“ข้อเสนอแนะของเกาจิ้นอวิ๋นถูกต้องมาก การประลองหุ่นรบ 12 คนเป็นประโยชน์กับพวกเราที่สุด ตรงกันข้าม การประลองแบบกลุ่ม 50 คนก็เป็นสิ่งที่เราเสียเปรียบมากที่สุด ถึงแม้พวกเราก่อตั้งกลุ่มหุ่นรบแล้ว แต่เราไม่เคยมีประสบการณ์ประลองหุ่นรบขนาดใหญ่ ฉันเชื่อว่าอย่างมากสุดพวกนายก็เคยต่อสู้ร่วมมือกันแค่ 24 คนในโลกหุ่นรบ ถึงขนาดที่มีคนไม่น้อยเคยสัมผัสแค่ภารกิจหน่วยรบขนาดเล็ก 6-12 เท่านั้นใช่หรือเปล่า”
คำถามของหลิงหลานทำให้ทุกคนในที่แห่งนี้ทยอยกันพยักหน้าขึ้นมา อันที่จริง นอกจากคนอื่นแล้ว ความสามารถของหัวหน้าทีมเหล่านี้ยังไม่เพียงพอให้พวกเขาเข้าร่วมภารกิจกลุ่มขนาดใหญ่เลย พวกเขาจึงไม่มีประสบการณ์ใดๆ ในด้านนี้จริงๆ
“ถ้าเกิดเฉียวถิงต้องการแค่ชัยชนะล้างความอัปยศที่เหลยถิงพ่ายแพ้ให้กับพวกเราเพียงอย่างเดียว เขาควรเลือกการประลองแบบกลุ่ม 50 คนเพื่อเพิ่มความมั่นใจมากยิ่งขึ้น แต่จากที่ฉันรู้มา เฉียวถิงคนนี้เป็นคนที่โอหังอวดดีมั่นใจในตัวเองมาก ถึงขนาดที่ตัดสินใจทำตามอำเภอใจโดยพลการ สำหรับเขาแล้ว การใช้วิธีการรับประกันความมั่นใจแบบนี้มาเอาชนะพวกเรา อาจเป็นความอัปยศอดสูของตัวเขาได้”
หลิงหลานกล่าวถึงตรงนี้ก็หยุดไปครู่หนึ่ง จากนั้นค่อยกล่าวต่อว่า “สาเหตุที่เขาขอท้าประลองกับพวกเราในเวลานี้ หนึ่งคือกลัวว่าพวกเราจะใช้ช่วงเวลานี้ฉวยโอกาสเติบโตขึ้นมาจริงๆ สอง การประเมินเข้ากองทัพของพวกเขาปีห้ากำลังจะเริ่มแล้ว เป็นไปได้สูงว่าเฉียวถิงอยากใช้การท้าประลองแข่งขันนี้มาสลักชื่อเสียงหน้าตาของเขาไว้บนหอเกียรติยศประวัติศาสตร์ของโรงเรียนทหารก่อนการประเมินผล…เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้แล้ว เฉียวถิงไม่มีทางเลือกแม้กระทั่งการประลองกลุ่มใหญ่ 24 คน มีความเป็นไปได้เพียงเลือกท้าประลองทีม 12 คนที่แสดงความสามารถของคนผู้เดียวออกมาได้มากที่สุด”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลิงหลานคล้ายกับไม่มีความกดดันเลยสักนิดเดียว เธอดึงปากกระบอกแขนเสื้อของมือขวาตัวเองอย่างเฉยเมย สีหน้าท่าทางดูสงบนิ่ง เธอกล่าวต่อว่า “ส่วนผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษ เขาก็ไม่คงเลือก สมาชิกทีมที่ออกมาต่อสู้พร้อมเขาน่าจะเป็นนักรบหุ่นรบชั้นสูงทั้งหมด การท้าประลองแข่งขันนี้คือการแข่งขันโชว์ความสามารถของเขาคนเดียว ลูกทีมพวกนั้นเป็นแค่ฉากหลังให้กับความแข็งแกร่งของเขาเท่านั้น”
หลิงหลานกล่าวถึงตรงนี้ มุมปากอดเผยร่องรอยความเยาะหยันไม่ได้ ศัตรูที่เห็นตัวเองว่าสูงส่งแท้จริงแล้วเป็นศัตรูที่จัดการง่ายมากที่สุด เธอคิดมาตลอดว่าเฉียวถิงอาจเป็นศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการปกครองโรงเรียนทหารของเธอ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเป็นคนที่จัดการง่ายที่สุดแล้ว หวังว่าหลังจากการท้าประลองแข่งขันนี้แล้ว เฉียวถิงคงไม่ล้มจนลุกขึ้นมาไม่ได้นะ! ไม่ง่ายเลยกว่าหลิงหลานจะหาคู่ต่อสู้ที่สูสีกับเธอเจอ เธอไม่อยากเล่นจบเพียงแค่นี้
“ฮะ นี่เขาดูถูกกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนของพวกเราอยู่ไม่ใช่เหรอ?” คำพูดของหลิงหลานทำให้ทุกคนในที่แห่งนี้ฉุนขาดขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยโทสะ มีคนไม่น้อยก่นด่าด้วยความโกรธเกรี้ยว ถ้าเป็นเหมือนกับที่หลิงหลานว่าไว้จริงๆ ละก็ การตัดสินใจเช่นนี้ของเฉียวถิงบ่งบอกว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในสายตาของเฉียวถิงเลย
เมื่อเผชิญหน้ากับความเดือดดาลของทุกคน หลิงหลานกลับหลุบเปลือกตาลงอีกครั้ง ไม่มีความคิดเอ่ยปากอีก เซี่ยอี๋ที่อยู่ด้านข้างรู้ว่าลูกพี่ตัวเองไม่สนใจที่จะอธิบายเพิ่มอีกแล้ว ดังนั้นเลยรีบต่อคำพูดอธิบายเสริมแทนลูกพี่ตัวเองว่า “ช่วงนี้ทุกคนสนใจข่าวซุบซิบกันบ้างหรือเปล่า?”
เซี่ยอี๋ไม่รู้แน่ชัดว่า ทำไมหนึ่งปีมานี้ลูกพี่ของเขาถึงพูดน้อยลงเรื่อยๆ ใช้แค่สายตาและการกระทำสื่อสารกับพวกเขาเท่านั้น ทว่าประสิทธิภาพกลับไม่เลวเลย สมาชิกทีมแทบจะเข้าใจความหมายที่ลูกพี่อยากแสดงออกได้หมดเลย เพียงแต่ต่อให้ความรู้สึกรู้ใจกันดีเยี่ยมขึ้นเรื่อยๆ ทว่าแรงกดดันของสมาชิกทีมก็มากยิ่งขึ้นเช่นกัน ไม่รู้ว่าจะถูกลูกพี่โยนออกไปด้านข้างเมื่อไหร่ ทำเอารู้สึกกังวลใจชะมัดยาดเลย
คำพูดของเซี่ยอี๋ทำให้ความสนใจของทุกคนมารวมกันอีกครั้ง เซี่ยอี๋ในตอนนี้ไม่ได้เป็นแค่สมาชิกคนหนึ่งของทีมหลิงหลานแล้ว เขายังเป็นผู้เจรจาทางการทูตของทีมหลิงหลานด้วย สิ่งที่เซี่ยอี๋กล่าวมักจะเป็นความตั้งใจที่หน่วยรบของหลิงหลานอยากแสดงออกมา พวกเขาจะเมินเฉยไม่ได้เด็ดขาด
ขณะที่ทุกคนกำลังงุนงงสับสน ไม่รู้ว่าข่าวซุบซิบที่เซี่ยอี๋หมายถึงคือเรื่องไหน เซี่ยอี๋ก็เอ่ยปากพูดอีกว่า “ได้ยินว่าล่าสุดเฉียวถิงกำลังพยายามไล่ตามนักร้องจิตวิญญาณหลี่อินเฟยอย่างยากลำบาก แต่หลี่อินเฟยกลับประกาศเสียงดังว่า คู่ชีวิตของเธอในอนาคตคือราชันไร้พ่าย มีเพียงคนที่ไปถึงจุดนี้เท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติไล่ตามเธอ เฉียวถิงเลยต้องใช้ผลงานที่โดดเด่นยอดเยี่ยมมาพูด เพื่อกลายเป็นราชาในใจหลี่อินเฟยและมีคุณสมบัติไล่ตามอีกฝ่ายได้ เขาอยากกลายเป็นราชาของโรงเรียน และสิ่งที่ทำให้ราชาอย่างเขาคนนี้ด่างพร้อยก็คือ กลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนของพวกเราที่เพิ่งก่อตั้งนี้ เขาเลยได้แต่ใช้ชัยชนะแบบบดขยี้จนราบคาบมาล้างความอัปยศเพื่อพิสูจน์ต่อหน้าธารกำนัลว่าเขาคือราชาที่แท้จริงของโรงเรียนทหาร เพราะฉะนั้นเขาเลยได้แต่ใช้วิธีการตามที่ลูกพี่หลานพูดมาท้าประลอง ความงามเป็นภัยนะเนี่ย” เซี่ยอี๋ทอดถอนใจพลางหัวเราะคิกคัก ทำให้ผู้คนไม่น้อยที่นั่งอยู่ที่นี่อดหัวเราะเบาๆ ขึ้นไม่ได้
เวลานี้เอง ตรงทางโค้งของบันไดชั้นสอง ร่างเงาสีดำหนึ่งกำลังยืนอยู่ในมุมที่มืดมิด เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเซี่ยอี๋ ร่างกายของเขาก็อดสั่นระริกเบาๆ ไม่ได้ ทว่าแป๊บเดียวเขาก็ยืนอย่างมั่นคงมากอีกครั้ง ราวกับว่าฉากเมื่อสักครู่เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
“แค่หลงใบหน้านั้นเหรอ? ดูเหมือนการคาดเดาของฉันจะถูกต้อง เฉียวถิงก็คือไอ้ราชาต่ำตมนั่นจริงๆ ด้วย…” นัยน์ตาสองข้างของเงาดำมีความอำมหิตพาดผ่าน จิตสังหารตามมาทันที ทว่ามันก็หายไปจนหมดอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวเต็มไปด้วยความขมขื่น เขาที่ยังเป็นผู้ควบคุมระดับพิเศษจะไปจัดการอีกฝ่ายได้อย่างไร เขายังคงอ่อนแอมากเกินไป
ไม่นาน ร่างเงาดำก็ฟื้นตัวจากความสะเทือนใจกลับมาเป็นปกติ แววตาเปลี่ยนเป็นเด็ดเดี่ยวขึ้นมาอีกครั้ง เขาเชื่อว่า ขอเพียงเขาพยายามทำตามที่กระต่ายจัดเตรียมให้ ต้องมีสักวันที่เขาแข็งแกร่งขึ้นจนไปถึงความสามารถระดับเดียวกันกับเฉียวถิง เวลานั้นเขาจะต้องตัดพรหมลิขิตเวรตะไลนี้ด้วยตัวเขาเองให้ได้
หลังจากที่เซี่ยอี๋รอจนเสียงหัวเราะของทุกคนทยอยกันหยุดลงแล้ว เขาถึงค่อยกล่าวต่อว่า “แน่นอนว่า เฉียวถิงวางแผนไว้สวยงามมาก ยุติบุญคุณความแค้นกับพวกเราด้วยตัวเอง นั่งบัลลังก์ราชาของโรงเรียน นำพาอำนาจที่น่าเกรงขามนี้เข้าสู่กองทัพสักกองเพื่อรับความชื่นชม หลังจากนั้นก็ทะยานขึ้นสูงไปทีละก้าวอย่างราบรื่น ท้ายที่สุดก็กลายเป็นราชาที่สมคำล่ำลือในโลกหุ่นรบ เอาชนะใจของหลี่อินเฟยสาวงามคนนี้ได้ ต้องพูดว่า เฉียวถิงวางแผนการไว้ดีมาก ให้กลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนของพวกเราเป็นแผ่นปูทางเดินแข็งๆ…แต่กลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนของพวกเราก็ไม่ใช่พวกกระดูกอ่อน ที่อยากเคี้ยวก็เคี้ยวได้…” พอเอ่ยถึงตรงนี้ รอยยิ้มของเซี่ยอี๋ก็หายไปโดยสิ้นเชิง ร่องรอยความเย็นชาอำมหิตโผล่ออกมารางๆ มีความเย็นเยียบของลูกพี่หลานอยู่หลายส่วน
ที่แท้หลังจากติดตามลูกพี่หลานมาเนิ่นนาน ทุกคนต่างสืบทอดท่าไม้ตายประจำตัวของลูกพี่หลานมาได้ กระทั่งเซี่ยอี๋ที่มีรอยยิ้มเต็มใบหน้าอยู่เนืองนิจ เมื่อทำหน้าเย็นชาก็สามารถทำให้คนหนาวยะเยือกแบบนี้ได้เหมือนกัน…ทุกคนลอบมองไปยังหลิงหลานที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ประธานทำหน้าเย็นเยียบไร้ความรู้สึก ยืนยันอีกครั้งว่า ลูกพี่หลานทรงอำนาจหาใดเปรียบจริงๆ พลังอิทธิพลแข็งแกร่งมากเกินไปแล้ว
คำกล่าวนี้ของเซี่ยอี๋ทำให้ทุกคนเข้าใจแล้วในที่สุดว่า ทำไมลูกพี่หลานถึงคาดการณ์ว่าเฉียวถิงทำการท้าประลองแบบทีม 12 คน ทุกคนอดชื่นชมไม่ได้ คนที่ประทับใจอย่างล้ำลึกมากที่สุดคืออู่จย่ง แววตาของเขาที่มองไปยังหลิงหลานเต็มไปด้วยความนับถือ ทว่ามันก็แฝงร่อยรอยความพ่ายแพ้ด้วยเช่นกัน
ยิ่งคบหากับหลิงหลานนาน เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าหลิงหลานไม่อาจหยั่งถึงมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ก่อตั้งกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนแล้ว อู่จย่งรู้ดีว่า หัวหน้าอย่างหลิงหลานคนนี้ความจริงแล้วไม่ได้ดูแลอะไรเลย คนดูแลกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนที่แท้จริงคือเขา—อู่จย่ง ทว่าหลังจากที่กลุ่มหุ่นรบเหลยถิงส่งจดหมายท้ามา ตอนที่จิตใจของเขาเต็มไปความสับสนอลหม่าน หลิงหลานกลับรวบรวมข่าวสารและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเหลยถิงและเฉียวถิงอย่างใจเย็นแล้ว ข่าวสารและข้อมูลบางอย่างที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งเขามองข้ามไป แต่หลิงหลานกลับเห็นเบาะแสบางอย่างจากในนั้นได้ แถมยังเข้าใจและคาดการณ์การกระทำที่เป็นไปได้ของคู่ต่อสู้ออกมาอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่า โดยภาพรวมแล้ว เขายังเทียบชั้นหลิงหลานไม่ได้เลย
เมื่อครุ่นคิดถึงตรงนี้ อู่จย่งอดมองไปยังเกาจิ้นอวิ๋นที่กลับมาทำตัวถ่อมตนอีกครั้งไม่ได้ หมอนี่ทำตัวไม่เป็นจุดสนใจในกลุ่มมากๆ มาโดยตลอด ไม่เป็นที่สนใจจนทำให้พวกเขามองข้ามอีกฝ่ายไป แต่ลูกพี่หลานที่ไม่สนใจเรื่องราวกลับสามารถมองเห็นจุดเด่นของเขาออกได้ในแวบเดียว และเรียกแค่ชื่อของเขาเพื่อให้เขาพูดจากในหมู่คนมากมายขนาดนี้ สายตาที่เฉียบคมแบบนี้ทำให้อู่จย่งชื่นชมและอิจฉาเช่นเดียวกัน เขาสู้ลูกพี่หลิงหลานในด้านการขุดความสามารถคนไม่ได้เหมือนกัน
อู่จย่งมองเห็นชัดเจนมากว่า การโต้ตอบของหลิงหลานกับเกาจิ้นอวิ๋นไม่ได้วางแผนเตรียมการไว้ล่วงหน้า เนื่องจากความประหลาดใจแกมยินดีและความตื่นเต้นบนใบหน้าของเกาจิ้นอวิ๋นไม่ใช่ของปลอม นอกเสียจากเกาจิ้นอวิ๋นเป็นนักแสดงโดยกำเนิด ทักษะการแสดงไปถึงขอบเขตสมบูรณ์แบบไร้ช่องโหว่ ไม่เช่นนั้นเขาไม่มีทางทำได้เหมือนจริงขนาดนี้
เป็นเหมือนอย่างที่พ่อของเขากล่าวไว้เลย การติดตามผู้ที่แข็งแกร่งล้ำเลิศจะทำให้เขาได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างที่เขาไม่เคยเรียนมาก่อนจริงๆ อีกทั้งได้รู้จุดอ่อนที่ไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน…แต่ คุณพ่อครับ เมื่อคนผู้หนึ่งแข็งแกร่งจนทำให้คนต้องแหงนหน้ามอง เขายังมีความกล้าไปสู้กับอีกฝ่ายได้อย่างไร? อู่จย่งอดยิ้มฝืดเฝื่อนขึ้นมาไม่ได้…
กลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนเห็นพ้องต้องกันแล้ว แค่ต้องรอเฉียวถิงทำการเคลื่อนไหวต่อไปเท่านั้น อย่างที่คิดไว้จริงๆ เฉียวถิงไม่ให้เวลากลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนเตรียมตัวมากนัก วันรุ่งขึ้น กลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนก็ได้รับการแจ้งเตือนจากออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของโรงเรียนทหาร เป็นเหมือนกับที่หลิงหลานคาดการณ์เอาไว้ กลุ่มหุ่นรบเหลยถิงเลือกการท้าประลองแข่งขันหุ่นรบแบบทีม 12 คน และหัวหน้าที่นำทีมก็คือเฉียวถิง
ด้านล่างข้อความแจ้งเตือนของออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักได้เตือนว่า กลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนและกลุ่มหุ่นรบเหลยถิงจะต้องยื่นรายชื่อสมาชิกที่เข้าร่วมการประลองอย่างเป็นทางการให้กับออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักภายในสามวันให้หลัง
อันที่จริง เมื่อหลิงหลานคาดการณ์ว่าเฉียวถิงจะเลือกท้าประลองแบบที 12 คน ในใจเธอก็มีรายชื่อคนที่ออกไปต่อสู้แล้ว เพียงแต่เธอไม่ได้ประกาศออกมา ประการแรก เธออยากดูต่อว่ายังมีพลาดตกหล่นอะไรอีกหรือเปล่า ประการที่สอง เธอเองก็ไม่อยากให้เหลยถิงรู้รายชื่อชุดนี้แล้วทำการปรับเปลี่ยนการรับมือเหมือนกัน
ในเมื่อเฉียวถิงเตรียมการให้กลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนเป็นหินปูทางเพื่อให้เขาประกาศตนเป็นราชา ก็อย่าโทษที่เธอให้กลุ่มหุ่นรบเหลยถิงเป็นไก่ที่กลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนเชือดให้ลิงดูเพื่อมีชื่อเสียงสะท้านโรงเรียนแทน
……
ศูนย์บัญชาการกลุ่มหุ่นรบเหลยถิง เฉียวถิงคล้ายกับกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ในที่สุดก็มีคนผู้หนึ่งรีบร้อนเดินจากด้านนอกเข้ามาในศูนย์บัญชาการ เมื่อเห็นคนผู้นี้ปรากฏตัว ดวงหน้าที่เดิมทีเคร่งขรึมของเฉียวถิงก็พลันผ่อนคลายลง
“ได้รายชื่อคนที่เข้าร่วมการประลองของกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนมาหรือเปล่า?” คนที่อยู่ข้างกายเฉียวถิงรีบถาม ในฐานะที่เป็นคนสนิทของเฉียวถิง เขารู้ดีว่าตอนนี้เฉียวถิงอยากรู้อะไรมากที่สุด
“ไม่ได้ครับ รายชื่อคนเข้าประลองอยู่ในมือหัวหน้ากลุ่มพวกเขา ต่อให้เป็นหัวหน้าทีมที่อยู่ล่างลงมาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสุดท้ายใครเป็นคนออกไปประลอง แต่สิ่งที่เราสามารถยืนยันได้คือ พวกหัวหน้ากลุ่มเข้าร่วมกันหมดเลยครับ ส่วนโควตาที่เหลือน่าจะคัดเลือกจากในหมู่หัวหน้าทีมต่างๆ” ผู้ที่มาปาดเหงื่อเย็นๆ บนหน้าผาก เขาใช้เวลาเกือบสามวัน แต่ยังหารายชื่อที่แท้จริงมาไม่ได้ นี่ทำให้เขาหวั่นกลัวอยู่บ้างว่าจะได้รับคำตำหนิจากหัวหน้ากลุ่มของเขาเพราะเหตุนี้หรือเปล่า