บทที่ 352 พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดกู้อิ๋น

ฮูหยินกู้จับมือถังหลี่แล้วตบที่หลังมือของนางเบาๆ

“เด็กดี”

“ทำไมมือเจ้าเย็นเช่นนี้?”

นางอดพึมพำไม่ได้ จากนั้นก็หยิบหยกอุ่นออกมาจากอกของนางแล้วใส่ในมือของถังหลี่

ถังหลี่สัมผัสหยกอุ่น มันอุ่นจริงๆ นอกจากจะมีอุณหภูมิของนางแล้ว มันยังเก็บอุณหภูมิของฮูหยินกู้เอาไว้อีกด้วย ลวดลายซับซ้อนบนหยกอุ่นทำให้ถังหลี่มองด้วยความงุนงง

“มีอะไรผิดปกติหรือ?” ฮูหยินกู้ถาม

“ลวดลายบนหยกดูคุ้นตา” ถังหลี่เอ่ยออกมาอย่างแปลกใจ

“ข้าเคยมีจี้หยกที่คล้ายกันเช่นนี้ มารดาบุญธรรมบอกข้าว่าเป็นของที่บิดามารดาผู้ให้กำเนิดของข้ามอบให้”

“แล้วจี้หยกเล่า?” สีหน้าของฮูหยินกู้เปลี่ยนไป

“จี้หยกหายไป แต่ดูเหมือนลวดลายจะแตกต่างออกไปเล็กน้อยเจ้าค่ะ”

ถังหลี่พูดอย่างไม่ใส่ใจนัก ฮูหยินกู้เก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ นางออกไปส่งถังหลี่ที่หน้าบ้านด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“ฮูหยินมีอะไรหรือเจ้าคะ?” แม่นมจ้าวถามขึ้น ฮูหยินกู้ลูบหยกอุ่นในมือของนางช้าๆ

“บรรพบุรุษคนหนึ่งของข้าเป็นคนชอบแกะสลัก เขาออกแบบลวดลายมากมายตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น เป็นลวดลายที่มีเฉพาะในตระกูลของข้าเท่านั้น ลวดลายที่ว่าส่วนใหญ่จะถูกแกะไว้บนของมีค่า”

แม่นมจ้าวเป็นสาวใช้จากตระกูลเดิมของฮูหยินกู้ นางจึงเข้าใจทันที ฮูหยินจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อย่างไม่มีเหตุผล

“ฮูหยินท่านคิดอย่างไรหรือเจ้าคะ”

“ไม่มีอะไร” ฮูหยินกู้ส่ายศีรษะ

หลังจากที่นางส่งถังหลี่แล้ว ฮูหยินกู้ก็เดินไปที่เรือนของกู้อิ๋น เมื่อเห็นนาง หญิงสาวโผเข้าหาอ้อมกอดของมารดาอย่างรักใคร่ นางเงยหน้ามองด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“ท่านแม่…พี่สามเป็นอย่างไรบ้าง?”

“เขาสบายดี”

“ท่านแม่ ข้าทำอะไรผิดไปหรือ? เหตุใดพี่สามถึง…” กู้อิ๋นมีสีหน้าไม่พอใจ

“ เขาแค่เสียสติไปเท่านั้น อีกไม่กี่วันก็หายดีแล้ว เจ้ากำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน อย่าได้กังวลใจเลย” ฮูหยินกู้ปลอบใจ นางพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

ก่อนหน้านี้ฮูหยินกู้ดีกับกู้อิ๋นมาก แต่เมื่อไม่นานมานี้ความขุ่นเคืองที่เกิดขึ้นในใจทำให้ฮูหยินกู้รู้สึกไม่สนิทใจกับนางเช่นเดิม มารดาและบุตรสาวคุยสัพเพเหระกันอยู่สักพัก กู้อิ๋นมีเรื่องในใจที่เอ่ยปากบอกใครไม่ได้ นางจึงไม่ได้พูดอะไรกับมารดามากนัก

ส่วนกู้หวนจิ่นนั้น ก็กลับมาเป็นหนุ่มสำราญเช่นเดิม เขากินได้นอนหลับสบายเหมือนปกติ

เมื่อเห็นเช่นนั้นฮูหยินกู้ถอนหายใจอย่างโล่งอก คำพูดเกลี้ยกล่อมของถังหลี่คงใช้ได้ผลจริงๆ แต่อย่างไรก็ต้องกันกู้หวนจิ่นออกห่างจากกู้อิ๋นสักพักน่าจะเป็นการดี

….

ถังหลี่กลับไปยังจวนอู่โหว เมื่อนางเข้าไปในจวนนางร้องเรียก

“ฉือซื่อ” ร่างเงาสีดำปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง

“ฉือซื่อ เรื่องที่ข้าให้เจ้าทำเป็นอย่างไรบ้าง?” ถังหลี่ถาม

“วันนี้ข้าได้พาพวกเขามายังเมืองหลวงแล้วขอรับ กำลังพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมทางตะวันออกของเมือง” ฉือซื่อก้มศีรษะรายงาน

คนที่เขาพูดนั่นคือบิดามารดาผู้ให้กำเนิดกู้อิ๋น พี่ชายทั้งสองและพี่สะใภ้ทั้งสองคนของนาง

ถังหลี่ให้คนไปบอกกับครอบครัวของกู้อิ๋นว่านางอยู่ในเมืองหลวงกลายเป็นคุณหนูที่มีค่าราวกับทองพันชั่ง และกำลังจะได้แต่งงานกับองค์ชายสาม

ครอบครัวสกุลจูมีสายตาตื้นเขินและโลภมากมาก เมื่อได้ยินว่าลูกสาวกำลังจะกลายเป็นหงส์ไปเกาะกิ่งไม้สูง พวกเขาก็ออกจากหมู่บ้านแล้วเดินทางมายังเมืองหลวงเพื่อหวังประโยชน์จากลูกสาวของตนเอง และที่พวกเขามาถึงเมืองหลวงได้อย่างสะดวกสบายก็เป็นเพราะ ‘ความช่วยเหลือ’ ของถังหลี่

ถังหลี่พยักหน้ากำชับว่า

“ปกป้องพวกเขาไว้ให้ดี อย่าให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับพวกเขา!”

“ขอรับ” ฉือซื่อพยักหน้า

“มีคนเฝ้าระวังที่หมู่บ้านสกุลจูหรือไม่?” ถังหลี่ถามต่อ

“ตามที่นายหญิงสั่งไว้ มีคนคอยเฝ้าระวังแล้วขอรับ” ฉือซื่อพูด

ในเมื่อตัวตนของถังหลี่เปิดเผยแล้ว กู้อิ๋นคงคิดว่าบิดามารดาของนางเป็นคนเปิดเผยเรื่องนี้อย่างแน่นอน ด้วยความชั่วร้ายของกู้อิ๋นนางจะต้องไปถอนรากถอนโคนที่หมู่บ้านสกุลจูเพื่อปิดบังความลับของนางเอาไว้ แต่นางไม่รู้ว่าถังหลี่ได้เดินหน้านำนางไปหนึ่งก้าวแล้ว

ถังหลี่อยากรู้ว่าใครจะช่วยกู้อิ๋น หากเป็นจู๋เยว่ คงน่าประหลาดใจมาก ถังหลี่ยิ้มมุมปากอย่างคาดหวัง

วันถัดมา

กู้อิ๋นและองค์ชายสามนัดกันไปชมดอกไม้ในสวนฤดูใบไม้ผลิที่ชานเมืองตะวันออก สวนแห่งนี้เป็นสวนของราชวงศ์ คนที่มาได้นั้นล้วนแต่เป็นราชนิกุล บุคคลภายนอกจะต้องได้รับเชิญเข้ามาก่อน

“คุณหนูเจ้าคะ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันงานแต่งงานแล้ว แต่องค์ชายสามยังเชิญให้คุณหนูมาชมดอกไม้ด้วย ดูท่าองค์ชายสามจะคิดถึงท่านมากนะเจ้าคะ” จุ้ยอวิ๋นพูดจาหยอกล้อคุณหนูของนาง

ขนบธรรมเนียมในต้าโจวเปิดกว้างมาก ชายหญิงที่ยังไม่แต่งงานสามารถพบหน้ากันก่อนแต่งงานได้ เป็นเพราะพวกเขาตกอยู่ในห้วงรักจึงอดใจไม่ได้ที่จะเจอหน้ากันก่อนแต่งงาน ในความคิดของจุ้ยอวิ๋น องค์ชายสามหลงรักคุณหนูของนางมาก

ในที่สุดใบหน้าหม่นหมองของกู้อิ๋นก็เผยยิ้มออกมา อย่างน้อยเมื่อนึกถึงว่าจ้าวชูนั้นหลงใหลในตัวเองก็ทำให้มีความสุขขึ้นมา

เมื่อกู้อิ๋นเข้าไปในสวน นางก็เห็นชายหนุ่มในชุดสีขาวยืนอยู่ใต้ร่มไม้ไม่ไกลนัก ใบหน้าเขาหล่อเหลาราวกับราวกับภาพวาด เมื่อเขาเห็นกู้อิ๋น ก็คลี่ยิ้มอ่อนโยน เดินตรงมาหา เมื่อเห็นกู้อิ๋นถนัดตาก็ขมวดคิ้วพูดว่า

“เหตุใดเจ้าจึงใส่เสื้อผ้าน้อยเช่นนี้” ด้วยสีหน้าและแววตาแฝงไว้ด้วยความห่วงใย เขาสั่งให้บ่าวรับใช้ไปนำเสื้อคลุมตัวนอกมาให้กู้อิ๋น เมื่อใส่แล้วจึงทำให้อบอุ่นขึ้น จ้าวชูสังเกตเห็นความผิดปกติของกู้อิ๋น

“มีอะไรรบกวนกวนจิตใจของเจ้าหรือ?” จ้าวชูถาม

“หรือเป็นเพราะเรื่องซุบซิบตามท้องถนน?”

กู้อิ๋นมองเขาด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าของนางดูไม่ค่อยดีนัก

“ท่านได้ยินข่าวลือด้วยหรือเจ้าคะ?”

“แน่นอนว่าข้าเป็นห่วงเจ้าเช่นกัน เด็กโง่” น้ำเสียงของจ้าวซูอ่อนโยน

“เจ้าเป็นคนจิตใจดี จะไปสั่งสาวใช้ให้ทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร มีแต่คนไร้ปัญญาเท่านั้นที่จะเชื่อเรื่องนี้” จ้าวชูปลอบอย่างอ่อนโยน

ภายใต้สายตาที่อ่อนโยนของเขา หัวใจของกู้อิ๋นเต้นถี่ระรัว นางไม่คิดว่าชีวิตนี้จะต้องหวั่นไหวกับเรื่องเหล่านี้อีกแล้ว แต่เมื่อนางไม่สบายใจและรู้สึกอ่อนแอ ความอ่อนโยนของชายผู้นี้กลับทำให้นางตกหลุมรัก ในไม่ช้ากู้อิ๋นก็ระงับอาการหวั่นไหว ไม่เช่นนั้นมันอาจจะกลายเป็นจุดอ่อนของนางไปได้

ตราบใดที่จ้าวชูรักนางแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว ยิ่งเขารักนางมากเท่าไหร่ นางก็จะยิ่งสามารถใช้งานเขาได้มากขึ้น เขาคือไพ่อีกใบที่นางจะใช้กำจัดถังหลี่ได้

ทั้งสองชื่นชมเพลิดเพลินดอกไม้ด้วยกัน หลังจากนั้นจ้าวชูจึงได้ส่งกู้อิ๋นกลับจวน เขาได้รับคำสั่งจากมารดาให้ไปเข้าเฝ้า เขาจึงให้บ่าวรับใช้ส่งนางกลับไป

จ้าวชูมองรถม้าที่หายลับไป ความอ่อนโยนบนใบหน้ากลับกลายเป็นเย็นชา

ส่วนกู้อิ๋นกลับไปที่จวนสกุลกู้อย่างอารมณ์ดี ในขณะที่นางลงจากรถม้าและกำลังจะเดินเข้าไปในจวน ได้มีคนสองคนวิ่งเข้ามาคว้าแขนของนางไว้

“เจียวเจียวเป็นเจ้าจริงๆ ในที่สุดแม่ก็เจอเจ้าแล้ว!”

“เจียวเจียวเจ้าหายไปไหนมา! แม่ตามหาเจ้ามานานมาก!”

“เจียวเจียว พ่อแทบจะขาดใจแล้ว! เหตุใดหายไปเช่นนี้”

สองคนนี้คือบิดามารดาของกู้อิ๋น พวกเขากอดนางไว้แน่นหนา ใบหน้าของกู้อิ๋นซีดเผือดไปทันที