บทที่ 448 เลือดหยดเดียวแก้วิชาเยาว์วัย

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 448 เลือดหยดเดียวแก้วิชาเยาว์วัย

บทที่ 448 เลือดหยดเดียวแก้วิชาเยาว์วัย

ทาปาหยิงหนานเห็นฉากนี้ก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี ด้วยความจนปัญญาเลยทำได้เพียงหลบไปด้านข้างอีกครั้ง แม้ว่าจะเคยหลบการโจมตีได้แต่เขากลับถูกมองการเคลื่อนไหวออกหมดแล้ว! แท้จริงแล้วเมื่อครู่ที่คนตัวเตี้ยควงค้อนคู่ไปมาทำให้ทาปาหยิงหนานเสียเวลานั้น เป็นเพียงแค่การทักทายยังไม่ได้ลงมือจริง ๆ

พอฉู่เหินเห็นแบบนี้ก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ ทาปาหยิงหนานเป็นคนที่เขาชอบคนหนึ่ง คน ๆ นี้ก่อนหน้าสู้มาแล้ว 10 ครั้ง อีกทั้งในทุก ๆ การประลองเขาก็จะใช้แค่ไม่กี่กระบวนท่าเพื่อทำให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้ ที่สำคัญทาปาหยิงหนานเป็นคนตรงไปตรงมา เขาไม่ได้เอาชีวิตคนที่แพ้เขาเลยสักคน หากประมาทจนถูกอีกฝ่ายทำร้าย เขาก็ยังสามารถยิ้มได้!

ฉู่เหินดูออกว่านี้ไม่ใช่ได้เสแสร้ง แต่นิสัยของเขาเป็นแบบนี้จริง ๆ! อีกทั้งคน ๆ นี้มีพลังวรยุทธ์ถึงขั้นราชันดาราระดับสูงสุดแล้วด้วย มีแม้กระทั่งวี่แววว่าจะเลื่อนขั้น ดังนั้นฉู่เหินเลยเชื่อว่าขอแค่ทาปาหยิงหนานมีคนเก่ง ๆ ชี้นำเขาสักหน่อย ผู้ชายคนนี้จะสามารถทะลวงเลื่อนขั้นได้แน่!

นิสัยของคน ๆ นี้ค่อนข้างซื่อตรง และดูเหมือนว่าคนที่ชอบทาปาหยิงหนานจะไม่ได้มีแค่ฉู่เหินคนเดียว ดังนั้นหน้าสนามเลยมีหลายคนยื่นกิ่งมะกอกให้ทาปาหยิงหนาน ทว่าเจ้าโง่นั้นกลับปฏิเสธแบบไม่เหลือเยื่อใย! และหนึ่งในพรรคที่ถูกปฏิเสธก็คือพรรคหอประจิม ซึ่งเป็นกลุ่มอำนาจที่ใหญ่มาก ๆ แห่งหนึ่ง!

หอประจิมนั้นถูกพรรคอื่น ๆ มองว่าเป็นนิกายนอกรีต! เพียงเพราะว่าคนของพรรคนี้ชอบแต่งตัวด้วยชุดคลุมยาวสีดำ อีกทั้งตอนเดินก็เหมือนกับยมทูต ยิ่งไปกว่านั้นหากคนพวกนี้อยากได้อะไรแล้วพวกเขาก็จะไม่เลือกวิธี! การที่หอประจิมอยู่มาได้ถึงตอนนี้ นั้นก็เพราะพลังของพวกเขาต่างก็แข็งแกร่งกันทุกคน!

ถ้าเป็นผู้ฝึกยุทธทั่วไปแล้วถูกหอประจิมจ้องมอง เกรงว่าคงจะคุกเข่าไปแล้ว เพียงแต่น่าเสียดายที่ทาปาหยิงหนานทำให้พรรคหอประจิมอับอายมาก หากให้เขาไปเข้าสังกัดพรรคอื่นตอนนี้เห็นทีคงเป็นไปไม่ได้! อีกทั้งด้วยนิสัยของพวกเขา แน่นอนว่าไม่รู้วิธีพูดแบบรักษาน้ำใจอยู่แล้ว เมื่อเป็นแบบนี้ทาปาหยิงหนานก็เลยถูกพรรคหอประจิมที่มีหน้าที่ดูแลการประลองนี้หมายหัว

ต่อมาทุกครั้งที่เขาประลองก็คล้ายจะเจอแต่คนเก่ง ๆ แต่ทาปาหยิงหนานก็มักจะอาศัยความกล้าของตัวเองเอาชนะมาตลอด เพียงแต่คู่ต่อสู้ที่เป็นคนตัวเตี้ยคนนี้กลับทำให้เขาเริ่มจะไปไม่เป็นบ้างแล้ว!

เจ้าเตี้ยคนนี้แปลกมาก ไม่เพียงแต่มีความว่องไว ทุกครั้งที่ดาบคู่ของเขาแทงตัวอีกฝ่ายก็เหมือนกับเขากำลังแทงเหล็กอยู่อย่างงั้นแหละ! ดังนั้นทาปาหยิงหนานจึงเริ่มสงสัยวิชาที่อีกฝ่ายฝึกขึ้นมาแล้ว เขาเคยได้ยินว่ามีวิชาภูษาเหล็ก! ผู้ฝึกวิชาดังกล่าวจะทำให้หนังกายคงกระพันฟันแทงไม่เข้า บางทีเจ้าคนแคระนี่อาจฝึกวิชาที่ว่านั่นก็เป็นได้!

การประลองของผู้ฝึกยุทธไร้สังกัดเป็นไปด้วยความดุเดือด! พวกเขาไม่พูดว่ายอมแพ้สักคำ ถ้าคุณแพ้ก็รอความตายได้เลย! นอกเสียจากคุณจะเจอกับคนที่เหมือนกับทาปาหยิงหนานเป็นคู่ต่อสู้ ทว่าใน 100,000 ผู้ฝึกยุทธไร้สังกัดจะมีสักกี่คนที่มีนิสัยแบบนี้!

ฉู่เหินมองทาปาหยิงหนานแล้วก็อยากจะช่วยเขา ถ้าเกิดทาปาหยิงหนานยอมเข้าพวกกับตระกูลฉู่จะดีมาก แต่ถ้าไม่ยอมก็ไม่เป็นไร! คนแบบทาปาหยิงหนานถ้าตายไปคงน่าเสียดายแย่!

หลังจากนั้นก็เห็นเพียงฉู่เหินส่งเสียงกระแสหนึ่งไปที่หูของทาปาหยิงหนาน! ตอนที่ได้ยินเสียงของฉู่เหิน ทาปาหยิงหนานก็คล้ายจะตะลึงไปครู่หนึ่ง เขารู้ว่าตัวเองถูกพวกหอประจิมหมายหัวอยู่ พอสังกัดที่อยากรับรู้ว่าเขาถูกกลุ่มอำนาจใหญ่หมายหัวต่างก็หนีหายไปหมด ไม่กล้าโผล่หน้ามาอีกเลย!

ในตอนที่ทุกคนคิดว่าเขาต้องตายแน่ ๆ คิดไม่ถึงว่าจะมีคนส่งเสียงสอนวิธีต่อกรกับวิชาประหลาดของคนแคระนี่! เมื่อเขายืนขึ้นก็หันไปทางที่เสียงส่งมาหรือก็คือทางด้านฉู่เหิน ก่อนจะพยักหน้าให้อีกฝ่าย!

วันนี้ฉู่เหินสวมชุดฉางเผ่าสีม่วง ด้ายสีทองตรงเอวของฉู่เหินเปล่งแสงออกมา! ดังนั้นไม่ต้องถาม เขาก็รู้แล้วว่าคน ๆ นี้เป็นลูกหลานตระกูลฉู่ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะสีม่วงคือสีประจำตัวของตระกูลฉู่ แต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือตรงแขนเสื้อของคนผู้นี้ยังปักลายหัวกิเลนอีก!

ต้องเข้าใจว่าในกลุ่มอำนาจที่ปักหัวกิเลนไว้ที่แขนเสื้อ ก็มีเพียงนิกายกิเลนเท่านั้น ฉะนั้นคน ๆ นี้ไม่เพียงเกี่ยวข้องกับตระกูลฉู่ อีกทั้งยังเป็นคนของนิกายกิเลนด้วย ดังนั้นเขาจึงคาดว่าฉู่เหินก็คือชื่อของคน ๆ นี้!

เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับตัวฉู่เหินมานานแล้ว ยิ่งบวกกับความแข็งแกร่งของตระกูลฉู่ที่มีมาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นทาปาหยิงหนานถึงตัดสินใจได้ในทันที! เขาถูกเจ้าเตี้ยนี้บีบให้จนมุม จนตอนนี้เขามีเพียงวิธีเดียวที่จะรับมือได้

ทาปาหยิงหนานเอาดาบคู่มาไว้ในมือเดียวกัน และใช้นิ้วกลางตัวเองปาดที่คมดาบเบา ๆ จนทำให้เลือดสด ๆ ไหลออกมา ในเวลาเดียวกันเขาก็หลบไปด้านข้าง ก่อนจะกลืนเลือดเข้าปาก

หลังจากนั้นเลือดก็ผสมรวมกับน้ำลาย เมื่อเขาหมุนตัวอีกครั้งก็ถุยไปที่ร่างของคนตัวเตี้ยนั้น! เลือดธรรมดา ๆ เมื่อหล่นที่ร่างกายของอีกฝ่ายนั้นกลับทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น!

เห็นเพียงร่างกายที่สูงไม่ถึง 100 เซนติเมตร เมื่อโดนเลือดหยดใส่ก็เริ่มโตขึ้น! เพียงชั่วอึดใจเดียวเขาก็สูงถึง 189 เซนติเมตรแล้ว แม้ว่าร่างกายของเขาจะสูงขึ้น แต่พลังของเขากลับลดลงหลายเท่า!

คนตัวเตี้ยนั้นรู้สึกโง่งมไปเลย เขางงว่าเจ้าหมอนี้รู้วิธีทำลายวิชาเยาว์วัยได้ยังไง ตอนที่ตนสำเร็จวิชานี้เบื้องบนบอกว่าวิชานี้ยากมากที่จะถูกทำลาย อีกทั้งไม่ว่าดาบอะไรก็ฟันแทงไม่เข้า แม้แต่เปลือกตาตัวเองก็สามารถรับดาบของอีกฝ่ายได้

ถ้าไม่ใช่เพราะได้วิชานี้ มีหรือที่เขาจะกล้ามาร่วมแข่งขัน! เพียงแต่เขาไม่คิดว่าคนที่เข้าร่วมการแข่งขันร้อยนิกายจะดูวิธีทำลายวิชานี้ วิชาเยาว์วัยนั้นถือว่าเป็นวิชาลับของโลกนี้ แต่ฉู่เหินไปที่ทวีปลึกลับนั้นหลายครั้งดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่ชายหนุ่มจะรู้จักวิชาเหล่านี้

งั้นทำไมฉู่เหินถึงไม่คิดจะฝึกฝนวิชานี้กันล่ะ? เมื่อเขาลองศึกษาดูเขาถึงได้รู้ว่าวิชานี้ไม่ควรฝึกเลย อยากจะสำเร็จวิชานี้ก็ต้องใช้เวลาตั้ง 10 ปี แต่ตอนทำลายกลับใช้เลือดเพียงหยดเดียวก็พอ! ซึ่งฉู่เหินก็ให้ชื่อเรียกวิธีนี้ว่าเลือดหยดเดียวแก้วิชาเยาว์วัย!

สำหรับที่ว่าทำไมฉู่เหินต้องทำลายวิชาเยาว์วัยนั้น นั่นก็เพราะว่าก่อนหน้านี้ชายหนุ่มได้เคยเห็นเจ้าคนตัวเตี้ยลงมือหลายครั้งแล้ว คนผู้นี้ลงมือกับคนอื่นได้โหดเหี้ยมเกินบรรยาย เมื่อฝ่ายนั้นแพ้ก็จะถูกควักหัวใจออกมาทุกครั้ง มันเป็นความโหดเหี้ยมที่ถึงกับทำให้คนมองรู้สึกหัวใจเย็นเยือก ดังนั้นฉู่เหินเลยไม่ชอบคน ๆ นี้

ยิ่งไปกว่านั้นหอประจิมก็เป็นพวกเอามือปิดฟ้า* เขาควบคุมการประลองของผู้ฝึกยุทธไร้สังกัดถึงได้กระทำการอย่างเปิดเผยแบบนี้! พออยู่ข้างนอกก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับใคร แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์กับตระกูลฉู่และนิกายกิเลนแล้วล่ะก็ เขาก็จำเป็นต้องเข้าแทรกแซง!

*เอามือปิดฟ้า หมายถึง อาศัยอิทธิพลใช้เล่ห์เหลี่ยมปิดบังมวลชน

ทาปาหยิงหนานก็รู้ว่าอีกฝ่ายใช้ประโยชน์จากความต้องการของหอประจิม ไม่งั้นทำไมอีกฝ่ายไม่ไปอยู่สนามประลองที่สอง แต่กลับมาอยู่สนามตรงนี้แทน! ดังนั้นตอนนี้เขาก็ไม่จำเป็นต้องยั้งมืออะไรอีกแล้ว ว่าแล้วก็เห็นว่ามือทั้งสองข้างของเขาขยับและฟันเข้าที่คอของคนตัวเตี้ยนั่นทันที!

อึก! คนผู้นั้นร้องเพียงเท่านั้นก่อนที่หัวของเขาจะตกลงไปกลิ้งกับพื้นสนาม นี่คือคนแรกที่โดนทาปาหยิงหนานฆ่า และก็หวังว่าจะเป็นคนสุดท้าย! ใบหน้าของทาปาหยิงหนานดุดัน ปล่อยรังสีสังหารออกมา!

ต่อมาเขาก็หันไปทางฉู่เหินและกำลังจะคุกเข่าลง พอฉู่เหินเห็นแบบนั้นก็รีบส่งกระแสเสียงไปว่า “ไม่ต้องรีบ ถ้าคนอื่นรู้ว่านายรู้จักฉัน ก็จะไม่มีใครอยากสู้กับนาย ซึ่งมันก็จะขัดขวางการลับคมฝีมือนาย! ฉันดูแล้วตอนนี้นายสามารถเลื่อนขั้นพลังได้อีก เพียงแต่จิตใจของนายไม่มั่นคงพอ นายจำเป็นที่จะต้องได้รับการขัดเกลาจากงานประลองอีกหน่อย! ถึงตอนนั้นนายก็จะรู้ด้วยตัวนายเอง”