บทที่ 209 เธออ้วก

อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย

“อาเหยี่ยน ลูกอย่าทำตัวไม่มีมารยาท ถึงฮวนฮวนเด็กกว่าลูก แต่ยังไงก็เป็นอาสะใภ้สาม” เฟิงเจิ้งหมิงพูดเสียงเข้ม

“พี่ใหญ่ ไม่เป็นไรค่ะ พี่อย่าโทษอาเหยี่ยนเลยค่ะ หนูกับอาเหยี่ยนก็เหมือนเพื่อนกัน ไม่ต้องคิดมากเรื่องนั้นก็ได้ค่ะ” เฉินฮวนฮวนกุมขมับ แล้วช่วยพูด

ถ้าอีกหน่อยเฟิงเฉินเหยี่ยนเจอเธอ แล้วทำตัวเคารพนับถือ เอาแต่เรียกว่าอาสะใภ้สาม เฉินฮวนฮวนคงคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่มีอายุแล้ว

แล้วเฟิงเฉินเหยี่ยนเรียกผู้หญิงที่เด็กกว่าเขาว่าคุณอา ก็รู้สึกแปลกๆ

เพราะฉะนั้น เธอกับเฟิงเฉินเหยี่ยนเลยทำตัวสบายๆ แบบนี้ทั้งสองฝ่ายก็จะสบายใจด้วย

“ทุกคนนั่งเถอะครับ” พอเฉินฮวนฮวนพูดจบ เฟิงหานชวนจึงเปลี่ยนประเด็น แค่น้ำเสียงดูเย็นชาไปไม่น้อย

แต่ว่า เฉินฮวนฮวนกลับไม่สังเกต

“ได้ ได้ ได้ เราทุกคนไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันนานแล้ว เดี๋ยวผมไปเรียกพ่อลงมา” เฟิงเจิ้งซวินยิ้มเอ่ย แล้วเดินอ้อมเฉินฮวนฮวนกับเฟิงหานชวน กำลังจะขึ้นไปชั้นบน แต่กลับหยุดฝีเท้าลงก่อน

จากนั้น เสียงของเฟิงเหลยถิงจึงดังขึ้น “พ่อมาแล้ว ไปนั่งกันเถอะ”

ทีนี้ ทุกคนจึงเดินไปที่โต๊ะอาหาร แล้วเฟิงหานชวนกับเฉินฮวนฮวนก็อยู่หลังสุด

พอมีโอกาสนี้ เฉินฮวนฮวนจึงแอบดึงแขนเสื้อเฟิงหานชวน หันไปพูดเสียงเบากับเขาว่า “ทำไมวันนี้คนตระกูลเฟิงอยู่หมดเลย? วันนี้วันอะไร?”

เธอรู้ว่าครอบครัวเฟิงเจิ้งหมิงกับเฟิงเจิ้งซวิน แยกออกไปอยู่ตั้งนานแล้ว แยกบ้านอยู่กับนายท่านหลายปีแล้ว

“มาดูคุณนั่นแหละ” เฟิงหานชวนก้มหน้าเล็กน้อย แล้วพูดเสียงเบาข้างหูเฉินฮวนฮวน

“ดูฉัน?” เฉินฮวนฮวนเบิกตาโตอย่างตกใจ แล้วพูดพรวดออกมา พอรู้ตัวว่าพูดเสียงดัง จึงรีบปิดปากตัวเองไว้

เฟิงหานชวนยิ้มมุมปาก ฝ่ามือวางลงที่เอวเธอ ดึงตัวเธอมาใกล้ แล้วเอ่ยว่า “ตอนนี้คุณเป็นคุณหญิงสามตระกูลเฟิง คนตระกูลเฟิงก็มารู้จักคุณสิ”

เฉินฮวนฮวนเข้าใจว่าหมายความว่ายังไงทันที จากนั้นหน้าจึงแดง

“แล้วอีกอย่าง เมื่อกี้คุณ……ทำได้ดีมาก” เฟิงหานชวนพูดชมเธอ แล้วพาเธอเดินไป

ทำได้ดี?

เฉินฮวนฮวนรู้สึกงง

……

รอทุกคนนั่งลงหมดแล้ว นายท่านเฟิงจึงสั่งแม่บ้านหลี่ให้คนใช้ยกอาหารมา

วันนี้ถือว่าเป็นงานเลี้ยงในครอบครัว มีเชฟห้าดาวมาทำ แล้วอาหารก็หรูหรา ไม่ได้ธรรมดาเหมือนปกติ

หลิวหลี่ถงถือขวดไวน์ไว้ แล้วรินไวน์ให้ทุกคน เธอรู้ว่างานเลี้ยงครั้งนี้เตรียมเพื่อเฉินฮวนฮวนโดยเฉพาะ ในใจเลยไม่โอเค

เป็นซินเดอเรลล่าเหมือนกัน ทำไมคนอื่นถึงโบยบินไปสูงส่งขนาดนั้น?

แล้วตัวเธอ ทำได้แค่งานของคนใช้ ก้มหน้าก้มตาอยู่ต่อหน้าคนตระกูลเฟิง

จากนั้น เฟิงเหลยถิงจึงยกแก้วไวน์ขึ้น แล้วหัวเราะพูดอย่างอารมณ์ดี “ตอนนี้นอกจากเสี่ยวหย่า เราทั้งครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เรามาต้อนรับฮวนฮวนด้วยกัน อีกหน่อยฮวนฮวนคือสมาชิกใหม่ของตระกูลเฟิง”

นายท่านเป็นคนนำ ทุกคนจึงลุกขึ้น แล้วชนแก้วเฉินฮวนฮวนกับเฟิงหานชวนทีละคน แสดงความยินดีกับการแต่งงานของพวกเขา

เฟิงหานชวนรับคำยินดีไว้หมด ไม่ได้เย็นชาเหมือนวันปกติ

นายท่านมองอยู่ในสายตา ในใจมีความสุขมาก ท่านคิดว่าการตัดสินใจครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

“เอาล่ะ อะไรไร้สาระก็จะไม่พูด อีกหน่อยจะทำยังไง เราสองคนสามีภรรยาก็ตัดสินใจเอง ตาแก่อย่างพ่อจะไม่ยุ่งด้วย” เฟิงเหลยถิงยิ้มเอ่ย

“อื้อ” เฟิงหานชวนตอบอย่างนิ่งเฉย แต่ก็ไม่ได้ทำตัวรังเกียจอะไรนัก

“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ” เฉินฮวนฮวนรีบพยักหน้า แล้วยิ้มตอบ

เฟิงเหลยถิงพอใจมาก จากนั้นจึงยกตะเกียบขึ้น แล้วพูดกับทุกคนว่า “กินกันเถอะ”

เห็นทุกคนเริ่มขยับตะเกียบแล้ว เฉินฮวนฮวนก็หิวแล้วด้วย เธอมองสำรวจอาหารต่างๆที่น่ากิน แต่กลับไม่อยากกินเลย

“ทำไมไม่กินล่ะ?” เฟิงหานชวนหันมาถามเสียงเบา

“กินสิ” เฉินฮวนฮวนตอบเสียงเบา ยื่นตะเกียบออกไป แล้วคีบผักกวางตุ้งมา

เห็นท่าทางของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนจึงขมวดคิ้ว ขยับไปใกล้หูเธอแล้วพูดว่า “คนเยอะ ก็เลยทำตัวไม่ถูก?”

เขารู้ว่าความจริงเธอกินเยอะ แล้วชอบกินเนื้อมากกว่า ตอนนี้เฉินฮวนฮวนเอาแต่ลังเล แล้วคีบผักมา เลยทำให้เฟิงหานชวนสงสัย

“เปล่า ไม่ใช่ แค่อยากกินคลีน อยู่ที่ฝึกอบรมจนชิน” เฉินฮวนฮวนรีบอธิบาย

ตอนที่เธอฝึกอบรม ในหนึ่งวันเจอเนื้อสัตว์ยากมาก ถึงวันไหนมี ก็จะเป็นแค่อกไก่ต้ม

อาจจะเพราะแบบนี้ ตอนเที่ยงที่เธอกินชาบูกับเกาเหวิน เลยกินแต่คลีน ไม่ค่อยอยากกินเนื้อสัตว์เลย

แล้วบนโต๊ะอาหารตอนนี้ มีทั้งอาหารทะเล ทั้งไก่เป็ดปลาเนื้อ อาหารคลีนยังไม่ยกมา ตอนนี้เลยมีแค่ผัดผักกวางตุ้งที่ดูคลีน

“ก็โอเค อาหารคลีนดีต่อร่างกาย แต่ก็ต้องกินเนื้อด้วย ผอมเกินไปแล้ว” เฟิงหานชวนเป็นห่วงที่เฉินฮวนฮวนดูผอมลงไปเยอะมาก

ภรรยาของเขาผอมอยู่แล้ว ตอนนี้ผอมลงไปกว่าเดิม จับแล้วไม่มีเนื้อแล้ว เพราะฉะนั้นเขาเลยให้เฉินฮวนฮวนกินเนื้อเยอะๆ

“ผอมหน่อยขึ้นกล้องสวย” เฉินฮวนฮวนเอ่ยเสียงเบา

เธอไม่อยากให้ตัวเองกินเนื้อด้วยซ้ำ ถ้าเป็นแบบนี้ เธอก็จะไม่อ้วน

ทันใดนั้น เสียงของแม่บ้านหลี่ดังขึ้น “หมูผัดซอสแดงมาแล้วค่ะ!”

เฉินฮวนฮวนหันกลับไปดู แม่บ้านหลี่เดินมาข้างเธอ แล้ววางหมูผัดซอสแดงลงตรงหน้าเธอ แล้วยิ้มพูดว่า “คุณหนูฮวนฮวน ป้าจำได้ว่าคุณหนูเคยบ่นว่าคิดถึงหมูผัดซอสแดงของคุณยาย จานนี้เชฟไม่ได้ทำ ป้าทำเอง คุณหนูลองชิมดูสิคะ”

“แม่บ้านหลี่……” เฉินฮวนฮวนอึ้งเล็กน้อย ตาก็เริ่มแสบ แล้วรีบพยักหน้า “ขอบคุณนะคะแม่บ้านหลี่ ขอบคุณค่ะ……”

เธอจำได้ครั้งหนึ่ง เธอกับแม่บ้านหลี่เก็บของในห้องครัว แล้วแม่บ้านหลี่ถามเรื่องคุณยาย เธอก็แค่พูดไปว่า หมูผัดซอสแดงของคุณยายอร่อยมาก

คิดไม่ถึงเลยว่า คืนนี้แม่บ้านหลี่จะทำให้เธอเองกับมือ

เห็นก้อนหมูสามชั้นตรงหน้า ถึงเฉินฮวนฮวนไม่มีอารมณ์กิน แต่ในใจรู้สึกขอบคุณมาก ไม่อยากทำร้ายน้ำใจแม่บ้านหลี่ จึงคีบหมูขึ้นมากิน

“อื้ออื้ออื้อ!” เฉินฮวนฮวนเคี้ยวไปด้วย แล้วพยักหน้าไปด้วย จนทุกคนอดหัวเราะไม่ได้

แม่บ้านหลี่ยิ่งยิ้มจนหุบปากไม่ได้ รีบเอ่ยถามว่า “คุณหนูฮวนฮวน คุณหนูพอใจหมูผัดซอสแดงนี้ไหมคะ?”

“พอใจค่ะ พอใจมากเลยค่ะ อร่อยเหมือนของคุณยายหนูเลยค่ะ” เฉินฮวนฮวนเอาแต่พยักหน้า

“งั้นก็ดี งั้นก็ดี คุณหนูทานเยอะๆนะคะ เดี๋ยวป้าไปยุ่งก่อน” พูดจบ แม่บ้านหลี่ก็รีบไปจากที่นี่ ไปยุ่งที่ครัวต่อ

พอแม่บ้านหลี่ไปแล้ว ตอนที่ทุกคนไม่สังเกต เธอพยายามกลืนอาหารในปากลงไป แล้วขมวดคิ้วแน่น

ในร่างกาย รู้สึกคลื่นไส้ เธอรีบจับหน้าอกไว้ รู้สึกไม่โอเคมาก

“เป็นอะไรเหรอ?” เฟิงหานชวนเห็นเธอผิดปกติ จึงรีบเอ่ยถาม

ความลนลานของเขา ดึงดูดสายตาทุกคน เฟิงเหลยถิงจึงถามว่า “ฮวนฮวน หนูเป็นอะไร?”

“เปล่าค่ะ เมื่อกี้กินเร็วเกินไปเลยติดคอค่ะ เดี๋ยวหนูไปห้องน้ำก่อนนะคะ” พูดไปด้วย เฉินฮวนฮวนก็รีบลุกจากโต๊ะ รีบวิ่งไปที่ห้องน้ำห้องรับแขก

พอปิดประตูแล้ว เฉินฮวนฮวนรีบก้มหน้าลงกับอ่าง มีกลิ่นเปรี้ยวตีขึ้นมา เธออาเจียนไปหลายครั้ง จากนั้นก็มีแต่น้ำลายกับอะไรบางอย่าง

เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วแน่น มองสิ่งที่อ้วกออกมาอย่างลำบากใจ จนเกือบจะอ้วกอีกครั้ง

ตอนที่เธอกำลังจะเปิดก๊อกน้ำล้าง อยู่ๆประตูก็เปิดออก เขารีบก้าวเดินเข้ามาหาเฉินฮวนฮวน

เฟิงหานชวนเห็นของในอ่าง จึงขมวดคิ้วทันที รีบจับมือเฉินฮวนฮวนไว้ แล้วถามอย่างเป็นห่วง “ฮวนฮวน คุณไม่สบายเหรอ?”

เฉินฮวนฮวนเห็นเฟิงหานชวนจ้องสิ่งที่เธออ้วกออกมา จึงทำตัวไม่ถูก เลยรีบผลักเขาออก ใช้ร่างกายตัวเองบังอ่างไว้

เธอรีบพูดว่า “เปล่า ไม่เป็นไร แค่รู้สึกอยากอ้วก”

พูดจบ เธอก็รีบหันไปเปิดก๊อกน้ำ เริ่มล้างอ่างแล้วบ้วนปากด้วย

พอเธอทำทุกอย่างเสร็จ ตอนที่หันกลับไป เห็นว่าสีหน้าเฟิงหานชวนเข้มขรึมมาก เธอเลยยื่นมือไปจับแขนเขา “ไปเถอะ เราไปกินข้าวกัน”

“เดี๋ยวผมพาคุณไปโรงพยาบาล” เฟิงหานชวนจับข้อมือเธอไว้แทน

“อย่า ไม่ต้อง” เฉินฮวนฮวนรีบส่ายหน้า แล้วพูดเสียงเบาว่า “วันนี้เป็นงานเลี้ยงครอบครัวพวกคุณ ตอนนี้ฉันสบายดี ฉันเพิ่งอ้วก ตอนนี้ท้องว่างมาก อยากจะไปกินต่อ!”

“ไม่เป็นไรจริงๆ?” เฟิงหานชวนเป็นห่วงมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

“ไม่เป็นไรจริงๆ ฉันแค่ไปฝึกจนไม่ชอบกินเนื้อสัตว์ เมื่อกี้ไม่อยากทำร้ายน้ำใจแม่บ้านหลี่ เลยฝืนกินหมู ฉันก็เลยคลื่นไส้” เฉินฮวนฮวนเม้มปาก ก้มหน้าอธิบาย

แม่บ้านหลี่ดีกับเธอขนาดนี้ แต่สภาพเธอตอนนี้ กินหมูผัดซอสแดงอร่อยๆนั้นไม่ลงจริงๆ

“ในเมื่อไม่อยากกิน ก็ไม่ต้องบังคับตัวเอง อธิบายกับแม่บ้านหลี่ก็พอแล้ว ป้าไม่โทษคุณหรอก” เฟิงหานชวนยื่นมือไปจับศีรษะเธอ แล้วถอนหายใจเอ่ยว่า “อีกอย่าง อีกหน่อยถ้ามีเรื่องอะไรที่รู้สึกไม่โอเค ก็ต้องบอกความจริงกับผม อย่าปิดบังผม”

“เหมือนเมื่อกี้ คุณอยากอ้วก แต่กลับปิดบังผมบอกว่าติดคอ แล้ววิ่งมาอ้วกที่ห้องน้ำคนเดียว……”

“ชู่ว!” เฉินฮวนฮวนใช้นิ้วชี้ปิดปากเขาไว้

เฟิงหานชวนยังพูดไม่จบ จึงต้องกลืนคำพูดกลับไป

“พอแล้ว อาหาน ครั้งหน้าฉันจะไม่ทำแบบนี้อีก แค่วันนี้คนเยอะ ฉันไม่อยากทำให้ทุกคนเสียอารมณ์” เฉินฮวนฮวนเอามือออก แล้วพูดอย่างจริงจัง “แล้วอีกอย่าง ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ แค่ไม่อยากกินเนื้อสัตว์ก็แค่นั้น”

“ในเมื่อคุณไม่เป็นอะไร งั้นผมก็วางใจแล้ว” เฟิงหานชวนเอ่ย “อีกอย่าง คุณพูดเรื่องหนึ่งผิด”

“เรื่องอะไร?” เฉินฮวนฮวนสงสัย

“เมื่อกี้คุณพูดว่า วันนี้เป็นงานเลี้ยงครอบครัวพวกคุณ?” เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว ก้มหน้าลงไปถามเธอ “ครอบครัวพวกคุณ หรือว่าครอบครัวพวกเรา คำศัพท์ที่ใช้ ต้องใช้ให้ถูกหรือเปล่า?”