บทที่ 314 บรรลุฉันทามติ
บทที่ 314 บรรลุฉันทามติ

เหมิงฉิงเลิกคิ้วด้วยความสนใจ

สำหรับหญิงสาวที่มีรูปโฉมงดงาม เขายังพอที่จะมีความอดทนอยู่บ้าง และอยากจะรู้ว่าตู้เหิงจะหาเงินและอาวุธเหล็กมาจากที่ใด

  

ลู่หัวที่อยู่ด้านข้างได้แต่ขมวดคิ้วเงียบ ๆ ไม่รู้จริง ๆ ว่าควรจะหยุดไม่ให้ตู้เหิงกล่าวอะไรขึ้นมาอีกหรือไม่

  

ตู้เหิงยังคงมีสีหน้าเย็นชา นางรินชาร้อนใส่แก้วแล้วยกขึ้นจิบ “บางทีท่านอ๋องน้อยอาจจะยังไม่รู้ เมื่อก่อนครอบครัวทางเเม่ข้านับว่ามีฐานะดี และเจริญกว่าจวนตระกูลตู้ยิ่งนัก”

เหมิงฉิงขยับริมฝีปากยกยิ้ม “ทำไมข้าถึงจะไม่รู้ ในตอนที่นายท่านโจวยังมีชีวิตอยู่ ผ่านไปสองราชวงศ์ เขาก็สามารถเข้ากับทั้งสองราชวงศ์ได้ หลังจากที่เขาเสียชีวิตไป ตระกูลโจวก็ค่อย ๆ ตกต่ำลงอย่างช้า ๆ”

และเขาก็ถามขึ้นอีกว่า “แม่นางตู้หมายความว่าตระกูลโจวมีสิ่งเหล่านี้หรือ”

น้ำเสียงของเหมิงฉิงเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยอย่างชัดเจน ตู้เหิงได้ยินเช่นนั้นก็ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว

  

นางพูดกับตัวเองเบา ๆ ว่า “ไม่ใช่แค่ตระกูลโจว ข้าก็มี”

เหมิงฉิงหัวเราะแล้วส่ายหัว “แม่นางตู้ ข้าไม่สนใจเงินเล็กน้อยหรอกนะ”

ดวงตาคู่งามของตู้เหิงจ้องไปยังเหมิงฉิง “ถ้าหากข้าจะบอกว่าข้ามีเหมืองเเร่เหล็กนับไม่ถ้วน ท่านอ๋องน้อยจะว่าอย่างไร”

เหมิงฉิงเริ่มหายใจไม่สะดวก ลู่หัวที่อยู่ข้าง ๆ ทำได้แค่เพียงขมวดคิ้วด้วยความงงงวย

“แร่เหล็กหรือ” ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน ด้วยน้ำเสียงที่สงสัยอย่างไม่เชื่อหู

ตู้เหิงยกยิ้มขึ้นอย่างเบา ๆ “ข้ามีหมู่บ้านหลายแห่งที่ท่านแม่ทิ้งไว้ให้ รวมทั้งป่าขนาดใหญ่ทางเหนือของเมือง ไหนจะแร่เหล็กที่อยู่ในภูเขานั้น ไม่รู้ว่าท่านอ๋องน้อยจะคิดเห็นอย่างไร?”

เหมิงฉิงขมวดคิ้วเข้าหากัน สีหน้าเริ่มจริงจังขึ้น

เขากำชับกับลู่หัวเบา ๆ ว่า “ไปเฝ้าหน้าร้านไว้ อย่าให้ใครเข้ามาใกล้”

ลู่หัวรู้ว่าสิ่งที่ตู้เหิงกล่าวมาอาจจะเป็นเรื่องจริง และมีความสำคัญต่อภารกิจของพวกเขาเป็นอย่างมาก

ในขณะนี้เขาไม่สนใจเรื่องที่พัวพันกับตู้เหิง และรีบตรงไปที่บันไดทันที

เป็นบทสนทนาที่ไม่สามารถให้ผู้ใดล่วงรู้ได้

ใบหน้าของเหมิงฉิงเคร่งขรึมลงเเตกต่างจากเมื่อครู่ เขาจ้องมองไปยังตู้เหิง “ทำไมถึงไม่มีใครรู้เรื่องเกี่ยวกับเหมืองแร่เหล็กที่อยู่ด้านใต้ของภูเขา”

ตู้เหิงไม่ลังเลที่จะตอบ “ที่แห่งนี้อยู่ในมือข้ามาตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน แม้แต่ตระกูลโจวเองก็ยังไม่ทราบถึงการมีอยู่ของเหมืองแร่เหล็ก”

ทันใดเหมิงฉิงก็หัวเราะออกมา และส่ายหัวเบา ๆ “แม่นางตู้ เจ้าคิดผิดเสียแล้ว การขายเหล็กโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษถึงขั้นตัดหัว ราชสำนักถูกสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เจ้าดึงข้าเข้ามาเกี่ยวข้องมันหมายความว่าอย่างไร ”

ตู้เหิงก้มหน้าลงไปดื่มชา ค่อย ๆ เก็บแขนซ้ายลงไปในเเขนเสื้อ และวางไว้บนตัก

นางมีท่าทีสงบลง หากแต่การแสดงออกทางสีหน้ายังคงเย็นชาเหมือนเดิม ตู้เหิงเงยหน้าขึ้นมองเหมิงฉิง และถามว่า “ท่านอ๋องน้อยไม่ต้องการมันจริง ๆ หรือเจ้าคะ”

เหมิงฉิงส่ายศีรษะ “โทษหนักถึงตัดหัว ข้าจะกล้าทำได้อย่างไร จะว่าไป ที่เจ้ามาบอกเรื่องเเร่เหล็กกับข้า ไม่กลัวข้าตัดหัวเจ้าถวายให้แก่ราชสำนักหรือ”

ตู้เหิงกล่าวกับตัวเองว่า “ถ้าหากว่าสตรีตัวเล็ก ๆ มาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ทรัพย์สินในมือของนางก็มิอาจจะรักษาไว้ได้ ในเวลานั้นไม่จำเป็นต้องให้ท่านอ๋องน้อยลงมือหรอกเจ้าค่ะ สตรีตัวน้อย ๆ นางนี้จะเป็นคนมอบให้แก่ราชสำนักเอง”

เหมิงฉิงเข้าใจในสิ่งที่นางกล่าวออกมา ทันใดนั้นก็ได้เปล่งเสียงหัวเราะออกมา “หากส่งให้ราชสำนักก็ดี ถ้าเจ้ามอบเเร่หินเหล่านั้นให้แก่องค์จักรพรรดิ เจ้าคิดว่าจะรอดพ้นจากโทษประหารหรือ แล้วทำไมเจ้าถึงต้องมาตามหาข้าล่ะ”

เหมิงฉิงแสร้งทำเป็นสับสน และยังคงระมัดระวังทุกการกระทำและคำพูด

ตู้เหิงที่หมดความอดทนที่จะหว่านล้อม จึงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ข้าต้องการให้ท่านปกป้องข้า เเละข้าจะมอบแร่เหล็กทั้งหมดให้”

ภายในหัวใจของเหมิงฉิงเริ่มสั่นไหว “เจ้าหมายความว่า ช่วยให้เจ้ารอดพ้นจากความผิด”

ตู้เหิงพยักหน้าเบา ๆ “เช่นนั้นแหละเจ้าค่ะ”

นางรู้ว่าเวลานี้ในชีวิตก่อน เหมิงฉิงได้ลอบวางแผนก่อกบฏไว้แล้ว แต่กำลังความแข็งแกร่งของนางยังไม่มากพอ

และการแต่งงานของนางกับลู่หัว เป็นการเคลื่อนไหวที่สำคัญสำหรับเหมิงฉิงในการจัดการตระกูลตู้

ตู้เหิงเข้าใจดีว่า มันไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดที่จะสนับสนุนราชสำนัก แต่เวลานี้ก็เป็นจังหวะที่ดีที่สุด จึงย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เหมิงฉิงจะปล่อยให้สินเเร่เหล็กหลุดมือไป

เหมิงฉิงขมวดคิ้วช้า ๆ และใช้นิ้วชี้เคาะโต๊ะราวกับกำลังใช้ความคิด

ตู้เหิงก็ได้กล่าวออกมาว่า “เหมืองที่ข้าครอบครองมีเหล็กเพียงพอที่จะสนับสนุนในสิ่งที่ท่านอ๋องน้อยต้องการจะทำ สิ่งที่ท่านต้องคิดก็คือวิธีการแอบซ่อนเหมืองเท่านั้น”

เหมิงฉิงไม่ได้ตอบอะไร

ตู้เหิงเองก็ไม่ได้เร่งรัดอะไร

นางเองก็รู้ว่าในเวลานี้ควรจะทำอะไรถึงจะเป็นการดีที่สุด ถือสิ่งที่จะช่วยชีวิตนางไว้ให้มั่น แล้วภาวนาขอให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี

เวลาผ่านไปช่วงหนึ่ง เหมิงฉิงก็ได้พูดขึ้น “ข้ามีวิธีจะช่วยให้เจ้าหลุดพ้นจากคดี เพียงแต่เกรงว่าแม่นางตู้ที่เป็นลูกสาวคนโตของตระกูลจะทำเช่นนั้นไม่ได้”

ตู้เหิงคาดเดาไว้แล้วว่าเขาจะมีเงื่อนไขแบบนี้ อีกทั้งเรื่องของการขุดแร่เหล็ก จะต้องไม่ให้ตระกูลตู้รับรู้อย่างเด็ดขาดไม่ว่าอย่างไรก็ตาม

เมื่อนางได้ยินเหมิงฉิงตกลงเรื่องที่ได้พูดกันไว้ นางก็รู้สึกโล่งใจขึ้น

ตู้เหิงพยักหน้าแล้วกล่าวเบา ๆ ว่า “ท่านอ๋องวางใจเถิด ข้าเองก็ได้ออกจากตระกูลตู้แล้ว จากนี้เป็นต้นไปข้ากับขุนนางในจวนไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกันอีก”

เหมิงฉิงหัวเราะ “ได้สนทนากับคนที่ฉลาดนี่ช่างสบายใจจริง ๆ แม่นางตู้กลับไปรอที่บ้านแล้วไปพิจราณาคดีเพิ่มเติม จากนั้นพวกเราค่อยมาวางแผนต่อ”

ผลลัพธ์ออกมาเป็นเเบบที่ต้องการ นางเองไม่ได้ต้องการอยู่ที่นี่ต่อ ดังนั้นหญิงสาวจึงกล่าวอำลา “ข้าน้อยขอตัวลา”

เหมิงฉิงพยักหน้า สายตาเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกชื่นชม “ตามแต่แม่นางตู้จะสะดวก”

ตู้เหิงลูกยืนขึ้น ร่างของหญิงสาวค่อย ๆ เดินลงบันได และหายไปจากสายตาของเหมิงฉิง

  

เมื่อเห็นแววตาของเขาที่มองไปทางที่ตู้เหิง ภายในใจของลู่หัวก็รู้สึกอึดอัดอย่างอธิบายไม่ถูก

“ท่านอ๋องน้อย ที่แม่นางตู้กล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นความจริงหรือไม่”

  

เหมิงฉิงมองไปยังลู่หัว ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “จริงหรือไม่จริงแล้วมันอย่างไร ข้ารับปากจะปกป้องนางคนนี้แล้ว ถ้าหากว่านางมีเหมืองแร่จริง ๆ เช่นนั้นก็มั่นใจเสียเถอะว่าเราจะไม่แพ้ แต่ถ้านางไม่ได้มีตามที่ได้กล่าวมา พวกเราก็มีวิธีที่จะจัดการกับนาง สตรีเพียงคนเดียวออกมาจากตระกูล จะหนีจากกำมือพวกเราไปไหนได้”

  

ลู่หัวได้เเต่นิ่งเงียบ

ตู้เหิงที่เดินลงมาบริเวณด้านล่างก็พบอาซู่ที่กำลังรออยู่แล้ว จึงได้ขึ้นรถม้าไป

อาซู่แอบสังเกตท่าทางคุณหนูของตน แล้วพูดอย่างลังเลว่า “เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะคุณหนู”

  

ตู้เหิงพยักหน้าเบา ๆ

 

ผ้าคลุมหน้าประดับสายทับทิมระย้าแกว่งขึ้นลงตามการเคลื่อนไหว ตู้เหิงถอดผ้าคลุมออก เผยให้เห็นใบหน้าขาวซีดเล็กน้อย และรอยแดงบนแก้มที่ยังไม่จางหายไป

อาซู่มองดูท่าทางของหญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาด้วยความปวดใจ “คุณหนูเจ้าคะ ข้าน้อยมันไม่เอาไหนที่ต้องทำให้คุณหนูไม่ได้รับความไม่เป็นธรรมเช่นนี้ ”

ตู้เหิงที่ยังคงสีหน้าเย็นชาก็ส่ายหัวพลางตอบว่า “มันเกี่ยวอะไรกับเจ้ากัน หนทางในภายภาคหน้านั้นแสนจะลำบากอีกทั้งยังอันตราย ต้องระมัดระวังค่อย ๆ ดู ค่อย ๆ ทำ”

นางรู้ดีว่าการร่วมมือกับเหมิงฉิงนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับการตามหาหนังเสือโคร่ง[1]

ชาติที่แล้วเหมิงฉิงปกปิดตัวตนมาโดยตลอด ในบรรดาข้าราชบริพาร หรือแม้กระทั่งต่อหน้าองค์จักรพรรดิ เขามักจะดูไร้เดียงสาและไม่เป็นอันตราย

ท้ายที่สุดเขาก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ เป็นถึงบุตรชายคนโตขององค์รัชทายาท ต่างเป็นที่จับจ้องของผู้คนมากมาย วันหนึ่งที่เขาตกต่ำลงก็เจอกับการเหยียบย่ำซ้ำเติมจากคนนับไม่ถ้วน

  

ไม่ง่ายเลยที่จะไต่เต้าขึ้นมาถึงจุดนี้ เหมิงฉิงทำได้เเค่เพียงเพิ่มความอดทนของตนเท่านั้น

  

แร่เหล็กที่มีอยู่ในมือสามารถดึงดูดเหมิงฉิงให้ร่วมมือกับนางได้แค่เพียงชั่วคราวเท่านั้น ตู้เหิงควรจะหาทางหนีทีไล่ไว้หากว่าเกิดอะไรขึ้นมา

อาซู่กัดริมฝีปากล่างของตนเอง และมองใบหน้าที่แน่วแน่ของตู้เหิง ที่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

เมื่อได้ฟังคุณหนูและแม่นมพูด ก็คิดขึ้นมาได้ว่าต้องออกจากตระกูลตู้

  

หนทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไร? ภายในจิตใจของอาซู่ก็พลันเกิดความสับสน

………………………………………………………………………………………………………

[1] ปรึกษาหารือกับศัตรู

สารจากผู้แปล

เหมือนหาเรื่องให้ตัวเองแท้ๆ อะตู้เหิง อยู่สบายๆ ไม่ชอบ กลับชอบที่จะเป็นนักโทษหนีคดีระหกระเหินแบบนี้

ก็ขอให้รักษาชีวิตตัวเองรอดจนกว่าท่านอ๋องน้อยจะมีอันเป็นไปเสียก่อนแล้วกันนะคะ

ไหหม่า(海馬)