บทที่ 211 ฉันจะพาฮวนฮวนไปตรวจ

อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย

เมื่อได้ยินคำอธิบายของเฉินฮวนฮวน เฟิงเหลยถิงซึ่งนั่งอยู่ในที่นั่งหัวโต๊ะก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ในสายตาของเขามีแต่ความชื่นชมและเห็นด้วย

ในช่วงเวลานี้ ทุกครั้งที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ เขารู้สึกว่าการตัดสินใจตามอำเภอใจของเขานั้นถูกต้องเป็นพิเศษ

และเป็นเพราะความหุนหันพลันแล่นของเขาในขณะนั้น ถึงช่วยส่งเสริมให้ลูกชายคนที่สามของเขาเฟิงหานชวน และลูกสะใภ้คนที่สามเฉินฮวนฮวนมีช่วงเวลาแต่งงานที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้

“เอาล่ะ ไม่ต้องหารือเรื่องนี้อีก อย่างไรฮวนฮวนก็ยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่และยังต้องเข้าร่วมการประกวด อยากมีลูกต้องรอเรียนจบก่อนค่อยมาหารือเรื่องนี้”

เฟิงเหลยถิงเป็นคนเริ่มเปิดหัวข้อสนทนา และถามลูกชายคนโตว่า “เจิ้งหมิง โครงการใหม่ของบริษัทตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

“พ่อครับ โครงการกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี ผมคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร ผลกำไรน่าจะเป็นไปตามที่คาดไว้” เฟิงเจิ้งหมิงตอบทันที

ด้วยวิธีนี้ หัวข้อนี้จึงถูกดึงเข้าไปยังเฟิงซื่อกรุ๊ป เฉินฮวนฮวนฟังไม่เข้าใจและไม่ต้องการฟัง ดังนั้นเธอจึงทานผักใบเขียว ยาสมุนไพรป่าและพวกอาหารมังสวิรัติเอง

หลินเจินนั่งเยื้องๆฝั่งตรงข้ามกับเฉินฮวนฮวนพอดี เธอมองไปที่เฉินฮวนฮวนเป็นระยะๆตลอดเวลา และพบว่าเฉินฮวนฮวนไม่ทานเนื้อหมูตุ๋นที่แม่บ้านหลี่ทำเลยสักคำ และเธอก็กินแต่อาหารมังสวิรัติจืดๆ

เมื่อเธอเห็นว่าเฉินฮวนฮวนผอมมาก เธอจึงเริ่มคีบน่องไก่ชิ้นหนึ่งให้เฉินฮวนฮวนและกล่าวว่า “เด็กผู้หญิงยังคงลดน้ำหนักอยู่ ก็ยังต้องทานอาหารพวกที่มีโปรตีนจากเนื้อสัตว์ มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย”

เฉินฮวนฮวนตกใจกับน่องไก่ที่จู่ๆ ก็โผล่มาในชาม น่องใหญ่ขนาดนี้ ชิ้นใหญ่กว่าชิ้นหมูตุ๋นมาก

เมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนตะลึงเล็กน้อย เฟิงหานชวนคิดถึงการสนทนาระหว่างทั้งสองเมื่อเขาอยู่ในห้องน้ำ และพูดอย่างเย็นชาว่า “ฮวนฮวนไม่ชอบทานน่องไก่”

เขายื่นตะเกียบออกและกำลังจะคีบน่องไก่ แต่ถูกเฉินฮวนหวนที่คืนสติหยุดไว้

“พี่สะใภ้รองหวังดี ฉันไม่เลือกทานหรอก ฉันทานได้หมด” เฉินฮวนฮวนยิ้มให้เฟิงหานฉวน จากนั้นก็หยิบตะเกียบ กัดน่องไก่คำหนึ่งแล้วยกศีรษะมองไปที่หลินเจินและรีบกล่าวคำขอบคุณ

เฟิงหานชวนขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มว่า “ในเมื่อคุณไม่อยากทาน ก็ไม่ต้องทาน”

น้ำเสียงของเขาจริงจังจนทุกคนในที่นั้นตกตะลึง

“อาหาน!” เฉินฮวนฮวนรีบหยิกแขนเฟิงหานชวน และพูดทันทีว่า: “ฉันอยากทาน ฉันจะทานเดี๋ยวนี้”

ด้วยความที่ทุกคนต่างจ้องมองมาที่พวกเขา และในโอกาสที่สำคัญเช่นนี้ เฉินฮวนฮวนไม่ต้องการให้ตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียบรรยากาศ

รอสักประเดี๋ยวเธอต้องพูดกับเฟิงหานชวนหน่อย หลินเจินก็เพราะหวังดีถึงได้คีบน่องไก่ให้เธอ หากไม่ใช่เพราะเธอหยุดยั้งไว้ทันเวลา เฟิงหานชวนจะทำให้เธอหาทางลงไม่เจอ

เพียงแต่ว่า เมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้เสร็จ เสียงเย็นชาของเฟิงหานชวนรวมกับความโกรธ: “ถ้าคุณอยากทานจริงๆ เมื่อครู่ตอนที่คุณคีบผัก น่องไก่ชามเบ้อเร่อ ตะเกียบทำไมไม่แตะสักหน่อย? ”

“…” เฉินฮวนฮวนตะลึงทันที

เธอควรต่อบทสนทนานี้อย่างไร? เธอรู้สึกว่าEQ ของเฟิงหานชวนต่ำไปหน่อย

ก่อนที่เธอจะเอ่ยปาก หลินเจินรีบหยิบน่องไก่ในชามกลับอย่างรวดเร็วและรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว: “ฉันก็แค่หวังดีอยากให้ฮวนฮวนทานมากหน่อย ไม่รู้ว่าฮวนฮวนไม่ทานน่องไก่ ฉันขอโทษนะฮวนฮวน ……. ”

หลังจากที่หลินเจินขอโทษ ก็ถูกสามีของตัวเองเฟิงเจิ้งซวินจ้องตาเขม็ง ใบหน้าของเธอแดงทำอะไรไม่ถูก

เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ เฉินฮวนฮวนรีบแก้ตัว: “พี่สะใภ้รอง คุณหวังดีกับฉัน ขอบคุณมากจริงๆ เพียงแต่วันนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย และไม่สามารถทานอาหารที่มีกลิ่นฉุนได้ ฉันจึงทานแต่มังสวิรัติ ไม่ได้จงใจลดน้ำหนัก”

สถานการณ์ในตอนนี้ ทำให้เธอไม่สามารถอาการของเธอไว้ได้ เธอจึงตอบตามความเป็นจริง

“ฮวนฮวน คุณอยากอาเจียนหลังจากดมอาหารที่มีกลิ่นฉุนใช่ไหม?” ซ่งหวั่นโหรวพูดแทรกขึ้นมาในเวลานี้

“อืม ใช่แล้ว” เฉินฮวนฮวนพยักหน้า

“คุณเข้ามาในบ้านตระกูลเฟิงเกือบเดือนแล้วใช่ไหม?” ซ่งหวั่นโหรวถามอีก

เฉินฮวนฮวนพยักหน้าอีกครั้งและตอบตามจริง: “เกือบแล้ว รวมเวลาฝึกที่ฐานด้วย ประมาณ 20กว่าวัน”

เกือบหนึ่งเดือนแล้ว

“เป็นไปได้ไหมที่จะ…มีแล้ว?” หลินเจินตาเบิกกว้างโตด้วยความประหลาดใจและโพล่งออกมา

“เสียงไอแค่กๆ!” เฉินฮวนฮวนกำลังจิบน้ำอยู่และเกือบจะสำลัก

ดวงตาของเฟิงหานชวนอ่อนลงและรีบเอื้อมมือไปลูบหลังเฉินฮวนฮวน เพียงแต่ มีอารมณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ในดวงตาของเขา

“ถ้านับตั้งแต่ที่เธอเข้าประตูบ้านมา สำหรับปฏิกิริยาในตอนนี้ก็นับว่าเร็วไปหน่อย แต่ผู้หญิงบางคนมีร่างกายที่แตกต่างกัน พรุ่งนี้ไปตรวจดูสักหน่อยนะ” หลินเจินกล่าวเสริมด้วยรอยยิ้ม

เฉินฮวนฮวนคืนสติ เหลือบมองเฟิงหานชวนที่กำลังครุ่นคิดอยู่ลึก ๆ และพูดโดยไม่รู้ตัวว่า “ไม่มีแน่นอน!”

“ห๊า?” ทุกคนที่ดูเหมือนจะดีใจในตอนแรกก็ตะลึงในทันที

“ฮวนฮวน หรือพวกเธอยังไม่…” หลินเจินท่าทางลังเล ยื่นมือปิดปาก ไม่ได้พูดต่อ

“พรุ่งนี้ฉันจะพาฮวนฮวนไปตรวจ ไม่รบกวนพี่สะใภ้รอง” เสียงเย็นชาของเฟิงหานชวนออกจากปาก ทำลายบรรยากาศที่ดีในตอนนี้

“อืม ดีเลย อย่าโทษที่ฉันพูดมากไปหน่อย ฉันก็แค่เดาอย่างสมเหตุสมผล หรืออาจจะแค่เป็นหวัด กระเพาะลำไส้อักเสบ เธอต้องระวังดูแลร่างกายให้ดี” หลินเจินไม่ได้พูดซุบซิบต่อ

เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนเพียงเพื่อยับยั้งคำถามของพวกเขา จึงบอกว่าจะพาเฉินฮวนฮวนไปโรงพยาบาล เห็นได้ชัดว่าการกระทำของเฉินฮวนฮวน แสดงให้เห็นว่าทั้งสองคนอาจยังไม่ได้มีความสัมพันธ์ในแง่นั้น

ไม่อย่างนั้น คงจะไม่พูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่าไม่มีแน่นอน

เป็นไปได้ไหมที่เฟิงหานชวนเป็นเกย์จริงๆ?

……

แม้ว่าเรื่องนี้จะผ่านไปอย่างง่ายดาย แต่หลังจากนั้น เฉินฮวนฮวนก็ไม่มีอารมณ์ทานอะไรอีก แม้แต่อาหารมังสวิรัติก็ทานไม่ลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย

หลังจากงานเลี้ยง เธอรีบกลับเข้าไปในห้อง ขังตัวเองอยู่ในห้องนอน เดินไปเดินมา ใบหน้าของเธอดูกังวลและคิดเรื่อยเปื่อย

เธอและเฟิงหานชวนมีเพียงครั้งเดียวในวันก่อนเข้าค่ายฝึก ห่างจากวันนี้เป็นเวลาแค่ครึ่งเดือน เป็นไปไม่ได้ที่จะมีอาการแพ้ท้อง ยิ่งไปกว่านั้นเฟิงหานชวนได้ป้องกัน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะท้อง

แต่ว่า…..ถ้าสิ่งที่หลินเจินคาดเดานั้นถูกต้อง ถ้าเธอตั้งท้องขึ้นมาจริงๆ ลูกในท้องของเธอ ถ้าไม่ใช่ของเฟิงหานชวน แต่…..เป็นของหลิวตงรุ่ย

อย่างไรก็ตาม มีเพียงครั้งนั้น เธอติดต่อกับชายหนุ่มที่ไม่ได้ติดต่อกัน

เมื่อเฉินฮวนฮวนนึกถึงความเป็นไปได้นี้ ใบหน้าของเธอก็ซีดทันที

แม้กระทั่งสองแขนสองขาของเธอก็เริ่มสั่นขึ้นมา

ตอนนี้เธอมีสามีเป็นของตัวเองแล้ว แต่ถ้าเธอตั้งท้องลูกคนที่ก่อเหตุรุนแรง เธอควรทำอย่างไร?

เธอควรทำอย่างไรกันแน่?

เฉินฮวนฮวนทรุดตัวนั่งลงบนพื้นอย่างอ่อนเพลีย รู้สึกว่ามองเห็นแต่ความมืดมิดเบื้องหน้า ราวกับว่าเธอไม่สามารถเห็นอะไรได้ชัดเจน

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน จนมีเสียงที่คุ้นเคยอยู่ข้างหู เรียกชื่อเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ฮวนฮวน ฮวนฮวน…”

เฉินฮวนฮวนลืมตาขึ้นและพบว่าเดิมเธอนั่งอยู่บนพื้น แต่ตอนนี้เธอถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดของเฟิงหานชวน ขาสองข้างของเธอยังคงวางราบอยู่กับพื้น

“ฉันจะพาคุณไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงของเฟิงหานชวนเป็นกังวลอย่างมาก