บทที่ 447 เปิดฉากการแข่งขัน
บทที่ 447 เปิดฉากการแข่งขัน
หลังจบการง้อ พวกเขาก็พากันพูดถึงถึงการแข่งขันที่โหดร้ายซึ่งใกล้เข้ามา เสี่ยวชิงรู้ดีในข้อนี้ ทว่าฉู่เหินนั้นรู้ดียิ่งกว่า! อย่านึกว่าการที่ตอนนี้เขาพลังวรยุทธ์เลื่อนมาเป็นขั้นราชันดาราระดับสูง เพียงแค่ขั้นเดียวก็จะเป็นระดับสูงสุดแล้วจะสามารถหยิ่งผยองกว่าคนอื่นได้!
ต้องเข้าใจว่าการแข่งขันครั้งนี้มีขั้นจักรพรรดิดาราไม่น้อยเลย ส่วนขั้นที่เกินจักรพรรดิดารานั้นไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วม ยิ่งครั้งนี้พวกเขาจะได้ไปต่างโลก ขั้นสูงสุดในงานแข่งครั้งนี้น่ากลัวว่าจะเป็นมีขั้นจักรพรรดิดาราระดับสูงมาอย่างแน่นอน!
นอกจากนี้ฉู่เหินยังรู้อีกว่ามีวิชาลับอีกมากที่สามารถทำให้พลังของผู้ใช้เพิ่มขึ้นระดับหนึ่งชั่วขณะ แม้ว่าผลที่ตามมาจะร้ายแรง แต่มันก็แลกมากับชัยชนะที่ดูจะใกล้ขึ้นมาอีกก้าว! การประลองช่วงแรกอาจยังไม่ต้องใช้ เพราะฉู่เหินยังต้องเจอกับคนเก่ง ๆ อีกมาก
ภายในนั้นน่าจะต้องมีศัตรูตัวฉกาจอย่างมิยาโมโตะอิจิโร่อยู่แน่นอน! การแข่งขันนี้ฉู่เหินรู้ดีว่าตัวเองต้องเผชิญหน้ากับอะไร! อีกทั้งเขายังรู้สึกว่าภารกิจนี้หนักอึ้งมากทีเดียว เพราะเขาเป็นเหมือนตัวแทนของตระกูลฉู่ และก็นิกายกิเลน สำหรับคนในตระกูลฉู่นั้นพวกเขาไม่ค่อยพอใจเท่าไร กระทั่งมีผู้เฒ่าบางคนจะไปหาเรื่องถึงนิกายกิเลนเลยก็มี
แต่พวกเขาก็ไม่ได้ลงมือ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะโดนฉู่เหินกล่าวตักเตือนจนทุกคนทำได้เพียงสงบปากสงบคำ ก่อนจะให้ฉู่ฉุนเป็นตัวแทนตระกูลฉู่เข้าร่วมแทน น้องชายของเขาคนนี้จะต้องไต่ขึ้นอยู่ใน 3 อันดับแรกได้โดยไม่มีปัญหาแน่นอน! ที่มั่นใจแบบนั้นก็เพราะว่าฉู่ฉุนมีวิชาที่ได้รับการถ่ายทอดจากทั้งฉู่เหินเองอย่างดัชนีกิเลน และวิชาดัชนีวายุของตระกูลฉู่ ซึ่งเมื่อนำทั้งสองวิชามารวมกัน อานุภาพของวิชาดัชนีจึงยิ่งเพิ่มมากกว่าเดิมหลายเท่า!
เมื่อรวมกันแล้ววิชาดัชนีนี้จะยังคงรักษาพลังดั้งเดิมของมันเอาไว้ได้ และเมื่อผสานรวมกัน มันก็ยิ่งร้ายกาจ! ดัชนีกิเลนนั้นเป็นวิชาที่ใช้เจาะเกราะได้ดีที่สุดอีกด้วย! ไม่ว่าอีกฝ่ายจะป้องกันดีแค่ไหน ดัชนีกิเลนก็สามารถทะลวงเกราะป้องกันของอีกฝ่ายได้อย่างหมดจด! ส่วนดัชนีวายุนั้นก็มีอานุภาพแบบระเบิดทำลายล้าง
โดนเพียงครั้งเดียวก็จะสามารถแทงทะลุร่างกายของอีกฝ่าย ทั้งยังทำให้ร่างกายของอีกฝ่ายระเบิดออกมา! ซึ่งนอกจากธาตุไฟแต่เดิมของฉู่ฉุนแล้ว หลังจากที่เขาได้ทำการศึกษาค่ายกลของตระกูลอย่างไม่หยุดในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ในที่สุดฉู่ฉุ่นก็สามารถใช้พลังน้ำแข็งได้แล้ว!
และถ้านำทั้งสองธาตุมารวมกัน พลังอานุภาพจะมากมายไม่มีที่สิ้นสุดแน่นอน! ฉู่เหินเองก็ไม่เคยเห็นกับตาเช่นกัน แต่เขาก็เชื่อว่าประโยคนี้ไม่ใช่ประโยคถ่อมตัวอย่างแน่นอน ถ้าต้องต่อสู้ตัดสินความเป็นความตายแล้ว ฉู่เหินจะไม่มีวันยอมให้ฉู่ฉุนมีโอกาสโจมตีกระบวนท่าแบบนี้แน่! ยิ่งไปกว่านั้นในอนาคตพลังวรยุทธ์ของฉู่ฉุนจะต้องมากกว่านี้ ดังนั้นอนาคตของน้องชายเขาคนนี้ย่อมไม่มีวันสิ้นสุด!
ทั้งหมดนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับตงโกวจีหยาง ไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กนี้ทำยาอะไรออกมา พอให้ฉู่ฉุนกินเข้าไปพลังวรยุทธ์ถึงได้เพิ่มขึ้นมาตั้งสองระดับ! จากเดิมที่เป็นขั้นราชันดาราระดับต้น ตอนนี้กระโดดมาเป็นขั้นราชันดาราระดับสูง! เรียกได้ว่าตอนนี้ฉู่ฉุนก็มีพลังเท่ากับฉู่เหินแล้ว!
และเนื่องจากฉู่เหินได้รับของมาเยอะ ชายหนุ่มจึงทำการแบ่งอาวุธชั้นยอดให้แก่ฉู่ฉุนด้วย ฉู่ฉุนถนัดใช้กระบี่ ดังนั้นฉู่เหินจึงมอบกระบี่ชั้นยอดที่เขาได้มาจากดินแดนรกร้างให้แก่ฉู่ฉุน! เพียงแต่ตอนนั้นเขาได้มาง่ายเลยไม่ได้คิดอะไรมากตอนให้ฉู่ฉุน
หลังจากที่ฉู่ฉุนสามารถใช้พลังธาตุน้ำแข็งได้ เขาก็มีความคิดว่าบางทีนี่อาจจะเป็นเจตนารมณ์ของฟ้าก็ได้! เพราะกระบี่ที่เขาได้มานั้นมีพลังสองธาตุซึ่งก็คือไฟและน้ำแข็ง ตามหลักการแล้วอาวุธประเภทนี้เจอน้อยมาก! เนื่องจากธาตุไฟและน้ำแข็งนั้นไม่ถูกกัน ใครจะไปใช้อาวุธที่เดี๋ยวก็เปลี่ยนเป็นไฟ เดี๋ยวก็เปลี่ยนธาตุน้ำแข็งกัน!
แต่ถ้าในคน ๆ เดียวมีถึงสองธาตุที่ว่าล่ะก็ การได้ใช้อาวุธประเภทนี้จะยิ่งส่งเสริมพลังของคนนั้นหลายเท่าเลยทีเดียว และก็เพราะว่ามีอาวุธแบบนี้อยู่ในมือ ดังนั้นฉู่เหินจึงมั่นใจว่าครั้งนี้ฉู่ฉุนจะติด 3 อันดับแรกได้แน่นอน!
เกาะตระกูลฉู่ได้เปิดค่ายกลป้องกันไว้รอบเกาะ อีกทั้งยังมีผู้เฒ่าหกอยู่เฝ้าระวังภัย ส่วนนอกนั้นก็ได้ผู้เฒ่าสี่เป็นผู้พาสมาชิกของตระกูลนับหมื่นคนไปที่มหาสมุทรแปซิฟิก! ครั้งนี้ตระกูลฉู่ส่งคนเข้าร่วมทั้งหมด 7 คน ซึ่งนี่ก็เกินกว่าจำนวนของผู้มีอำนาจใหญ่กลุ่มอื่น ๆ ส่งเข้าร่วมเสียอีก!
นิกายอันดับ 1 อย่างมากพวกเขาก็ส่งเพียงแค่ 5 คนเท่านั้น กลุ่มอำนาจอันดับ 2 ส่งเพียง 3 คน ส่วนกลุ่มอำนาจระดับ 3 ก็สามารถส่งคนมาได้มากสุดแค่ 2 คนเท่านั้น! แน่นอนว่าผู้ฝึกยุทธไร้สังกัดก็สามารถเข้าร่วมได้เช่นกัน ที่ด้านนอกงานจะมีการจะตั้งเวทีประลองให้ผู้ฝึกยุทธไร้สังกัด มีเพียงแค่ 10 คนเท่านั้นที่สามารถเข้ามาได้
ดูเหมือนว่าจะเป็นด้านผู้ฝึกยุทธไร้สังกัดมากกว่าที่ส่งคนมาเยอะที่สุด ซึ่งเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลย คาดไม่ถึงว่ากลุ่มอำนาจใหญ่เหล่านี้ มีเพียงพรรคเดียวที่สามารถส่งได้ 7 คน! แต่ฉู่เหินก็พบว่าผู้ฝึกยุทธไร้สังกัดที่มาก่อนนั้นก็มีว่า 100,000 กว่าคนแล้ว! ฉู่เหินคาดไม่ถึงมาก่อนเลยจริง ๆ
ตอนแรกชายหนุ่มคิดว่าคนส่วนมากจะต้องมีตระกูลมีพรรคเป็นของตัวเอง! ทว่าวันนี้เขาถึงพึ่งรู้ว่าพวกที่ไม่มีทั้งตระกูลและพรรคนั้นจะเยอะขนาดนี้ ท่ามกลางการแข่งขัน ผู้ฝึกยุทธไร้สังกัดคนที่มีอายุมากที่สุดนั้นไม่เกิน 50 ปี! ซึ่งพลังวรยุทธ์ของพวกเขากลับไม่ต่างกับคนที่มีพรรคเท่าไรเลย!
แต่เมื่อเทียบระหว่างพวกเขาเรื่องวิชาและของวิเศษแล้ว มันกลับแตกต่างราวฟ้ากับเหว บางทีอาจจะเป็นผู้ฝึกยุทธไร้สังกัดนั้นแหละที่น่าเศร้าที่สุด แต่ฉู่เหินเชื่อว่าในผู้ฝึกยุทธไร้สังกัดจะต้องมีคนเก่ง ๆ แฝงอยู่แน่ ถ้าคนเหล่านี้โชคดีได้ของดี ๆ ล่ะก็ใช้ละก็ ถ้างั้นพวกเขาก็คงไม่น้อยหน้าพวกมีสังกัดเลย!
ก็เหมือนกับที่ในมือของฉู่เหินมีอาวุธต่าง ๆ ไว้ในครอบครอง ซึ่งเขาใช้ความสามารถของตัวเองหามาได้ ไม่เหมือนกับคนในนิกายกิเลนและตระกูลฉู่ ถ้าเขาเป็นหนึ่งในผู้ฝึกยุทธไร้สังกัดล่ะก็คงเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดเลยมั้ง! แต่คนที่จะโชคดีเหมือนฉู่เหินนั้นในโลกนี้จะมีสักกี่คน!
ตอนที่ฉู่เหินและคนอื่น ๆ เร่งมาที่นี่ การประลองของผู้ไร้สังกัดก็เริ่มไปแล้ว 7-8 ชั่วโมง ตอนนี้คนกว่า 100,000 คนถูกคัดออกจนเหลือเพียง 10,000 กว่าคนเท่านั้น ใน 10,000 ก็มีคนไม่น้อยที่ถูกกลุ่มอำนาจอื่น ๆ จับตา! แม้ว่าการประลองจะยังไม่จบ แต่พวกกลุ่มเหล่านี้ก็เริ่มจะยื่นกิ่งมะกอกออกมาแล้ว
*ยื่นกิ่งมะกอก หมายถึง แสดงความพร้อมที่จะเจรจาหรือสมานฉันท์
หลังจากฉู่เหินและคนอื่น ๆ มาถึงที่นี่ สิ่งแรกที่พวกเขาทำไม่ใช่การพุ่งไปพักผ่อน หากแต่กลับมายืนดูการประลองนี้แทน ! ที่งานประลอง ชายหนุ่มสังเกตเห็นคน ๆ หนึ่งในการประลอง คนผู้นี้มีชื่อว่า ทาปาหยิงหนาน เขากำลังประลองกับคนที่มีรูปร่างแคระแกร็น แรก ๆ ชายหนุ่มนึกว่าคนที่สู้กับทาปาหยิงหนานจะเป็นคนในเผ่าคนแคระ แต่เมื่อมองดูสักพักก็รู้ว่าไม่ใช่
ดังนั้นที่เขาคนนี้มีรูปร่างเตี้ยแบบนี้ก็น่าจะเป็นเพราะวิชาบางอย่างที่ทำให้ตัวเล็กแบบนี้ วิชานั้นต้องเป็นวิชาที่ฝึกยากมากแน่นอน แต่ทว่าวิธีแก้นั้นกลับง่ายนิดเดียว อย่างน้อยฉู่เหินก็รู้วิธีที่แก้วิชานี้ก็แล้วกัน!
อาวุธที่อยู่ในมือของคนตัวเตี้ยนั้นแปลกมาก ราวกับค้อนอันหนึ่ง แต่ไม่ใหญ่นัก ขนาดมันกำลังพอดีกับค้อนธรรมดาที่คนทั่วไปใช้! ในเวลานี้เจ้าค้อนเล็กนั้นถูกเขาควงจนเกิดเป็นเสียงลมต้าน! ก่อนที่คนตัวเตี้ยจะใช้ค้อนโจมตีไปทางทาปาหยิงหนาน!
ทาปาหยิงหนานใช้ดาบคู่ เขาเอาดาบข้างหนึ่งขวางการโจมตี ส่วนอีกข้างก็แทงไปข้างหน้าที่ตำแหน่งหัวใจของอีกฝ่าย ทว่าคนตัวเตี้ยคนนี้แปลกมาก เขามองดาบที่ทาปาหยิงหนานแทงมาโดยไม่ขยับหนี แต่กลับใช้ค้อนอีกอันโยนไปที่หัวของอีกฝ่าย
ทาปาหยิงหนานเห็นแล้วก็ขมวดคิ้วแน่น การสู้แบบชีวิตแลกชีวิตงั้นเหรอ! ว่าแล้วร่างกายเขาก็หายไปก่อนจะโผล่อีกครั้งที่ข้างกายคนตัวเตี้ยนั่น ใช้ดาบฟันเอวอีกฝ่ายหวังจะตัดให้ขาดเป็นสองท่อน!
เมื่อคนตัวเตี้ยคนนั้นเห็นแบบนี้ริมฝีปากก็ยกยิ้มออกมา! แล้วก็เห็นว่าค้อนที่เขาโยนไปเมื่อกี้หมุนกลับมาทางเดิม อีกทั้งยังเล่งไปที่หัวของอีกฝ่าย! ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเหมือนว่าจะนาน ทว่ามันกลับเกิดขึ้นเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น!
ไม่ทันที่ทาปาหยิงหนานจะได้ตอบสนอง ค้อนอันนั้นก็มาเข้าใกล้หัวของเขาแล้ว ด้วยความจนปัญญา เขาทำได้เพียงโน้มตัวไปข้างหน้าหวังว่าจะหลบการโจมตีนี้! แต่ราวกับว่าค้อนมันมีตาพอเขาโน้มตัวหลบ มันก็พุ่งมาตีอีกอย่างโหดเหี้ยมด้วยเช่นกัน!