักเรียนจำนวนมากรวมตัวกัน พื้นที่ 360 องศาทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยผู้คนอย่างสมบูรณ์และไม่มีจุดใดว่างเหลืออยู่แม้แต่จุดเดียว 

ในสถานการณ์เช่นนี้ ทุกคนต่างมารวมตัวกัน ผู้คนทุกเผ่าพันธุ์ตอนนี้ต่างยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียวเพื่อเผชิญกับภัยคุกคามที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามา

ไม่มีการแบ่งแยกเผ่าพันธุ์หรือความแค้นอีกต่อไป ตอนนี้พวกเขาเป็นเพียงกลุ่มของสิ่งมีชีวิตที่ต่อสู้เพื่อความอยู่รอดเท่านั้น สิทธิในการมีชีวิตของพวกเขาต่างอยู่ในมือของกันและกัน ทำให้เกิดความไว้วางใจในระดับที่อธิบายไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างทุกคนที่มารวมตัวกันที่นี่ ความไว้วางใจที่สักวันหนึ่งอาจเบ่งบานกลายเป็นบางสิ่งอันงดงาม ซึ่งเป็นสิ่งที่ออสตินรอคอย

ด้วยความช่วยเหลือของทุกคน บาเรียขนาดใหญ่ได้ถูกสร้างขึ้น โดยนักเวทที่ใช้ดิน, เหล็กและอัญมณี พยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างกำแพงที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ กำแพงที่มอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดจะไม่อาจพังลงง่ายๆ

นักธนูและนักรบระยะไกลต่างอยู่ภายใต้การนำของคาร์เมลในตำแหน่งที่อยู่สูง โดยมีนักรบที่ใช้อาวุธมาอยู่ภายใต้การควบคุมและรอคอยคำสั่งของเธออยู่ ในขณะที่หน่วยโจมตีด้วยเวทมนตร์ระยะไกลที่ดีที่สุดรอคอยคำสั่งของอิซาเบลล่าอยู่

ไม่มีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอีกต่อไป คนที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งเชี่ยวชาญในทักษะของตนได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำที่โดดเด่นในเรื่องนั้น ‘ที่สุด’ ซึ่งเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ไม่ทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติหรือบ่อนทำลายอำนาจ

ผู้รักษาที่เก่งที่สุดยืนรอทำตามคำสั่งของแคทเธอรีน, นักสู้ที่เก่งที่สุดต่างออกไปต่อสู้เคียงข้างมาร์ลีน, พวกปีศาจต่างพยายามดูว่าจะเกิดความสับสนวุ่นวายอะไรตามมา, ชาวทะเลยกอาวุธขึ้นสูงเพื่อให้สามารถดึงความแข็งแกร่งออกมาได้เนื่องจากเป็นจอมเวทย์ธาตุน้ำทั้งหมด

การต่อสู้ในปัจจุบันขึ้นอยู่กับทุกคน และเผ่าพันธุ์ที่พวกเขาเป็นนั้นไม่สำคัญอีกต่อไป

‘นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้ในตอนนี้ หวังว่ามันจะจบลงด้วยดีนะ’

ออสตินคิดขณะจ้องมองฉากสำคัญที่อาจถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต

 

 

 

-Donate-

True Money Wallet ID : mraxzy 

ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต