บทที่ 315 ไม่ใช่คนปกติ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 315 ไม่ใช่คนปกติ

บทที่ 315 ไม่ใช่คนปกติ

กุ้ยสวิ้นเหอไม่สนใจคำพูดของกุ้ยซื่อและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าพวกนางไม่ได้ทำ เจ้าก็ลองดูว่าพวกนางจะมีท่าทีเช่นนี้หรือ ถ้าพวกนางไม่ได้ทำก็บ้าแล้ว เฮ้อ…”

กุ้ยสวิ้นเหอรู้จักลูกสาวสองคนนี้ดีว่ามีนิสัยชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่า ถ้าเรื่องในวันนี้พวกนางไม่ได้ทำก็คงออกมาต่อปากต่อคำกับกู้เสี่ยวหวานไปแล้ว แต่ดูท่าทางที่ไร้คำอธิบายของพวกนางสิ นี่… นี่…

ถ้าไม่ใช่พวกนางทำ แล้วใครจะทำ

ยิ่งกว่านั้น กู้เสี่ยวหวานเป็นคนที่ไม่ชอบสร้างปัญหากับคนอื่น การที่นางมาที่บ้านพร้อมกับน้องสาวที่ได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ ถ้าพวกเขาไม่มีหลักฐาน พวกเขาจะกล้ามาได้อย่างไร?

“ชุนเจียว ตงเหมย รีบขอโทษเสี่ยวอี้เดี๋ยวนี้!” เมื่อกุ้ยสวิ้นเหอเห็นลูกสาวทั้งสองยืนนิ่งไม่ขยับก็รีบดุทันที

“ท่านพ่อ…” กุ้ยชุนเจียวและกุ้ยตงเหมยกล่าวขึ้นพร้อมกัน แล้วจ้องไปที่กู้เสี่ยวหวานและกู้เสี่ยวอี้อย่างโกรธเคือง เงยหน้าขึ้นราวกับจะไม่ยอมขอโทษ

“ท่านลุงกุ้ย น้องสาวของข้าออกไปเดินเล่นข้างนอก และบังเอิญเจอกับชุนเจียวและตงเหมย พวกนางต้องการแย่งผ้าเช็ดหน้าของน้องข้าไป ถ้าเป็นแค่การเล่นของเด็กผู้หญิงก็ไม่เป็นไร ที่บ้านข้ายังมีผ้าเช็ดหน้าอีกมาก ถ้าทั้งสองชอบก็ควรจะมาพูดกับน้องสาวข้าดี ๆ พวกเราไม่ใช่คนหวงของ แน่นอนว่าพวกเราก็จะให้ผ้าเช้ดหน้าแก่พวกนางอยู่แล้ว แต่นี่…”

กู้เสี่ยวหวานเปลี่ยนน้ำเสียงของนางและกล่าวอย่างโกรธเคือง “เมื่อทั้งสองเห็นว่าน้องสาวของข้าไม่ให้จึงแย่งเอาไป และยังผลักน้องสาวข้าจนล้มลงบนพื้นจนแขนไปขูดกับก้อนหิน พวกเจ้าทั้งสองก็โตกว่าน้องสาวข้า แม้แต่ข้าก็ยังต้องเรียกพวกเจ้าว่าพี่สาว พวกเราก็เป็นคนหมู่บ้านเดียวกันแท้ ๆ เหตุใดพวกเจ้าถึงใจร้ายเช่นนี้”

“ใครใช้ให้เจ้าไม่ให้ผ้าเช็ดหน้ากับข้าล่ะ สมน้ำหน้า!” ขณะที่กุ้ยตงเหมยกล่าว นางซ่อนผ้าเช็ดหน้าที่ถืออยู่ข้างหลังเพราะกลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะมาแย่งกลับไป

กู้เสี่ยวหวานโกรธมาก ในที่สุดนางก็ยอมรับแล้วว่านางแย่งผ้าเช็ดหน้าของกู้เสี่ยวอี้ไป แต่ท่าทางเช่นนั้นทำให้กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเย็นชา

“แล้วที่เจ้าแย่งของคนอื่นไปนี่สมเหตุสมผลหรือ! นี่ไม่ใช่ของของพวกเจ้า เสี่ยวอี้ของข้าไม่ให้ พวกเจ้าก็ยังมาแย่งเอาไปและยังทำร้ายน้องสาวของข้าอีก พวกเจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร!”

กู้เสี่ยวอี้กัดริมฝีปากและกล่าวว่า “ท่านพี่ ข้าเจ็บมือ”

เมื่อกุ้ยสวิ้นเหอเห็นท่าทางเช่นนั้นของกู้เสี่ยวอี้ก็รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก และรู้สึกผิดหวังในตัวของลูกสาวมากเช่นกัน

“นั่นเป็นเพราะกู้เสี่ยวอี้ของเจ้านั่นแหละ ลูกสาวของข้าเพียงอยากดูของนั่น แล้วอย่างไร กู้เสี่ยวอี้ตระหนี่ไม่ยอมให้ลูกสาวข้าดู ถ้าเจ้าอยากจะโทษก็โทษที่เสี่ยวอี้ของเจ้า!” กุ้ยซื่อกล่าวอย่างเข้าข้างลูกสาวของตน

เมื่อกุ้ยชุนเจียวและกุ้ยตงเหมยได้ยินว่าแม่พูดเข้าข้างตนเองจึงรีบวิ่งไปหลบหลังกุ้ยซื่อ หลังจากไปหลบแล้วก็โผล่หน้าออกมายิ้มให้กู้เสี่ยวหวานอย่างเยาะเย้ย กู้เสี่ยวหวานจึงรู้สึกโกรธมากขึ้นไปอีก

“ท่านแม่ ไม่ผิดเลยเจ้าค่ะ เป็นเพราะกู้เสี่ยวอี้ไม่ให้พวกเราดู พวกเราถึงต้องแย่งมาดู” กุ้ยชุนเจียวอธิบาย

กุ้ยตงเหมยสบตากับกุ้ยซื่อและกล่าวว่า “ใช่แล้ว ท่านแม่ พวกเราไม่ได้ผลักกู้เสี่ยวอี้สักหน่อย แล้วแผลบนตัวของนางพวกเราจะรู้ได้อย่างไรว่ามันมาจากไหน”

กุ้ยซื่อยิ้มอย่างเย็นชา “ได้ยินแล้วหรือยัง ลูกสาวของข้าบอกแล้วว่าเป็นเพราะกู้เสี่ยวอี้ไม่ให้พวกนางดู พวกนางถึงแย่ง และอีกอย่างลูกสาวของข้าก็ไม่ได้เป็นคนผลักกู้เสี่ยวอี้อีกด้วย”

เมื่อกู้เสี่ยวอี้หน้าแดงด้วยความโกรธเมื่อเห็นว่ากุ้ยชุนเจียวและกุ้ยตงเหมยไม่ยอมรับว่าเป็นคนผลักนาง “โกหก พวกท่านนั่นแหละผลักข้า!”

กุ้ยสวิ้นเหอที่อยู่ตรงกลาง เขาอยากจะตำหนิลูกสาวทั้งสองของเขา แต่กุ้ยซื่อก็มาปกป้องไว้ กุ้ยสวิ้นเหอก็หน้าแดงขึ้นเรื่อย ๆ และสุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป “หุบปากไปเลยทั้งสองคน!”

กุ้ยซื่อยังคงแดกดัน เมื่อเห็นว่าสามีโกรธมากและจ้องมาอย่างดุเดือด ราวกับว่าเขากำลังจะกินตนเอง กุ้ยซื่อก็ขัดคอและกล่าวข่มเหงว่า “กุ้ยสวิ้นเหอ ถ้าวันนี้เจ้ายังจะให้ลูกสาวของข้าขอโทษคนพวกนี้ ข้าจะหย่าร้างกับเจ้า”

กุ้ยซื่อกล่าวอย่างชั่วร้าย นางสูดจมูกอีกครั้งและกล่าวว่า “ข้าอยู่กับเจ้ามานานแล้ว และทำงานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงดูลูกสาวสองคนของเรา แต่เจ้ากลับฟังคำพูดของคนอื่นและมาตำหนิลูกสาวของตนเอง เจ้าช่างใจร้ายยิ่งนัก!”

กุ้ยสวิ้นเหอโกรธหน้าดำหน้าแดงเมื่อได้ฟังคำพูดเช่นนี้ของกุ้ยซื่อ ซ้ายก็ไม่ดีขวาก็ไม่ได้! พลางมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างอึดอัด อยากจะพูดก็พูดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี

เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นท่าทีที่เหนือกว่าของกุ้ยซื่อ และท่าทีที่ด้อยกว่าของกุ้ยสวิ้นเหอ ก็เข้าใจได้ถึงนิสัยที่โหดร้ายของกุ้ยซื่อ

กู้เสี่ยวหวานยิ้มอย่างเย็นชาเมื่อเห็นท่าทางของกุ้ยซื่อ ถ้าวันนี้พวกนางกลับไปเช่นนี้ ในอนาคตกุ้ยซื่อและลูกสาวของนางจะไม่มารังแกพวกนางอีกอย่างนั้นหรือ

พอคิดถึงเรื่องนี้ กู้เสี่ยวหวานก็กล่าวอย่างเหน็บแนม “ไม่ให้ก็เลยแย่งงั้นหรือ? ลองคิดว่าผ้าเช็ดหน้านั้นเป็นของพวกเจ้าดูสิ! การแย่งของคนอื่นไปมันสมเหตุสมผลอย่างนั้นหรือ พวกหัวขโมย!”

“พวกเราไม่ใช่หัวขโมย!” กุ้ยชุนเจียวรู้สึกโกรธเพราะคำว่าหัวขโมย นางก้าวไปข้างหน้าและตะโกนว่า “กู้เสี่ยวหวาน ใครจะไปสนใจผ้าเช็ดหน้าของเจ้ากัน”

เมื่อกล่าวจบก็โยนผ้าเช็ดหน้าที่แย่งกู้เสี่ยวอี้มาลงบนพื้น นางโกรธจัดและก้าวไปเหยียบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น เมื่อทำเสร็จก็กล่าวออกมา “เอาล่ะ ผ้าเช็ดหน้านี้ข้าคืนให้พวกเจ้า!”

“เจ้า…” กู้เสี่ยวหวานไม่เคยเห็นคนหน้าหนาเช่นนี้มาก่อนเลย แย่งของผู้อื่นไปและเมื่อถูกจับได้ก็ไม่ยอมรับ เรื่องนี้มันช่างไร้เหตุผลเสียจริง

“ชุนเจียว!” เมื่อกุ้ยสวิ้นเหอเห็นลูกสาวของเขาแสดงกิริยาโง่เขลาเช่นนั้น เขาก็รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก แต่เพราะกลัวจะทำให้กุ้ยซื่อโกรธและจะหย่าร้างกับเขาจริง ๆ ถึงเวลานั้นเขาเองคงหมดหนทาง

กุ้ยซื่อตวัดสายตาเย็นชาและบ่นพึมพำ กุ้ยสวิ้นเหอก็รีบสงบปากสงบคำทันที

เมื่อเห็นว่าผ้าเช็ดหน้าที่นางปักถูกโยนทิ้งราวกับขยะ และถูกเหยียบย่ำโดยเท้าทั้งสองข้างของกุ้ยชุนเจียว กู้เสี่ยวอี้หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นขึ้นมาอย่างเศร้าใจ เมื่อกางผ้าเช็ดหน้าออกก็พบว่ามุมผ้าที่ปักไว้ถูกตัดออก เหลือไว้เพียงผ้าสีขาว

กู้เสี่ยวหวานก็เห็นเช่นกันและคิ้วก็กระตุก “กุ้ยชุนเจียว ทำไมเจ้าถึงตัดผ้าเช็ดหน้าของน้องสาวข้า”

“เฮ้อ…ก็ข้าตัดไปแล้ว จะทำเช่นไรได้เล่า?” กุ้ยชุนเจียวลอยหน้าลอยตาราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจคำพูดของกู้เสี่ยวหวานเลย