บทที่ 314 เรื่องนี้ต้องมีคำอธิบาย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 314 เรื่องนี้ต้องมีคำอธิบาย

บทที่ 314 เรื่องนี้ต้องมีคำอธิบาย

“ท่านพี่…” วันนี้กู้เสี่ยวอี้ใส่ชุดใหม่ที่กู้เสี่ยวหวานทำให้ในวันเกิด เมื่อเห็นว่าแขนเสื้อขาด มือก็ยังบาดเจ็บ นางจึงรู้สึกเสียดายเสื้อผ้าขึ้นมา และรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างมาก หยาดน้ำตาหลั่งรินออกมาอีกครั้ง

“ไม่เป็นไรนะ เสื้อผ้าขาดก็ไม่เป็นไร ของโดนแย่งไปก็ไม่เป็นไร ครั้งหน้าหากมีคนมารังแกเจ้าอีก ถ้าเจ้าเอาชนะพวกเขาไม่ได้ก็ให้ของที่พวกเขาต้องการไปเถอะ ไม่มีของอะไรสำคัญไปกว่าตัวเจ้าอีกแล้ว รู้ใช่หรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างปวดใจ

กู้เสี่ยวอี้พยักหน้าและเช็ดน้ำตาของตนเองด้วยความคับข้องใจ แม้ว่านางจะไม่เข้าใจคำพูดของพี่สาวสักเท่าไร แต่นางจะจำคำของพี่สาวให้ขึ้นใจ

“ไปกัน เข้าไปข้างในกับข้าเถอะ ข้าจะทำแผลให้” กู้เสี่ยวหวานปวดใจจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา ในตอนที่เลิกแขนเสื้อของกู้เสี่ยวอี้ขึ้นและพบว่าแผลที่ถูกหินขูดนั้นยังมีเลือดไหลซึมออกมาอยู่ มือที่อ่อนโยนราวกับสายบัวมีแผลเช่นนี้ กู้เสี่ยวหวานก็ทุกข์ใจจนแทบจะทนไม่ไหว

แต่หลังจากที่คิดเรื่องนี้ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกเหมือนมีอีกอะไรมาจุกอยู่ที่คอ

เดิมทีครอบครัวของนางก็ถูกรังแกโดยคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นญาติ แต่ตอนนี้กลับถูกรังแกโดยเด็กที่ยังไม่โต ครอบครัวกุ้ยมีความกล้าเสียจริงที่แย่งของไปไม่ได้แล้วก็มาทำร้ายคนอื่น

กู้เสี่ยวหวานยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ นางไม่สนใจแม้แต่จะทำความสะอาดบาดแผลด้วยซ้ำ กู้เสี่ยวหวานดึงกู้เสี่ยวอี้มาและกล่าวอย่างโกรธเคือง “ไป เสี่ยวอี้ พวกเราไปบ้านครอบครัวกุ้ยกัน เรื่องนี้ต้องมีคำอธิบาย!”

กู้เสี่ยวหวานในวันนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน เมื่อก่อนในตอนที่ลำบาก ไม่ว่าอย่างไรนางก็รู้สึกว่าไม่มีความมั่นใจ แต่ในวันนี้นางมีความมั่นใจมากพอ อีกทั้งพวกนั้นยังมารังแกน้องสาวสุดที่รักของนางอีก กู้เสี่ยวหวานจึงทนไม่ไหวอีกต่อไป ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นางก็จะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว

ถ้าทนต่อไปก็จะกลายเป็นคนขี้ขลาด!

กูเสี่ยวหวานรีบพากู้เสี่ยวอี้เดินไปที่บ้านครอบครัวกุ้ยอย่างรวดเร็ว

ในช่วงนี้กุ้ยซื่อไม่ได้ไปยุ่งกับครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานอีกต่อ โดยเฉพาะเมื่อได้ยินเรื่องที่กู้เสี่ยวหวานจับป้าของนางเข้าคุก ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่ผู้พิพากษาของเมืองรุ่ยเสียนก็เอ็นดูกู้เสี่ยวหวาน กุ้ยซื่อจึงทำได้เพียงอิจฉา แต่นางไม่กล้าไปยุ่งวุ่นวายกับกู้เสี่ยวหวานอีกต่อไป

กุ้ยซื่อนั่งกินเมล็ดแตงโมอย่างเบื่อหน่าย ครั้นเห็นลูกสาวทั้งสองกลับมาโดยไม่กล่าวอะไรและเดินก้มหน้าเข้าห้องไป จึงเกิดความรู้สึกสงสัย

หลังจากที่กุ้ยชุนเจียวและกุ้ยตงเหมยแย่งผ้าเช็ดหน้ามาได้ พวกนางก็วิ่งกลับบ้านอย่างพึงพอใจราวกับได้ของล้ำค่ามา

กุ้ยซื่อยังคงสงสัยว่าลูกทั้งสองของนางกำลังปิดบังอะไรอยู่ จนกระทั่งได้ยินเสียงตะโกนมาจากข้างนอก

“กุ้ยชุนเจียว กุ้ยตงเหมย พวกเจ้าออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้!” เมื่อกู้เสี่ยวหวานมาถึงบ้านครอบครัวกุ้ยก็ยืนตะโกนเสียงดังอยู่ภายนอก

เมื่อกุ้ยซื่อได้ยินเสียงของกู้เสี่ยวหวานจึงรีบออกมาโดยไม่ทันได้คิด และกล่าวอย่างมีเจตนาแอบแฝง “สาวน้อยเสี่ยวหวาน เจ้ามาทำไมกัน? มาตะโกนโหวกเหวกโวยวายหน้าบ้านของข้าเช่นนี้ นี่เจ้าคิดว่าพอมีเงินแล้วจะทำเช่นไรก็ได้อย่างนั้นหรือ?”

กุ้ยซื่อมีนิสัยชอบส่งเสียงดัง หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานได้ยินจึงมองไปที่นางอย่างเย็นชา “เรียกลูกสาวทั้งสองของท่านออกมา”

เมื่อกุ้ยซื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของกู้เสี่ยวหวาน นางก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง ยิ่งเมื่อเห็นกู้เสี่ยวอี้ที่อยู่ข้าง ๆ มีท่าทางน่าสงสาร และบนใบหน้ายังมีคราบน้ำตาที่ยังไม่แห้งเหมือนว่านางเพิ่งร้องไห้มา

กุ้ยซื่อจึงถอนหายใจอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “เจ้ามาทำอะไร?”

“เรียกกุ้ยชุนเจียวกับกุ้ยตงเหมยออกมา!” กู้เสี่ยวหวานไม่สนใจกุ้ยซื่อและตะโกนขึ้นอีกครั้ง

“เจ้า…” เมื่อกุ้ยซื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานมีท่าทีเหมือนจะกินคน ในใจก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย นางจึงยิ่งไม่อยากให้ลูกสาวของนางออกมามากขึ้น “กู้เสี่ยวหวาน เจ้ามาโวยวายอะไรที่บ้านของข้า?”

กุ้ยสวิ้นเหอก็อยู่ที่บ้านด้วย เมื่อได้ยินเสียงโหวกเหวกนอกบ้านจึงเดินออกมาดู เมื่อออกมาก็เห็นภรรยาของตนเองกำลังตะโกนอยู่และกู้เสี่ยวหวานที่กำลังโกรธจัด เกรงว่าภรรยาของตนคงจะลืมการเดินรอบหมู่บ้านเพื่อขอโทษและจำบทเรียนนั้นไม่ได้แล้ว เขาจึงรีบมาปิดปากกุ้ยซื่อและกล่าวว่า “หุปปาก คนที่โวยวายคือเจ้านั่นแหละ!”

“เสี่ยวหวาน เจ้ามาทำอะไรที่นี่หรือ?” กุ้ยสวิ้นเหอไม่เหมือนกับกุ้ยซื่อ เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานมาที่บ้านของเขา น่าจะต้องมีบางอย่างผิดปกติอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงรีบเอ่ยถาม

สีหน้าโกรธเคืองของกู้เสี่ยวหวานลดลง แม้ว่านางจะไม่ชอบกุ้ยซื่อ แต่นางได้ยินมาว่ากุ้ยสวิ้นเหอเป็นคนมีความประพฤติดี และได้รับการตอบรับอย่างดีในหมู่บ้าน

“ท่านลุงกุ้ย…” กู้เสี่ยวหวานเรียกอย่างเคารพ จากนั้นดึงกู้เสี่ยวอี้มาและกล่าวอย่างลำบากใจ “น้องสาวของข้าได้รับบาดเจ็บจากการกระทำของลูกสาวของท่าน ข้าจึงมาขอคำอธิบาย”

กุ้ยสวิ้นเหอเห็นแขนเสื้อของกู้เสี่ยวอี้ขาดเป็นวงกว้าง บนผิวหนังมีรอยแผลขนาดใหญ่ที่มีเลือดไหลซึม

“นี่…” กุ้ยสวิ้นเหอก็ตกตะลึงเมื่อเห็นรอยแผล ไม่คิดว่าลูกสาวของเขาจะทำร้ายกู้เสี่ยวอี้ได้ จึงตะโกนดังลั่นด้วยความโกรธเคือง “ชุนเจียว ตงเหมย พวกเจ้าออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้”

เมื่อกุ้ยซื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวอี้ได้รับบาดเจ็บ จึงรีบดึงแขนของกุ้ยสวิ้นเหอและกล่าวเสียงดัง “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ แค่นางพูดว่าลูกสาวเป็นคนผลัก เจ้าก็เชื่ออย่างนั้นหรือ!”

กุ้ยซื่อต้องการตะโกนอีกสองสามประโยค แต่โดยกุ้ยสวิ้นเหอจ้องกลับ “กู้เสี่ยวหวานไม่เคยมาที่บ้านเราเลย ถ้าไม่ใช่เพราะลูกสาวเจ้าไปทำร้ายนางก่อน นางก็คงจะไม่มาคุยกับเจ้าหรอก!”

กุ้ยสวิ้นเหอผู้นี้เป็นคนมีเหตุผล แต่การที่เขาแต่งงานกับภรรยาอย่างกุ้ยซื่อนั้นเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์เสียจริง

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้เย็นชาเหมือนเมื่อสักครู่ เมื่อเผชิญหน้ากับกุ้ยสวิ้นเหอ นางจึงปรับสีหน้าให้ดีขึ้น

“ชุนเจียว ตงเหมย ออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้!” กุ้ยสวิ้นเหอตะโกนไปที่ห้องของลูกสาวทั้งสองอีกครั้ง

มีเสียงบางอย่างดังมาจากข้างในนั้น ไม่นานกุ้ยชุนเจียวและกุ้ยตงเหมยก็ผลักกันให้เดินนำออกมาทีละก้าว เมื่อเห็นท่าทางราวกับถูกจับได้เช่นนั้นของลูกสาว เขาจึงเข้าใจโดยไม่ต้องเอ่ยถาม “พวกเจ้าผลักกู้เสี่ยวอี้ใช่หรือไม่?”

กุ้ยชุนเจียวและกุ้ยตงเหมยไม่คิดว่าพ่อของตนเองจะตำหนิโดยไม่ถามก่อนเช่นนี้ และกู้เสี่ยวหวานก็มีท่าทางที่ดุร้ายราวกับแม่เสือ และจ้องอย่างโกรธเคืองมาที่พวกนาง ข้างกายนางก็มีกู้เสี่ยวอี้ที่ยืนอยู่อย่างคับข้องใจ กุ้ยชุนเจียวและกุ้ยตงเหมยจึงเริ่มรู้สึกกลัว พวกนางจึงมองไปที่กุ้ยซื่อ และหวังว่าผู้เป็นแม่จะช่วยพูดให้พวกนาง

กุ้ยซื่อที่มองเห็นกุ้ยสวิ้นเหอตำหนิลูกสาวของตน กุ้ยซื่อทนไม่ไหวจึงเดินเข้าไปดึงกุ้ยสวิ้นเหอและด่าว่า “เจ้ากินอะไรผิดสำแดงเข้าไป ลูกสาวเจ้ายังไม่ได้ยอมรับผิด เจ้าก็ด่าพวกนางแล้วเนี่ยนะ ถ้าเกิดลูกสาวของเจ้าไม่ได้เป็นคนทำล่ะ เจ้าจะทำเช่นไร?”