บทที่ 315 ตู้เหิงที่ตามหลอกหลอน

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 315 ตู้เหิงที่ตามหลอกหลอน
บทที่ 315 ตู้เหิงที่ตามหลอกหลอน

ทุกวันหลินเหราและเหยาเฉาจะเข้าไปทำงานภายในวัง ตกเย็นก็กลับจวนตระกูลเซี่ย การใช้ชีวิตในทุก ๆ วันเป็นไปอย่างราบรื่น

ช่วงนี้เป็นเวลาที่ทั้งคู่จะได้หยุดพัก เหยาซูจึงได้จัดแจงพาทั้งสามคนเดินดูที่พัก “ครั้งที่แล้วพี่ใหญ่เขียนจดหมายเกี่ยวกับการมายังเมืองหลวง นับวันเวลาดูแล้ว กิจการการค้าการขายของเมืองนี้ก็ดีขึ้นพอสมควร ถ้าพวกเราหาที่พักได้แล้ว ก็ให้ท่านพ่อท่านแม่ได้หยุดพักเสียเถอะเจ้าค่ะ”

เหยาเฉาพยักหน้ากล่าวกับเหยาซู “เป็นเช่นนี้นี่เอง แต่ข้ากับอาเหราก็ดูที่พักในเมืองหลวงมาไม่น้อย วันนี้ให้พวกข้าสองคนไปดูก็เพียงพอแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องตามไปหรอก”

เหยาซูหัวเราะ หญิงสาวสาวจับแขนเหยาเฉาแกว่งไปมา “พี่รอง ข้าเองก็อยากไป วัน ๆ อยู่แต่บ้านเลี้ยงลูก แค่ประตูบ้านก็ยังไม่มีโอกาสแม้เเต่จะก้าวออกมาสักก้าวเดียว ไม่ง่ายเลยที่จะได้ออกมาผ่อนคลาย ท่านจะไม่อนุญาตให้ข้าได้ออกมาบ้างหรือ”

เหยาเฉาจนปัญญากับท่าทีของน้องสาว จึงพยักหน้ายอมรับ

“หากมีเวลาก็ลองไปหาโรงเตี๊ยมที่ปล่อยขาย ก่อนหน้านั้นอาซูก็เคยบอกว่าอยากทำโรงเตี๊ยมไม่ใช่หรือ” หลินเหราเอ่ยขึ้น

“อื้ม” เหยาซูตอบกลับด้วยดวงตาที่เป็นประกาย และเอ่ยกับชายหนุ่มทั้งสอง “ข้าจะไปมอบหมายให้ฝูหยาช่วยดูแลเอ้อเป่ากับซานเป่าก่อน”

กล่าวเสร็จก็เร่งฝีเท้าเดินเข้าห้องไปมอบหมายงานให้ฝูหยา

เหยาเฉาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “หลายวันมานี้ อาซูคงจะอึดอัดน่าดู”

หลินเหรามองตามแผ่นหลังของเหยาซูที่ค่อย ๆ หายลับไปจากสายตา และกล่าวกับเหยาเฉาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “รอหน่อยเถิดขอรับ ให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อน หากเมืองหลวงปลอดภัยแล้วค่อยปล่อยให้อาซูกับลูก ๆ ออกไปเที่ยวเล่น”

เหยาเฉาเห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมของชายหนุ่ม จึงกล่าวเห็นด้วย “ทางฝั่งใต้เท้าเซี่ยได้ข่าวอื่น ๆ มาหรือไม่ ”

หลินเหราส่ายหน้า “กองกำลังในเมืองกำลังรอการเคลื่อนไหว สองสามวันนี้ดูนิ่งสงบเกินไปอย่างคาดไม่ถึง ไม่รู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังกำลังต้องการทำอะไรกันแน่”

  

เหยาเฉาค่อย ๆ ขมวดคิ้ว

ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “ตอนนี้คดีของตู้เหิงได้ถูกเลื่อนออกไปอีกสักพัก ขออย่าให้มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นเลย”

หลินเหราเงยหน้าขึ้น แววตาแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและเย็นชา “พี่รองหมายความว่า…”

เหยาเฉาถอนหายใจ เสียงกังวานที่ออกมามีเพียงทั้งสองที่ได้ยิน “ข้าเองก็คาดการณ์ไม่ได้ว่าการโจมตีของพวกเราจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหรือไม่ ตอนนี้ทางราชสำนักก็รอจังหวะที่จะเคลื่อนไหว คนของเหมิงฉิงเองก็ดูไม่กระวนกระวาย พอมานึกถึงเรื่องคดีความของตู้เหิงที่ล่าช้ากว่าเดิม ผลมันจะออกมาเป็นเช่นไร…”

หลินเหราเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ไม่อาจคาดเดาได้ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร แต่ข้าก็จะไม่ปล่อยตู้เหิงไปแน่”

เหยาเฉานิ่งเงียบไม่เอ่ยเอื้อนสิ่งใด

เขาเข้าใจความหมายในสิ่งที่หลินเหรากล่าว ตอนนี้คดีของตู้เหิงยังไม่ได้ถูกตัดสิน เกรงว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแล้ว

เมื่อเห็นเหยาซูบอกกับลูก ๆ ของนางอย่างดีใจว่าเวลาที่ผู้ใหญ่ไม่อยู่บ้านต้องระมัดระวังเรื่องอะไรบ้าง อีกทั้งยังเร่งฝีเท้าเดินออกมาจากลานบ้าน บทสนทนาเมื่อครู่ก็เป็นเรื่องที่รู้กันสองคนเท่านั้น

เหยาเฉามองรอยยิ้มที่ดูไร้ซึ่งความทุกข์ของน้องสาวตนเอง แล้วพูดออกมาอย่างอบอุ่น “เก็บกวาดหมดแล้วหรือ”

เหยาซูพยักหน้าแล้วหัวเราะ “พี่รอง อาเหรา พวกเราไปกันเถอะ!”

  

จากนั้นทั้งสามคนก็ออกบ้านไปด้วยกัน

ด้านทิศตะวันออกของเมืองส่วนมากเป็นที่อยู่อาศัยของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ เพราะว่าบริเวณนี้จะใกล้กับตำหนักของจักรพรรดิ และจวนของตระกูลเซี่ยที่จักรพรรดิพระราชทานให้นั้นก็อยู่บริเวณนี้เช่นกัน

สภาพแวดล้อมของที่นี่ถือว่าดีที่สุด ราคาของบ้านก็มีราคาสูงมากเช่นกัน

เหยาเฉาเคยมาดูที่นี่สองครั้ง หลังจากนั้นจึงพาเหยาซูมาดู แต่นางกลับส่ายหัวปฏิเสธที่จะอยู่ตรงนี้

“ข้าว่าบ้านเรือนทางทิศตะวันออกไม่ค่อยดี ถนนหนทางก็มีไม่เยอะ ร้านค้าเองก็มีเพียงไม่กี่ร้าน ถ้าพาครอบครัวมาอาศัยที่นี่คงจะไม่สะดวกสบาย ข้าเห็นว่าทางตะวันตกของเมืองจะคึกคักกว่า”

เหยาเฉาสบตากับหลินเหราแล้วหัวเราะ “พวกเจ้าสองคนนี้ช่างรู้ใจกันเสียจริง ๆ อาเหราเองก็คิดว่าทางทิศตะวันตกจะดีกว่า เอาเถอะ ตะวันตกก็ตะวันตก ท่านพ่อ ท่านเเม่และพวกเด็ก ๆ ต้องชอบบริเวณที่คึกคักเป็นแน่แท้ อาเหรามัวช้าอยู่ไยเล่า นำทางไปเลยสิ”

หลินเหราพาสองพี่น้องเดินไปดูเมืองด้านทิศตะวันตก

เมืองหลวงแห่งนี้จะว่าเล็กก็ไม่เล็ก จะว่าใหญ่ก็ไม่ถึงกับใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องบ้านเรือนที่อยู่อาศัยที่ปล่อยขายก็มีเพียงแค่ไม่กี่หลัง หากจะเลือกก็ต้องเลือกบ้านที่สามารถให้ครอบครัวใหญ่เข้าไปอยู่ได้ ไม่ช้าก็เจอบ้านที่เหมาะสมที่สุด

เหยาซูชอบบ้านหลังนี้มาก ขนาดพื้นที่เหมาะสมกับครอบครัวใหญ่ สวนก็ถูกจัดแต่งอย่างประณีตงดงาม

หลังจากนั้นนางก็ถามราคากับพ่อค้าคนกลาง พ่อค้าได้หัวเราะออกมาเเละกล่าวขอโทษ “สายตาของทั้งสามท่านนั้นเฉียบแหลมยิ่งนัก แต่น่าเสียดายที่เมื่อวานมีคนมาจองบ้านหลังนี้ไว้แล้ว ข้าคงจะขายให้พวกท่านไม่ได้ ถ้าหากว่าคนที่มาจับจองไว้แล้วนั้นไม่ได้ซื้อ ไว้ข้าจะติดต่อไปใหม่อีกทีดีหรือไม่”

“น่าเสียดาย” เหยาซูเอ่ยขึ้น

เหยาเฉาก็ได้ถามขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าท่านพ่อค้าพอจะรู้หรือไม่ว่าฝ่ายนั้นเขามาเช่าหรือมาซื้อ”

พ่อค้าหัวเราะ “บ้านเรือนในเมืองหลวงน่ะหรือ ไม่เหมาะกับการซื้อนักหรอก เพราะมันมีราคาค่อนข้างสูง แต่ฝ่ายนั้นเขาต้องการจะซื้อ อีกทั้งยังบอกว่ามาจากตระกูลตู้ ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าเขาคือใคร ”

เมื่อได้ยินว่าตระกูลของอีกฝ่ายคือตระกูล ‘ตู้’ หัวคิ้วของเหยาซูขมวดเข้าหากัน นางเองคงจะคิดมากเกินไป

เหยาเฉาค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมา ชวนพ่อค้าพูดคุยพลางพาเดินไปอีกทาง อีกสองคนที่เหลือเดินออกมาอีกฝั่งเเล้วเริ่มสนทนาด้วยน้ำเสียงที่เบาลง

หลินเหราส่ายหัว “ตอนนี้กองกำลังในเมืองก็รอจังหวะที่จะเคลื่อนไหว ไม่กี่วันที่ผ่านมาสถานการณ์ก็เงียบสงบดี ไม่รู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้กำลังคิดอะไรอยู่”

อากาศเริ่มร้อนขึ้น หญิงสาวพูดพลางยกมือขึ้นมาพัด บนหน้าผากก็เริ่มมีเหงื่อไหลซึมออกมา

หลินเหราที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหยาซู ได้เอาตัวเข้าช่วยบังแสงแดดให้นาง “ถึงบ้านหลังนี้จะถูกซื้อไปแล้ว แต่ก็ยังมีหลังอื่น ๆ อีก เมืองหลวงใหญ่โตแบบนี้คงจะไม่ได้มีแค่หลังนี้หลังเดียวที่ดีหรอก”

เหยาซูหัวเราะออกมา และพูดอย่างหยอกเย้า “ท่านนี่ช่างใจกว้างเสียจริง ทั้ง ๆ ที่ท่านเองก็กำลังยุ่งอยู่กับการหาบ้านแท้ ๆ เพื่อให้ข้าจะได้ไม่ต้องเป็นกังวล ถ้าขืนยังหาไม่เจออีกระยะหนึ่ง คนที่จะโมโหเห็นได้ว่าก็น่าจะเป็นตัวท่านเอง”

หลินเหราหัวเราะเบา ๆ “อื้ม เจ้าไม่จำเป็นต้องโมโห”

ร่างสูงของเขาบังแสงแดดให้เหยาซูไว้ได้ไม่น้อย เมื่อเหยาซูได้ยินน้ำเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหน้า ก็ทำให้ใบหน้าของนางแดงขึ้นเล็กน้อย

เหยาซูเปลี่ยนหัวข้อสนทนาและกล่าวเบา ๆ ว่า “บ้านหลังนี้สวยงามและวิจิตรบรรจง แต่ว่ามันเล็กไปสักหน่อย หากพวกเราหาพื้นที่ได้ใหญ่กว่านี้คงจะดีกว่ามาก ครอบครัวพี่ใหญ่พี่รอง ท่านพ่อ ท่านแม่ และครอบครัวของเรา รวมกันแล้วจำนวนผู้คนไม่น้อยเลยทีเดียว”

ในตอนที่สองคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น เหยาเฉาก็ได้คุยกับพ่อค้าคนกลางเสร็จเรียบร้อยแล้ว และกำลังจะกล่าวลา

เมื่อเหยาเฉาเดินมาหยุดลงหน้าหลินเหราและภรรยาของเขา เหยาซูเห็นว่าพี่ชายของนางอารมณ์ไม่ดีนักจึงถามว่า “พี่รองเกิดอะไรขึ้น”

เหยาเฉาส่ายหน้าเบา ๆ สั่งให้สองคนออกไป “ค่อยคุยกันระหว่างทาง”

ทั้งสามคนเดินออกมาจากบ้านหลังที่ดูเมื่อครู่ และเดินไปที่ต่อไป

หลังจากเดินออกจากประตูและเดินไปได้อีกสักพัก เหยาซูก็มองไปที่ใบหน้าของเหยาเฉาและถามว่า “พี่รอง คงจะไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอก… หรือว่าเป็นตระกูลตู้จริง ๆ ที่เพิ่งจะตกลงซื้อบ้านหลังเมื่อครู่”

ใบหน้านวลราวกับหยกของเหยาเฉาดูจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วและกล่าวขึ้น “เมื่อครู่พ่อค้าคนกลางบอกกับข้าว่า เจ้าของบ้านที่ตั้งใจจะซื้อบ้านหลังนั้นคือตระกูลตู้ นางเป็นสตรีที่ดูมีอายุและดูเหมือนว่าอยากซื้อบ้านหลังนั้นทันที แต่พ่อค้าก็ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติม ถ้าจะให้เดาก็คงจะเป็นสตรีที่จะมาอาศัยอยู่ที่นี่

หลินเหราขมวดคิ้ว

เหยาซูยังคงมีสีหน้าไม่ดีพร้อมส่ายหัว และกล่าวว่า “ตามมาหลอกมาหลอนจริง ๆ จะไปที่ไหนก็เจอเเต่นาง นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว คดีก็ยังไม่จบเสียที”

หลินเหราปลอบภรรยาของตนว่า “วันรุ่งขึ้นข้ากับพี่รองจะเข้าไปทำงานในวัง จะลองถามสถานการณ์ให้”

เหยาซูพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ เรื่องราวต้องถูกเปิดโปง

ทั้งสามคนเดินไปยังบ้านหลังต่อไป แต่ภายในใจก็ไม่สามารถหยุดคิดเรื่องของตู้เหิงได้

นางรู้ว่าในฐานะนางเอกของนิยายต้นฉบับอย่างตู้เหิงควรมีราศีความเป็นตัวเอกเปล่งประกายอยู่บ้าง ทำไมเป็นได้ถึงเพียงนี้ไปได้?

เพียงแค่ไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วตู้เหิงจะใช้วิธีการใดที่จะทำให้ตนเองพ้นโทษ และในอนาคตจะสร้างปัญหาให้กับพวกนางอีกหรือไม่

……………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

จะปลุกเสกข้าวสารไปสาดใส่เรือนหลังใหม่ที่นังตู้จองไว้ดีหรือไม่กันนะ ตามหลอกหลอนอาซูเป็นสัมภเวสีเชียว

ไหหม่า(海馬)