บทที่ 446 การแข่งขันร้อยนิกาย

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 446 การแข่งขันร้อยนิกาย

บทที่ 446 การแข่งขันร้อยนิกาย

ฉู่เหินรู้สึกว่าครั้งนี้ตัวเองได้กำไรเยอะมาก ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น เพียงแค่ร่างกายของเขาที่มีทั้งความว่องไวและพละกำลังเพิ่มขึ้นก็ทำให้เขารู้สึกแตกต่างแล้ว อีกทั้งพลังที่ได้จากทวีปลึกลับนั่นก็ได้เปลี่ยนให้วิชากิเลนของเขาให้ตอนนี้อยู่ในขั้นที่สาม! อีกทั้งยังระบบเองในตอนนี้ก็ได้กลายเป็นระบบเหนือเวหาขั้น 2!

แน่นอนฉู่เหินต้องดีใจอยู่แล้ว แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าระบบเหนือเวหาจะมีขั้น 1 หรือเปล่า หรือแม้กระทั่งระบบเชื่อมโลกาจะยังมีขั้น 5 6 7 8 หรือเปล่า แต่ตัวเองก้าวมาถึงจุดนี้ได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว

อีกทั้งแหแก้วหยกขาวของเขาที่เดิมอยู่ระดับ 4 มาตอนนี้ก็ได้กลายเป็นแหเพลิงกิเลนระดับ 2 แล้ว! ต่อจากนี้เป็นต้นไปแหเพลิงกิเลนก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีก ขอแค่มีวัตถุดิบเพียงพอ ชายหนุ่มก็สามารถเพิ่มระดับของแหเพลิงกิเลนได้แล้ว! หรือก็คือแหเพลิงกิเลนเป็นของวิเศษที่สามารถเพิ่มระดับได้อย่างไร้ขีดจำกัด

อีกทั้งหลังจากระบบเหนือเวหาของเขาอยู่ในขั้น 2 ฉู่เหินยังได้ความสามารถพิเศษเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือวิชาโลหิตแปรผัน วิชานี้ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากนัก แต่มันมีความเฉพาะอยู่อย่างคือ ต่อไปขอเพียงแค่ฉู่เหินดูดลมปราณจากเผ่าที่ไม่เหมือนกับตน ชายหนุ่มก็จะสามารถเปลี่ยนเป็นเผ่านั้นได้! ทั้งยังสามารถเปลี่ยนได้มากกว่าหนึ่งเผ่า

ความสามารถแบบนี้ไม่ได้ช่วยเรื่องการต่อสู้เท่าไร แต่เอาไว้ใช้สำหรับหนีได้ดี! แต่มันก็มีเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกกลุ้มใจอยู่เรื่องหนึ่ง ต้องเข้าใจว่าของที่เขาได้มาในครั้งนี้มีตั้งเท่าไร! ทั้งกวาดเรียบสมบัติของคนนับแสนคน ไหนจะสมบัติของเผ่ากูและก็น้ำในหม้อเซียนนั่นอีก

แต่เมื่อเอาของพวกนั้นมารวมกัน ฉู่เหินกลับได้ค่าประสบการณ์ไม่ถึง 300,000 ด้วยซ้ำ! มีอย่างเดียวที่ทำให้เขารู้สึกพอใจก็คือเขาได้ค่าประสบการณ์ในภารกิจครั้งนี้รวมแล้วได้ 5 ล้านแต้ม หรือก็คือตอนนี้เขารวยแล้ว!

ตอนที่ฉู่เหินกำลังจะเปิดดูของภายในแหวนว่ามีของดีอะไรบ้าง ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงผู้เฒ่าแปดดังขึ้นก่อน “ไอ้เด็กบ้า แกหายไปไหนมา ฉันกังวลจะตายอยู่แล้ว” ฉู่เหินเงยหน้ามองผู้เฒ่าแปด แล้วอดส่งยิ้มแห้ง ๆ ไปให้ไม่ได้! ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากอธิบาย แต่เรื่องนี้ไม่รู้จะอธิบายยังไงจริง ๆ

พอเจอฉู่เหินแล้วผู้เฒ่าแปดก็ส่งข่าวออกไปทันที! เพียงไม่นานผู้เฒ่าสี่และห้าก็รีบมาที่นี่อย่างไว พอเห็นว่าฉู่เหินไม่ได้เป็นอะไรพวกเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่พอพวกเขาเห็นแหวนมิตินับสิบวงในมือฉู่เหิน ลมหายใจก็เริ่มถี่กระชั้นขึ้นมา

ผู้เฒ่าสามปรีเข้าไปคว้าแหวนในมือฉู่เหินอย่างไม่เกรงใจ หลังตรวจดูแล้วผู้เฒ่าทั้งสามที่พลังวรยุทธ์ก็ไม่ใช่น้อย ๆ ก็ถึงกับตะลึงอ้าปากค้าง! พวกเขารู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้ประหลาดไปแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปเอาของล้ำค่าเยอะขนาดนี้มาได้ยังไง!

ถ้าของเหล่านี้อยู่ที่เกาะตระกูลฉู่ล่ะก็ พวกเขาเชื่อว่าภายในเวลาไม่กี่ปีเกาะตระกูลฉู่จะกลายเป็นศูนย์อำนาจใหญ่ แน่นอนว่าฉู่เหินรู้ความคิดของผู้เฒ่าสามเขาก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ “ผู้เฒ่าทั้งหลาย พวกคุณจะเอาไปเยอะเท่าไรผมไม่ว่า แต่เอาให้นิกายกิเลนด้วยส่วนหนึ่ง!”

พอพวกเขาได้ยินดังนั้นก็รู้สึกไม่อยากเสียแหวนไปเลยสักวงเดียว ฉู่เหินที่มองอยู่ก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจบ้างแล้ว! เขารู้สึกจนปัญญาจะพูดกับคนขี้เหนียวพวกนี้แล้ว มีแหวนตั้งสิบวงจะให้สักวงมันจะเป็นไรไป

“ครอบครัวเราช่วยใจกว้างหน่อยได้ไหม ให้แค่วงเดียวไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน” พอได้ยินฉู่เหินพูดแบบนี้ผู้เฒ่าสามก็รู้สึกลนลาน

“หนุ่มน้อย เธอพูดอะไรออกมา อย่าแม้แต่จะคิดว่าพวกเราจะให้ที่เหมือนกันกับพวกเขา!” ฉู่เหินถูกประโยคนี้เรียกสติกลับมา!

“ของที่ฉันไม่เห็นอยู่ในสายตา พวกคุณกลับเอามาคิดเล็กคิดน้อย เห็นทีว่าครั้งหน้าฉันคงต้องเอาออกมาเยอะกว่าเดิมแล้วมั้ง!”

ผู้เฒ่าท่านอื่นที่ได้ยินดังนั้นก็เบิกตากว้าง! ราวกับคาดไม่ถึงว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะร่ำรวยปานนี้ ต้องเข้าใจว่าสมบัติที่อยู่ภายในแหวนมิตินี้ถ้าเอาออกมาต้องทำให้เกิดความจลาจลขึ้นแน่! แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับบอกว่าไม่อยู่ในสายตา

ฉู่เหินไม่ได้พูดเกินไปเลยไม่แต่น้อย ต้องเข้าใจว่าเขาได้ของมาเยอะมากขนาดได้ค่าประสบการณ์ตั้งมากมาย ครั้งต่อไปเขาต้องได้ที่ระดับสูงกว่านี้ไม่งั้นค่าประสบการณ์คงได้น้อยจะน่าสงสารแน่! ฉู่เหินไหนเลยจะรู้ว่ามีของสามอย่างที่ไม่ได้ให้คะแนนประสบการณ์เขาเลยแม้แต่น้อย

ชิ้นแรกก็คือหม้อเซียนเผ่ากู และน้ำในหม้อ และยังมีแหวนมิติที่เซี่ยวเฟิงโยนมาด้วยวงนั้น! แล้วทำไมกันนะของทั้งสามถึงไม่ได้ให้คะแนนประสบการณ์เขา? บางทีอาจมีเพียงผีเท่านั้นที่รู้!

ในที่สุดฉู่เหินก็ต่อรองจนผู้เฒ่าพวกนั้นตกลงว่าจะให้แหวนหนึ่งวงกับนิกายกิเลน! ทว่าของที่อยู่ภายในวงจะต้องเป็นพวกเขาเลือกเอง! ฉู่เหินเลยได้แค่พยักหน้าตกลง แต่ยังไงก็แล้วแต่เขาก็ต้องนำแหวนสักวงกลับไปอยู่ดี

ซึ่งก็คือแหวนของเซี่ยวเฟิง เพราะฉู่เหินพบว่าภายในแหวนนั้นมีตราหัวหน้าของเซี่ยวเฟิงอยู่ในนั้น คิดว่าเพราะอีกฝ่ายรีบมากล่ะมั้งถึงกลับลืมเอาของตัวเองออกมาด้วย ดังนั้นยังไงฉู่เหินก็ต้องเก็บรักษาของ ๆ อีกฝ่ายให้ดี หากมีโอกาสหน้าเขาจะได้นำไปคืน

ตอนที่ฉู่เหินหยิบแหวนวงนั้นไป ก็ไม่มีผู้เฒ่าคนไหนว่า เพราะยังไงของเหล่านี้ก็คือของ ๆ ฉู่เหิน การที่เขาจะหยิบหรือทำอะไรก็เป็นสิทธิ์ของชายหนุ่มอยู่แล้ว ทว่าตอนนี้เองที่ผู้เฒ่าสามแอบคาดเดาในใจ หรือว่าที่ชายหนุ่มหายไปและเหมือนจะได้รับอันตรายในตอนนั้น จะทำให้ได้ของมาเยอะแบบนี้ ถ้าบอกว่าไม่เจออะไรเลยใครจะไปเชื่อ

ฉู่เหินเก็บเรือตกปลาตัวเอง ก่อนจะเหาะไปกับเหล่าผู้เฒ่า! อีกไม่กี่วันการแข่งขันร้อยนิกายก็จะเริ่มอย่างเป็นทางการแล้ว และสถานที่จัดการแข่งขันก็คือที่ทะเลแปซิฟิก!

สำหรับว่าทำไมถึงเลือกที่นี่ นั่นก็เพราะที่นี่ใกล้กับวงเวทย์เคลื่อนย้ายที่ขั้วโลกเหนือ! เมื่อเป็นแบบนี้ที่นี่เลยกลายเป็นสถานที่แข่งขัน ถ้าไม่ใช่ขั้วโลกเหนือไม่เหมาะที่จะทำการต่อสู้ล่ะก็ เกรงว่าสถานที่แข็งขันคงจะเป็นที่นั่นไปแล้ว

แม้ว่าในครั้งนี้จะเรียกว่าการแข่งขันร้อยนิกาย แต่นิกายที่เข้าร่วมเมื่อรวม ๆ แล้วน่ากลัวว่าจะมีนับพัน อีกทั้งพลังวรยุทธ์ของคนที่เข้าร่วมการแข่งขันก็ไม่เท่ากันด้วย!

ท่ามกลางผู้คนเหล่านั้น ถ้าสูงที่สุดก็เห็นว่าท่าจะมีพลังวรยุทธ์ขั้นจักรพรรดิดาราระดับกลาง ส่วนพลังวรยุทธ์ต่ำก็อยู่ในขั้นทรราชดารา หรือก็คือความแตกต่างนั้นห่างชั้นก็มาก! การประลองนี้เดิมก็ไม่มีความยุติธรรมอยู่แล้ว การที่ขั้นทรราชดาราปะทะกับขั้นจักรพรรดิดารา ถ้างั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องโชคร้ายของคุณ ส่วนถ้าเป็นขั้นจักรพรรดิดาราเจอกับจักรพรรดิดาราก็มีแต่ต่อสู้ให้ตายกันไปข้าง

ทุกการแข่งขันยังไงก็ต้องมีแพ้ คุณแพ้แค่ครั้งเดียวคุณก็จะหมดสิทธิ์ให้การแข่งขันทันที มีแต่ต้องอยู่รอดตั้งแต่ต้นจนจบเท่านั้นถึงจะมีโอกาส! สำหรับผู้ที่อยู่ใน 10 อันดับแรก พวกเขาสามารถขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งได้ด้วยการเลือกประลองกับอันดับอื่น ๆ เพื่อไต่ขึ้นไป!

ทว่ามีเพียงแค่ 10 อันดับแรกเท่านั้นที่ถึงจะมีสิทธิ์เป็นผู้ชนะในการแข่งขันสุดท้าย คนพวกนั้นจะได้เข้าไปต่างโลก ซึ่งคนที่ได้อันดับหนึ่งก็จะเป็นคนนำทีมไป! ที่กลุ่มอำนาจต่าง ๆ อยากชนะก็เพราะต้องการไปต่างโลกนี้แหละ ต้องเข้าใจว่านี้เป็นโอกาสที่จะได้เลื่อนขั้นของพวกเขา ยังไงก็ไม่ควรพลาด!

หลังฉู่เหินกลับมาที่เกาะตระกูลฉู่ เขาก็เข้าไปพบพ่อแม่และเสี่ยวชิงเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นจึงไปพูดคุยกับน้องชายและทุกคนจนดึกดื่น! พอเห็นว่าดึกแล้วเขาก็ไปเอาใจเสี่ยวชิงสักหน่อย!

“พี่เหิน ตั้งชื่อให้ลูกพวกเราก่อนสิ! หลังจากจบการแข่งขันร้อยนิกายแล้วพี่ต้องไปต่างโลก ถึงตอนนั้นลูกของฉันคงจะคลอดแล้ว แม้แต่ชื่อก็คงไม่มี!” ได้ยินเสี่ยวชิงพูดดังนั้น ฉู่เหินก็รู้สึกละอายใจ เขายื่นมือไปลูบหัวอีกฝ่ายและจูบเบา ๆ!