นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 192 ภรรยาไม่สวย
เหล่าไท่ไท่ไม่พอใจ “มีเงินซื้อเสื้อผ้าที่ไหน? ข้ายังใส่ชุดต่อจากแม่ข้าเลย! เจ้ายังดี ยังได้ใส่เสื้อนวมใหม่”

“ข้าก็ได้ใส่เสื้อนวมใหม่ตามไปด้วย” หลิวเซียงเอ่ยแทรก

เดือนที่แล้วเหล่าไท่ไท่อดหลับอดนอนทำชุดนวมตัวหนึ่งให้นางใส่ หัวใจนางอบอุ่นนัก นี่ยังเป็นเสื้อนวมตัวแรกของนางด้วย จากนั้นก็เป็นชุดตัวใน ชุดตัวกลาง นางรู้สึกเพียงชีวิตสุขสบายเหลือเกินจริงๆ

โจวกุ้ยหลานยิ้มตาหยีเอ่ย “เจ้าใส่เสื้อนวมสีแดงสวย”

ถูกชมอย่างนี้แล้ว หลิวเซียงจึงหน้าแดง ก้มหน้าห่อเกี๊ยว ลอบเหลือบมองโจวต้าไห่ด้วยหางตาทีหนึ่ง

สวีฉางหลินที่อยู่ด้านข้างเหล่มองหลิวเซียง จากนั้นก็เบนสายตามาที่โจวกุ้ยหลานอีก

เหล่าไท่ไท่กล่าวได้ถูกต้อง ภรรยาตัวน้อยของเขายังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าดีๆ เลย

เขาเห็นชุดหนังของโจวชิวเซียงแล้วรู้สึกไม่เลว ภรรยาของเขาใส่ได้พอดี

คิดแล้วก็ลูบกระเป๋าของตัวเอง ในนั้นว่างเปล่าไม่มีสักแดง…

“หน้าตาไม่เลว เอาไว้อีกระยะหนึ่ง ข้าจะพูดเรื่องแต่งงานให้หลิวเซียง จะว่าไปนางก็อายุสิบแปดแล้ว จะแต่งงานก็ลำบาก”

เหล่าไท่ไท่เอ่ยพลางขมวดคิ้ว

อย่างไรนังเด็กนี่ก็อายุสิบแปดแล้ว เป็นสาวเฒ่าแล้วจริงๆ ขายไม่ออก

ดีที่บุตรสาวคนเล็กของนางโชคดี ได้พบกับผู้ชายดีๆ อย่างฉางหลิน ไม่อย่างนั้นก็อยู่ลำบากเหมือนกัน

ครั้นเอ่ยเรื่องการแต่งงานของนาง หลิวเซียงก็ก้มหน้างุด หัวใจเต้นตุบๆ

“ท่านแม่ นี่ท่านพูดเกินไปแล้วนะ! สาวเฒ่าอะไร อายุสิบแปด ชีวิตเพิ่งจะเริ่ม!” โจวกุ้ยหลานแย้งทันควัน

นางเองก็เพิ่งอายุสิบเก้า ทำไมมารดาของนางเอาแต่พูดว่าสาวเฒ่า ยัยทึนทึก พูดจนแก่ไปหมดแล้ว

เหล่าไท่ไท่พูดอีก “ยังจะเถียงข้าอีก? ตอนที่ข้าอายุเท่าเจ้า พี่สาวใหญ่เจ้าก็โตเท่าเสี่ยวเทียนแล้ว! เจ้าว่ามาสิ เมื่อไรเจ้าจะอุ้มท้องสักที?”

“ข้ายังไม่โตเต็มที่เลย จะมีลูกได้อย่างไร? ท่านรู้หรือไม่ว่าทำไมท่านอายุห้าสิบ แต่เหมือนคนอายุเจ็ดสิบ? ก็เพราะท่านมีลูกเร็วเกินไปอย่างไรเล่า ถึงได้แก่เร็ว!” โจวกุ้ยหลานโต้กลับทันที

นางไม่กลัวมารดานางเร่งให้มีลูกหรอก หากพูดถึงเรื่องนี้ นางดุกว่ายิ่งมารดานางอีก!

เหล่าไท่ไท่โมโหจนง้างมือจะตีบุตรสาวคนเล็กของตัวเอง ไร้กฎไร้ระเบียบ ถึงกับกล้าพูดกับนางอย่างนี้

“ท่านตีสิ รีบๆ เลย วันนี้เป็นวันก่อนวันส่งท้ายปี! อีกอย่าง หลังปีใหม่ข้าก็จะย้ายขึ้นไปอยู่บนเขาแล้ว ท่านมีเวลาตีข้าแค่ไม่กี่วันนี้นั่นแหละ รีบตีเข้า” โจวกุ้ยหลานเอาหน้าตัวเองยื่นไปอยู่ตรงหน้าเหล่าไท่ไท่ กล่าวกับนางหนักๆ

พูดถึงขั้นนี้แล้ว เหล่าไท่ไท่ไหนเลยยังจะตีลง ได้แต่กระฟัดกระเฟียดเอามือลง

นังเด็กนี่เป็นดาวพิฆาตนางโดยแท้! นางสวีเหมยฮวาเก่งมาทั้งชีวิต แต่ต้องมาแพ้นางเด็กนี่!

สวีฉางหลินออกแรงบีบเกี๊ยวในมือตน อารมณ์โกรธในใจพุ่งทะยานขึ้นฟ้า

ดูสิเขาแต่งงานกับนางตั้งหลายเดือน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้สุขสมกับนางสักที!

หลับนอนกับนาง! พอเข้าบ้านใหม่แล้ว เขาต้องหลับนอนกับนางให้จงได้!

“แผ่นเกี๊ยวนี่ของเจ้าถูกเจ้าบีบแตกหมดแล้ว รีบเปลี่ยนแผ่นใหม่เร็วเถอะ” โจวต้าไห่ที่อยู่ด้านข้างเห็นเกี๊ยวอันน่าเวทนาของสวีฉางหลินชิ้นนั้นแล้วจึงเตือน

สวีฉางหลินมองเกี๊ยวที่ถูกเขาบีบจนเละไม่เป็นทรงของตัวเองทีหนึ่ง จากนั้นก็หยิบแผ่นเกี๊ยวแผ่นใหม่จากข้างๆ ด้วยท่าทางนิ่งก่อนจะห่อทับแผ่นเดิม

โจวกุ้ยหลานเหลือบมองแผ่นเกี๊ยวแผ่นนั้นของเขา หัวใจวาบหวิว

ทำไมรู้สึกว่าแผ่นเกี๊ยวแผ่นนั้นก็คือนางนะ? สวีฉางหลินอยากบีบนางให้ตายหรือ?

แต่พอคิดอีก เหมือนว่านางจะเกินไปหน่อย นานขนาดนี้แล้วยังไม่ได้เข้าห้องหอเลย…

แต่นี่จะโทษนางเสียทีเดียวก็ไม่ได้ เขาก็ผิดเหมือนกัน อีกอย่างสองเดือนนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ ของมีค่าเยอะแยะวางอยู่ข้างนอก ต้องมีคนเฝ้าสิ…

เจ้าก้อนน้อยเห็นเกี๊ยวชิ้นนั้นที่บิดาเขาห่อ เหยียดยิ้มหัวร่อ

เกี๊ยวที่บิดาห่ออัปลักษณ์ ยังไม่สวยเท่าของเขาเลย!

ครั้นได้ยินเสียง สวีฉางหลินก็ก้มหน้ามองศีรษะเจ้าก้อนน้อยด้วยความเย็นชา โทสะในใจพุ่งปรี๊ด

เป็นเพราะเขานั่นแหละ ตนถึงไม่ได้สุขสมกับภรรยาตัวน้อยสักที ยังกล้ามาหัวเราะเขาอีก!

ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากจัดการเขา

โจวกุ้ยหลานเห็นสีหน้าเขาแล้วก็รู้สึกแปลกๆ รีบเอื้อมมือคว้าเจ้าก้อนน้อยมาอยู่ข้างตน จะได้ไม่ถูกสวีฉางหลินอัด

“พอแล้วกระมัง?” เหล่าไท่ไท่มองเกี๊ยวที่อยู่บนโต๊ะ ถามพวกเขา

ครั้นมองไป มีเกี๊ยวอยู่สามสี่ร้อยชิ้น

โจวกุ้ยหลานก็รู้สึกว่าพอแล้ว ทุกคนจึงหยุด

เหล่าไท่ไท่หยิบชามมาสองสามใบ บรรจุเกี๊ยวเหล่านั้นไว้ข้างใน วางในตะกร้า แล้ววางชั้นรองไว้ด้านบนเพื่อวางชามอีก ด้วยเช่นนี้ นางหยิบเกี๊ยวครึ่งหนึ่งใส่ในตะกร้าแล้วคล้องตะกร้าเดินไป

เมื่อเห็นเกี๊ยวเหล่านี้แล้ว โจวกุ้ยหลานก็อารมณ์ดียิ่ง ให้หลิวเซียงช่วยจุดเตาไฟทันที แล้วนางก็ไปต้มเกี๊ยว

เจ้าก้อนน้อยเอาตัวพาดกับเตาไฟมองในหม้อ ปากน้อยๆ ขยับไม่หยุด

เมื่อเห็นเขาอยากกินขนาดนี้ โจวกุ้ยหลานสมองพลันแล่น ทำเกี๊ยวทอดตรงกลางหม้อ

สวีฉางหลินกับโจวต้าไห่กำลังนั่งสานกระชุอยู่ในห้องโถง ได้กลิ่นหอมฉุย การเคลื่อนไหวที่มือจึงช้าลง

“พวกเจ้าอยู่ข้างในทำของอร่อยอะไรน่ะ!” โจวต้าไห่ตะโกนกับด้านใน

“เดี๋ยวพวกท่านก็รู้แล้ว” โจวกุ้ยหลานตอบกลับ แล้วทำเกี๊ยวทอดของตัวเองต่อ

โจวต้าไห่ทำจมูกฟุดฟิด แทบรู้สึกว่าน้ำลายของตัวเองจะไหลออกมาแล้ว

“ยังเป็นกุ้ยหลานทำกับข้าวอร่อย ลิ้นข้าจะถูกนางทำจนกินยากแล้ว ช่วงนี้กินกับข้าวที่อาสะใภ้สามทำยังพาลให้รู้สึกไม่อร่อย”

สวีฉางหลินเร่งความเร็วมือ ผงกหัวทันที “นางทำกับข้าวอร่อย”

เขาจากเดิมที่กินอิ่มท้องก็พอ บัดนี้กลายเป็นชอบกินแต่อาหารที่ภรรยาเขาทำ อาหารที่คนอื่นทำนั่นเพื่อเติมท้องให้เต็ม

“ถ้านางไปแล้ว ข้ารู้สึกว่าคงต้องพาท่านแม่ไปกินข้าวบ้านเจ้าบ่อยๆ แล้ว” โจวต้าไห่ถอนหายใจ

วาจานี้ทำให้สวีฉางหลินจับความผิดปกติได้ เขาหลุบตา แล้วถามตามอารมณ์ “หลังจากกุ้ยหลานแต่งงานแล้ว พวกท่านกินอยู่อย่างไรหรือ?”

“ตอนนั้นยังกินง่าย บ้านขัดสนจนกินไม่อิ่ม เอาผักป่ากับข้าวโพดมาต้มแล้วก็กิน มีน้ำมันที่ไหน? ข้าว่าเพราะนางอยู่กับเจ้าสุขสบาย ฝีมือการทำอาหารของนางถึงได้โผล่ออกมาเอาตอนนี้”

โจวต้าไห่เอ่ย เอื้อมมือหยิบตอกไม้ไผ่เสริมเข้าไป สานกระชุต่อ

สวีฉางหลิน “อื่ม” ไม่เอ่ยเรื่องนี้มากอีก

“จะว่าไป ตั้งแต่กุ้ยหลานได้กินดี หน้าก็ขาวขึ้นเยอะ สวยขึ้นด้วย ข้าดูนางยังสวยกว่าชิวเซียงอีก” โจวต้าไห่สะท้อนใจ

อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าน้องสาวเขาจะงามปานนี้ เมื่อก่อนนางผอมกะหร่อง หน้าเหลืองๆ

กระดิ่งเตือนในหัวใจสวีฉางหลินดังระงม เสียงระคนความตื่นเต้นเล็กน้อย “ไม่ นางไม่สวย”

“ทำไมจะไม่สวย? นางขาวกว่าแม่นางที่ยังไม่แต่งงานในหมู่บ้านพวกนั้นอีก หู ตา จมูก ปากก็ดี” โจวต้าไห่ทักท้วงด้วยความขุ่นเคือง

เขามีน้องสาวแค่คนเดียว จะให้คนว่าไม่งามได้อย่างไร?

บทที่ 191 ข้ามีเงินมากขนาดนั้นที่ไหน?

บทที่ 193 เจ้าคิดเอง