ตอนที่ 621 ข้ารับใช้ (3) / ตอนที่ 622 ข้ารับใช้ (4)
ตอนที่ 621 ข้ารับใช้ (3)
ฟ่านจิ่นชำเลืองมองจวินอู๋เสียอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่เขาก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ บนใบหน้าของจวินอู๋เสีย เมื่อเขานึกย้อนกลับไปถึงหายนะที่กองทัพรุ่ยหลินได้สร้างไว้ที่สำนักศึกษาเฟิงหัวเมื่อวันก่อน เขาก็ทึกทักเอาแบบผิดๆ ว่าคนผู้นี้คือคนที่สกุลจวินส่งมา เนื่องจากพวกเขาเป็นห่วงความปลอดภัยของจวินอู๋เสียที่อยู่ข้างนอกเพียงลำพัง
สกุลจวินแห่งรัฐชีนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ! กระทั่งข้ารับใช้ธรรมดาก็ยังดู…สง่างามมาก!
“อะแฮ่ม…เป็นการดีมากที่เจ้าจะมาอยู่ที่นี่ เรือนพักนี้มีแค่เสี่ยวจัวกับน้องเสีย แล้วทั้งคู่ก็ยังเด็กมาก มีเจ้าอยู่ที่นี่ด้วยจะได้ช่วยดูแลพวกเขาได้” ฟ่านจิ่นพูดอย่างเป็นกันเองพร้อมหัวเราะ เขาปฏิบัติกับจวินอู๋เย่าอย่าง…เป็นข้ารับใช้ของจวินอู๋เสียจริงๆ
ฟ่านจัวเหลือบมองพี่ชายของตัวเองแล้วถอนใจออกมาเฮือกใหญ่
ถึงแม้ชายหนุ่มผู้นี้จะบอกพี่ใหญ่เช่นนั้น แต่พี่ใหญ่ไม่สังเกตบ้างเลยหรืออย่างไร ไม่ว่าจะท่าทางการวางตัวหรือความสง่างามที่แผ่ออกมาจากตัวเขา พวกนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะเทียบเคียงได้เลย ถ้ายอดฝีมือเช่นนั้นเป็นเพียงแค่ข้ารับใช้คนหนึ่งจริงๆ เช่นนั้นเบื้องหลังตระกูลของจวินอู๋เสียคงน่าตกใจมาก! เพราะแม้กระทั่งราชวงศ์และผู้มีอำนาจต่างๆ ก็ไม่สามารถว่าจ้างคนเช่นนี้ได้
“ข้าจะทำให้พวกเขาได้รับการดูแลอย่างถูกต้องเหมาะสมแน่นอน” จวินอู๋เย่าหันไปมองจวินอู๋เสีย สายตาเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู
“ตอนนี้ห้องที่อาจิ้งเคยอยู่ก็ว่างแล้ว ทำไมเจ้าไม่ไปอยู่ที่นั่นเล่า เมื่อก่อนไม่มีใครดูแลจัดการที่นี่ ข้าต้องขอให้ท่านอากงส่งอาหารสามมื้อมาที่นี่ทุกวัน ตั้งแต่นี้ไปเราก็ไม่ต้องรบกวนท่านอาแล้ว เจ้าไม่ต้องเตรียมอาหารยาของเสี่ยวจัวหรอก แค่คอยดูแลเรื่องอาหารของน้องเสียก็พอ” ฟ่านจิ่นเริ่มจัดการสิ่งต่างๆ พร้อมกับหัวเราะอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เขากำลังคิดว่าข้ารับใช้คนนี้เป็นคนของสกุลจวิน เขาจึงไม่ควรจะรบกวนเขาให้มาดูแลฟ่านจัวด้วย แต่การให้เขาคอยดูแลจวินอู๋เสียเพียงคนเดียวไม่น่าจะเป็นการขอที่มากเกินไป
“แล้ว…เจ้าทำอาหารได้หรือไม่” ฟ่านจิ่นลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากถามขณะที่มองจวินอู๋เย่าผู้งดงาม ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาวางท่าเสียยิ่งกว่าพวกคุณชายที่รวยที่สุดในสำนักศึกษาเฟิงหัวเสียอีก ทำให้เขาสงสัยว่าข้ารับใช้คนนี้จะสามารถทำงานรับใช้ในชีวิตประจำวันได้หรือไม่
จวินอู๋เสียกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่จวินอู๋เย่ากลับโพล่งขึ้นทันทีว่า “ได้”
จวินอู๋เสียหันไปมองจวินอู๋เย่าด้วยสายตาแปลกประหลาด
“ฮ่าๆๆ ดีมาก! ข้าจะพาเจ้าไปที่โรงครัว ถ้ามีอะไรขาดเหลือก็บอกข้า แล้วข้าจะสั่งให้คนนำมาส่งให้” ขณะที่พูด ฟ่านจิ่นก็ยกมือขึ้นและกำลังจะตบลงที่บ่าของจวินอู๋เย่า แต่สายตาของเขาก็สบเข้ากับสายตายิ้มๆ ของจวินอู๋เย่า มือของเขาแข็งค้างทันที และไม่อาจจะเอาลงได้
เขามีความรู้สึกอย่างรุนแรงว่า ถ้าเขาทำลงไป บางอย่างที่เลวร้ายอาจจะเกิดขึ้นกับเขา
“ตกลง” จวินอู๋เย่าไม่ปฏิเสธฟ่านจิ่น และเห็นด้วยกับการจัดการของเขา
ฟ่านจิ่นพาจวินอู๋เย่าไปตรวจสอบที่โรงครัวอย่างมีความสุข
จวินอู๋เสียนั่งลงบนเก้าอี้อย่างจนปัญญา ขณะที่อีกด้านฟ่านจัวก็กำลังหัวเราะอย่างควบคุมไม่ได้
“ข้ารับใช้ส่วนตัวอย่างนั้นรึ ฮ่าๆ มีแค่พี่ใหญ่หัวทึบของข้าเท่านั้นแหละที่จะเชื่อคำพูดนั้น บุรุษผู้นั้นมาจากไหนเล่า อย่าบอกนะว่าเขาเป็นแค่คนรับใช้น่ะ ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาของเขา ถึงแม้ท่าทางของเขาจะดูเป็นมิตร แต่สายตาที่ดูหมิ่นเหยียดหยามทุกสิ่งบนโลกไม่อาจปกปิดได้หรอกนะ” ฟ่านจัวฉลาดอย่างเคย เขาไม่เชื่อที่จวินอู๋เย่าพูดเลยสักคำ
สีหน้าของจวินอู๋เสียแปลกไปเล็กน้อย นางอ้ำอึ้งอยู่พักใหญ่ก่อนจะพึมพำว่า “พี่ชาย”
ฟ่านจัวประหลาดใจ
“เขาเป็นพี่ชายของเจ้าหรือ”
จวินอู๋เสียพยักหน้า ด้วยความหัวไวของฟ่านจัว ต่อให้นางไม่พูดอะไร เขาก็พอจะสามารถเดาได้เมื่อเวลาผ่านไป
ยิ่งกว่านั้น สิ่งที่อยู่ในใจของจวินอู๋เสียในตอนนี้ก็คือสิ่งที่จวินอู๋เย่าตกลงจะทำเมื่อสักครู่
งานของข้ารับใช้ส่วนตัว…มันจะไม่เป็นไรจริงๆ แน่หรือ
“พวกเจ้าสองคน…ไม่เหมือนกันเลยสักนิด” ฟ่านจัวพูดขณะที่มองสำรวจจวินอู๋เสีย จวินอู๋เสียมีรูปร่างหน้าตาที่ละเอียดอ่อนก็จริง แต่ไม่ใช่ความหล่อเหลา
ตอนที่ 622 ข้ารับใช้ (4)
ใบหน้าที่งดงามสมบูรณ์แบบของจวินอู๋เย่า ทำให้ฟ่านจัวที่มีหน้าตาหล่อเหลาก็ยังรู้สึกด้อยกว่าเล็กน้อย เขาไม่เคยพบบุรุษที่ดูดีมีเสน่ห์มากขนาดนี้มาก่อน
“….” ก็ไม่ได้ถือกำเนิดจากบิดามารดาคนเดียวกันนี่ ย่อมต้องไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
จวินอู๋เสียบ่นในใจ แต่นางไม่ได้พูดอะไรออกไป
ไม่นานฟ่านจิ่นก็กลับมาพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้า เขานั่งลงและบ่นกับฟ่านจัวและจวินอู๋เสีย
สายตาของจวินอู๋เสียเบนไปมองด้านนอกเป็นพักๆ ตลอดการสนทนา ฟ่านจัวสังเกตเห็นท่าทีของจวินอู๋เสียจึงถามพี่ชายหัวทึบของเขาว่า “พี่ใหญ่ พี่ชายที่พี่ใหญ่พาเขาออกไปเมื่อครู่อยู่ที่ไหนหรือ”
ฟ่านจิ่นตอบว่า “อยู่ในครัว”
“…” ใบหน้าของฟ่านจัวแข็งค้าง
ฟ่านจิ่นพูดต่อไปว่า “ก็นี่มันเที่ยงแล้วไม่ใช่หรือ เขาบอกว่าได้เวลาเตรียมอาหารกลางวันให้น้องเสียแล้ว และข้าก็ไม่อยากห้ามเขา”
ตัวอย่างที่ดีของผู้มีพรสวรรค์ที่สกุลจวินบ่มเพาะเลี้ยงดูมา เขาเพิ่งมาถึงสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยก็เอาการเอางานเยี่ยงนี้แล้ว เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมสมบูรณ์แบบมากกว่าอาจิ้งที่ดื้อรั้นหัวแข็ง
มุมปากของฟ่านจัวกระตุก เขารีบหันไปมองจวินอู๋เสีย
แต่จวินอู๋เสียเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมก้มหน้าลง ไม่มีใครรู้ว่าในใจนางคิดอะไรอยู่
ในครัว จวินอู๋เย่ากวาดสายตามองกองผักสีเขียวสดและเนื้อชนิดต่างๆ รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาไม่มีใครเทียบของเขาไม่ได้จางลงเลยแม้แต่น้อย เขายกกะหล่ำปลีหัวใหญ่ในมือขึ้นมา ทันใดนั้นเงาดำก็พุ่งเข้ามากรีดร้องเสียงแหลม
“นายท่าน! อย่าขอรับ! ไม่!!!” บุรุษในชุดสีดำทั้งตัวดูคล้ายเยี่ยซาเล็กน้อยเข้ามาคุกเข่าตรงหน้าจวินอู๋เย่า สีหน้าของเขาตกใจสุดขีด ดวงตาสีดำสนิทของเขาจ้องมองกะหล่ำปลีลูกใหญ่ในมือจวินอู๋เย่าไม่วางตา ราวกับกะหล่ำปลีลูกนั้นเป็นสิ่งปฏิกูลน่ารังเกียจอย่างถึงที่สุด
“หือ” จวินอู๋เย่ามองบุรุษผู้นั้นกลับ
“พวกเราไม่มีวันยอมให้มือของนายท่านผู้สูงส่งต้องแปดเปื้อนงานต่ำต้อยเช่นนี้แน่ขอรับ!” บุรุษผู้นั้นคร่ำครวญพร้อมกับเงยหน้ามองจวินอู๋เย่า รู้สึกอัปยศอดสูที่นายท่านของเขาต้องมาแตะต้องกะหล่ำปลีดิบที่ไม่ได้ปรุง
“ทำไมเล่า” จวินอู๋เย่าถามพลางเลิกคิ้วขึ้น
“ข้าขอวิงวอนนายท่าน ตัดสินใจใหม่เถอะขอรับ!” บุรุษผู้นั้นอ้อนวอนขอร้อง พร้อมกับโขกศีรษะลงกับพื้น ราวกับฟ้ากำลังจะถล่มลงต่อหน้า
“เยี่ยเม่ย เจ้าน่าจะเรียนรู้จากเยี่ยซาบ้างนะ” จวินอู๋เย่าหันไปมองเยี่ยซาที่ปรากฏตัวขึ้นที่ประตู
ฟุ่บ
เยี่ยซาคุกเข่าลงตรงหน้าจวินอู๋เย่า
“ข้าขอวิงวอนนายท่าน โปรดตัดสินใจใหม่เถอะขอรับ!”
จวินอู๋เย่าหรี่ตาลงพลางคิดว่านี่มันน่าเบื่อชะมัด
“พวกเจ้าทำก็แล้วกัน” เขาโยนของในมือทิ้งและหายตัวไปทันที
หลังจากแน่ใจแล้วว่าจวินอู๋เย่าจากไปแล้ว เยี่ยเม่ยกับเยี่ยซาก็ถอนใจด้วยความโล่งอก สีหน้าของพวกเขาดูเหมือนเพิ่งยกภูเขาออกจากอกได้
ถ้าพวกเขายอมให้มือของนายท่านแปดเปื้อนเช่นนี้ พวกเขาคงต้องฆ่าตัวตายเพื่อชดใช้ความผิดนี้แน่!
เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในโลก ต้องไม่แปดเปื้อนด้วยการกระทำเช่นนั้น พวกเขาจะไม่ยอมให้นายท่านถูกหยามหมิ่นเช่นนี้!
ในขณะที่พวกเขาให้คำแนะนำและชี้แจงแก่นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขา มือของพวกเขาก็เริ่มต้นจัดการวัตถุดิบตรงหน้า
บุรุษร่างสูงใหญ่สองคนที่มีสีหน้าเย็นชา เริ่มวุ่นวายอยู่ในโรงครัวเล็กๆ โดยไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าพวกเขาดูไม่เหมาะและผิดที่ผิดทางมากแค่ไหน
เยี่ยซายืนอยู่หน้าเขียงและมองมีดปังตอที่ดูเทอะทะและไม่เหมาะมือ ก่อนจะเบนสายตาไปมองปลาที่ดิ้นสะบัดอยู่บนเขียง
วินาทีต่อมา เขาก็ชักมีดสั้นที่สะโพกออกมา แสงวูบวาบพาดผ่านไปมาเป็นรูปกากบาทกลางอากาศ! ปลาทั้งตัวก็ถูกทำความสะอาด หั่น และควักไส้ออกอย่างเรียบร้อยสมบูรณ์แบบ! เยี่ยซาถือก้างปลาเอาไว้ในมือและทิ้งมันลงที่ด้านข้างอย่างรวดเร็ว
มีดสั้นคู่ของเยี่ยเม่ยก็โบยบินโฉบเฉี่ยวอยู่กลางอากาศ และในชั่วพริบตาผักสดทั้งหลายก็ถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ทุกชิ้นมีขนาดเท่าเดียวกันเป๊ะ
แต่ว่า…
ตลอดกระบวนการทั้งหมด ใบหน้าของบุรุษทั้งสองคนยังคงเย็นชาและเฉยเมย สายตาเย็นยะเยือกหนาวเหน็บ ของพวกเขาดูไม่เหมือนกำลังจัดเตรียมอาหารเลยสักนิด แต่ดูเหมือนกำลังทำการฆาตกรรมเสียมากกว่า