ตอนที่ 203 กลอุบายของฉางโซ่ว (1)
“ช้าก่อน สหายเต๋า!”
เมื่อได้ยินข้อความเสียงนั้น เดิมทีผู้บำเพ็ญเหวินจิงไม่สนใจมัน นางยังต้องการดูดเลือดของนักพรตเต๋าชราเซียนเทียนเพื่อทำให้ตัวเองสงบลง
แต่ ในขณะนั้น ผู้บำเพ็ญเหวินจิงไม่รู้ว่าผู้กระทำผิดทั้งสามจากไปแล้วหรือไม่ และนางยังรู้สึกไม่สบายใจ
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงเริ่มสงสัยอีกครั้งว่า นักพรตเต๋าชราเซียนเทียนที่บินผ่านในเวลานี้ น่าจะถูกส่งมาจากเจ้าพวกตัวชั่วช้าทั้งสามคนนั้น เพื่อทดสอบว่านางกล้าจะเผยเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้กับผู้ใดหรือไม่… นางจึงปิดดวงตาและสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่ออดกลั้น ระงับโทสะเอาไว้
เวลานี้ นางเป็นดั่งราชันที่เมื่อไปอยู่ใต้ชายคาบ้านเขา ก็ต้องก้มศีรษะให้[1]!
นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวกงหมิง และฉยงเซียว จึงทำได้เพียงเลือกที่จะรักษาชีวิตของตัวเองให้รอดเท่านั้น
ดังนั้น ผู้บำเพ็ญเหวินจิงจึงแสดงท่าทาง ทำตัวน่าสงสารขณะที่เผชิญหน้ากับนักพรตเต๋าชราเซียนเทียนที่พุ่งมาเพื่อ “ทดสอบ” นาง …
บางที อาจเป็นเพราะเสียใจมากเกินไป ผู้บำเพ็ญเหวินจิงเต็มไปด้วยการมองโลกในแง่ร้ายและความรู้สึกหดหู่ในใจ ขณะนี้ นางนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ถูกเจ้าตัวชั่วช้าแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี่ยทั้งสามหลอกลวง… แม้ว่าความจริงแล้ว พวกมันจะไม่คู่ควรกับคำนั้น
ในท้ายที่สุดก็มีเพียงสองคนเท่านั้นที่โหดร้ายจริงๆ เห็นได้ชัดว่า เซียนเสิ่นน้อยอีกคนที่แสร้งทำเป็นเดินผ่านเป็นผู้ช่วยที่จ้าวกงหมิงและฉยงเซียวบังเอิญดึงเข้ามาช่วย!
เมื่อนึกถึงเซียนเสิ่นน้อย ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็ยิ่งเดือดดาลหนัก… กล้าดีอย่างไรถึงมายุ่งวุ่นวายกับข้าเช่นนี้!?! นางแสร้งทำเป็นเดินผ่านไปแล้วดึงแขนนางพร้อมกับตะโกนด้วยท่าทางเสแสร้งหน้าใสใจคด
“เฮ้ เฮ้ สหายเต๋า เจ้าทำเช่นนี้ไม่ได้นะ!
เฮ้ เฮ้ ทำร้ายคนไม่ดีนะ เจ้าทำร้ายคนเช่นนี้ได้อย่างไร?”
คำพูดเหล่านั้นบอกให้นางรู้ชัดเจนว่า— “สหายเต๋า จงยอมแต่โดยดีเถิด พวกเราจะจัดการเจ้าได้อยู่หมัดแน่ นอน!”
ฮึ่ม!
ทุกคนที่มาจากสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี่ยล้วนมีใจสกปรก!
เซียนเสิ่นน้อยตัวเล็กๆ ที่ไม่มีอะไรโดดเด่นเช่นนี้มีจิตใจสกปรกนัก!
เมื่อเทียบกับพวกคนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี่ย ปรมาจารย์จากสำนักบำเพ็ญประจิมที่ลอบคิดรุกไล่คนของสำนักบำเพ็ญเต๋า และแอบวางแผนทำร้ายสามสำนักบำเพ็ญเต๋านั้น ก็ยังเป็นคนดีกว่ามากนัก เพราะพวกเขาอุทิศตนทุ่มเทอย่างหนักให้กับการพัฒนาด้านภูมิภาคตะวันตกของโลกบรรพกาล!
ลูกหลานในเผ่าของนางล้วนเป็นเด็กบริสุทธิ์ที่แช่ตัวอยู่ในน้ำศักดิ์สิทธิ์วิญญาณสวรรค์!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้บำเพ็ญเหวินจิงนึกถึงเรื่องนี้…
ข้ายอมแพ้แล้ว แต่พวกเขากลับไม่ได้ทำอะไรราชินีเช่นข้าผู้นี้เลย!
และนั่นถึงเป็นสิ่งที่น่าโกรธแค้นสุดๆ!
เจ้าตัวชั่วช้าทั้งสามคนเพิ่งนำสมบัติและศิลาวิญญาณที่ไร้ประโยชน์ไปจำนวนหนึ่งในขณะที่ฉยงเซียวก็จัด ให้นางสวมชุดกระโปรงยาวในเวลานี้ และยังกล่าวหาว่านางทำลายบรรยากาศของโลกบรรพกาลซึ่งส่งผลกระทบต่อการฝึกบำเพ็ญของเหล่าศิษย์ชายผู้บริสุทธิ์เหล่านั้น
จากนั้นก็นางให้สัตย์ปฏิญญาต้าเต๋าก่อนจะปล่อยนางไปเช่นนี้…
นางกำลังดูหมิ่นข้าหรือไม่?
ข้า ผู้บำเพ็ญเหวินจิงที่บริสุทธิ์ ไม่คู่ควรที่จะถูกดักจับและตกเป็นเป้าหมายของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยหรือ? ข้าไม่คู่ควรที่จะถูกบังคับให้ทำบางสิ่งที่มีความหมายมากกว่านี้หรือ? ชีวิตของข้ามีค่าเพียงศิลาวิญญาณกองหนึ่งเท่านั้นหรือ?
เจ้าพวกสำนักบำเพ็ญประจิมต่ำช้า!
มีแต่ผีนรกเท่านั้นถึงจะรู้ว่าข้าต้องเผชิญอะไรมาบ้าง!?!
ยิ่งผู้บำเพ็ญเหวินจิงคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งอึดอัดคับแค้นใจมากขึ้นเท่านั้น จนอยากตะโกนก่นด่าสาปแช่งพวกเขาจริงๆ ทว่านางยังจำปฏิญญาต้าเต๋าที่เพิ่งถูกบังคับให้ทำเมื่อครู่ก่อนนี้ได้…
คำปฏิญาณนั้น…
เจ้าพวกตัวชั่วช้า เจ้าเล่ห์ เหลี่ยมจัด และยังละเอียดรอบคอบเยี่ยงใดกันถึงจะเขียนแบบคำปฏิญญาต้าเต๋าที่ครอบคลุมทุกอย่าง ขนาดนั้นได้!?!
พวกเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญประจิมต้องการอะไรจากการวางแผนทำร้ายข้า?
เคาะภูเขาเขย่าเสือหรือ[2]?
หรือเพียงแค่บังเอิญมาพบนางจึงมาแกล้งเห็นเป็นเรื่องสนุก?
เพื่อสนุก…
ข้า ผู้บำเพ็ญเหวินจิง แม้ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นกลุ่มชนชั้นสูงในโลกบรรพกาล แต่แน่นอนว่า ข้าก็นับได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่ทรงพลังเวทมากที่สุด เช่นนี้แล้ว ข้ายังกลับกลายเป็นแค่งานอดิเรกที่สร้างเรื่องแสนสนุกให้กับเจ้าพวกชั่วช้าเช่นนี้…
ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ผู้บำเพ็ญเหวินจิงได้จัดการเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน บรรดาผู้ที่พบนางและรู้จักชื่อของนางนั้นล้วนตายไปแล้ว
แต่ในวันนี้ เมื่อได้มาพบกับจอมวางแผนที่แท้จริง นางจึงตระหนักได้ว่ามีความแตกต่างกันอย่างมหาศาลมาก…
ไม่เช่นนั้น จะสามารถกราบเป็นศิษย์ของจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยได้อย่างไร? ทว่า นางเป็นเพียงเบี้ยที่อยู่ในมือของจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นมือสังหารให้พวกเขา…
เมื่อคิดเช่นนั้น ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็หัวเราะเยาะตัวเอง แล้วจู่ๆ นางก็รู้สึกท้อแท้ขึ้นมาเล็กน้อย
หากนางสู้ไม่ได้ ก็ต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน แล้วนางยังควรต่อสู้กับสำนักบำเพ็ญเต๋าต่อไปดีหรือไม่?
นางทำงานให้กับสำนักบำเพ็ญประจิมมาโดยตลอด และสิ่งที่ได้รับก็เป็นเพียงบุญจากเครื่องสักการะ…
นางรู้สึกสงสารหรือสนใจผู้คนในเผ่าเหล่านั้นที่ถูกสำนักบำเพ็ญประจิมจับตัวคุมขังเอาไว้อยู่หรือไม่?
เมื่อถามตัวเองตรงๆ แล้ว นางก็พบว่าไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้น
ครั้งล่าสุดท้ายที่เผ่ามังกรเข่นฆ่าชนเผ่าเหล่านั้น นางก็ยังไม่ได้รู้สึกลำบากใจหรือไม่สบายใจอะไรมากนัก นางแค่รู้สึกว่ากำลังถูกพวกมังกรโง่เขลาเหล่านั้นวางอุบาย ทำให้โกรธแค้นในใจเท่านั้น
แต่หากไม่มีผู้คนเหล่านั้น นางก็คงไม่รู้สึกว่ามีตัวตนดำรงอยู่ในโลกนี้อีกต่อไป คงเป็นดั่งวิญญาณโดดเดี่ยวอ้างว้างที่ล่องลอยมาจากสมัยโบราณ
สามสำนักบำเพ็ญเต๋า สำนักบำเพ็ญประจิม เต๋าสวรรค์ กระแสทั่วไป บุญ การต่อสู้ของสำนักใหญ่… เหอะๆ…
สุดท้ายแล้ว มันมีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า ผู้บำเพ็ญเหวินจิงเล่า?
นางหัวเราะแล้วถอนหายใจก่อนจะเอ่ยว่าเต๋าอันยิ่งใหญ่นั้นล้วนไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน
นางอาจไปที่ทะเลโกลาหลเพื่อหลบหนีการค้นหาของเหล่าจอมปราชญ์ และอาจหาสถานที่ลับเพื่อซ่อนตัวและฝึกบำเพ็ญเพียรได้
หากโชคดีพอ นางอาจพบชนเผ่าสิ่งมีชีวิตโกลาหลสักหนึ่งหรือสองเผ่าที่ไม่ค่อยแข็งแกร่งมากนักหรือเศษซากรกร้างที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในทะเลโกลาหล นางก็ยังคงเป็นราชินีได้…
ดังนั้น หลี่ฉางโซ่วจึงเห็นเพียง… ผู้บำเพ็ญเหวินจิง ซึ่งควรจะโหดร้ายอย่างยิ่ง ทว่า จู่ๆ นางกลับเผยรอยยิ้มสลดหดหู่ใจและสิ้นหวังออกมาแล้วมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีครามด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์สะเทือนใจ
จากนั้นเขาก็ได้ยิน ผู้บำเพ็ญเหวินจิงเอ่ยเสียงอาศัยกับนักพรตเต๋าชราที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้ผ่านการส่งข้อความเสียง
“สหายเต๋า เจ้าไม่จำเป็นต้องมาที่นี่ ปฏิญญาต้าเต๋าของเจ้าเสร็จสมบูรณ์แล้ว เจ้ายังกังวลว่าข้าจะกลับมาล้างแค้นในภายหลังอีกหรือ?”
จริงๆ เลย!
หลี่ฉางโซ่วยิ้มขื่นในใจ ผู้บำเพ็ญเหวินจิงผู้นี้ ถูกท่านอาจารย์ลุงจ้าวและเทพธิดาฉยงเซียวหลอกลวง!ท่านอาจารย์ลุงจ้าวและเทพธิดาฉยงเซียวไม่ได้สังหารนางทันที พวกเขาคงไม่รู้เบื้องหลังว่า นางกำลังทำอะไร…
ในขณะนั้น เมื่อมองดูผู้บำเพ็ญเหวินจิงผู้นี้ นางช่างงดงามจริงๆ
น่าเสียดาย…
ในสายตาของหลี่ฉางโซ่ว แม้ผู้บำเพ็ญเหวินจิงคนนี้จะงดงามราวเทพธิดาแห่งดวงจันทร์เหิงเอ๋อร์[3] ซึ่งเป็นสุดยอดสาวงามที่งดงามที่สุดในสามอาณาจักร และติดอันดับหนึ่งในห้าของประวัติศาสตร์ แต่นางก็ยังเป็นเพียงคนเหี้ยมโหดหกขา[4]ในโลกบรรพกาลเท่านั้น!
เขายังคงเข้าใกล้ ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก่อนที่หลี่ฉางโซ่วจะทันได้ตอบโต้ใดๆ ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็ส่งเสียงกลับมาอีกครั้งอย่างกระวนกระวายเล็กน้อยว่า “สหายเต๋า พอได้แล้ว!”
“ข้าไม่ได้ไร้ยางอาย? เจ้าจะไม่รังแกกันมากไปหรือ!?!”
“ใช่ แม้ข้าสู้เจ้าไม่ได้ แต่ข้าก็หลบซ่อนได้ไม่ใช่หรือ? ข้าจะออกไปจากโลกบรรพกาลแล้ว เจ้าคงพอใจแล้วสินะ!”
หลี่ฉางโซ่วถึงกับพูดไม่ออก
นางก็แค่ถูกหลอกไม่ใช่หรือ? แล้วไย จู่ๆ ถึงเบื่อโลกได้เล่า?
…………………………………………………………………………………………………………………………
[1] เปรียบดั่งเมื่ออีกฝ่ายมีอำนาจมากกว่า เราย่อมไม่มีทางเลือก นอกจากต้องยอมถอยและก้มศีรษะให้ผู้ที่อยู่เหนือกว่า
[2] การทำการหรือทำสัญญาณบางอย่างเพื่อให้อีกฝ่ายตกใจ ตื่นกลัวหรือทำให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหว
[3] เทพธิดาเหิงเอ๋อร์ หรือเป็นที่รู้จักกันในนามเทพธิดาฉางเอ๋อร์ แต่ว่ากันว่านามเหิงเอ๋อร์ ถูกเปลี่ยนเป็น ฉางเอ๋อร์ ในสมัยพระเจ้าฮั่นเหวินตี้ เพราะฮ่องเต้องค์นี้ มีพระนามจริงว่า เหิง คำว่า เหิง ในนามเหิงเอ๋อร์ ไปพ้องเสียงกับพระนามจริงของฮั่นเหวินตี้ นามเหิงเอ๋อร์จึงถูกเปลี่ยนเป็นฉางเอ๋อร์ เพื่อเลี่ยงการพ้องเสียงพระนามจริงของฮ่องเต้
[4] ยุงมีหกขา