ซูสือจิ่นมองหยานชิงเจ๋อที่กำลังนั่งเป็นเพื่อนลูกค้าอยู่ในร้านกาแฟในสนามบิน ใบหน้าของเขายังคงหล่อเหลางดงามเหมือนในความทรงจำของเธอ เพียงแต่ ไม่รู้ว่าเธอรู้สึกผิดปกติไปเองหรือเปล่า เธอมักจะรู้สึกว่าเขานั้นราวกับว่าผอมลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว
กรอบใบหน้าของเขาตอบลงไปมากกว่าแต่ก่อน นั่งยิ่งดูชัดเจนมากขึ้นไปมากกว่าเดิมอีก แล้วยิ่งทำให้เครื่องหน้าของเขานั้นดูน่าประล้ำลึกมากขึ้นไปด้วย แต่ทว่า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร กลับทำให้มีความรู้สึกว่ามันแปรผันบางอย่างด้วยเช่นกัน
อีกอย่างหนึ่ง ไม่ได้พบเจอกันมาเนิ่นนาน รูปลักษณ์ของเขานั้นก็ราวกับว่าแปรเปลี่ยนไปมากหลายส่วนเลยทีเดียว
เขาในเมื่อก่อนนั้น ในตอนที่ไปพบปะกับลูกค้า มักจะมีรอยยิ้มบางเบางดงามประดับอยู่หลายส่วน แต่ทว่าตอนนี้ ถึงแม้เขาเองก็กำลังยกยิ้มอยู่ แต่ทว่า ซูสือจิ่นรู้สึกว่ามันกลับแสดงความราบเรียบและระยะห่างมากกว่าหลายส่วนแทน
เขาอยู่ตรงด้านข้างเธอ มีเพียงแค่กระจกบางเบาที่กั้นระหว่างเราเอาไว้ สายตาของเขาตกลงบนร่างของลูกค้าอยู่ตลอดเวลา ทั้งสองคนเหมือนกำลังพูดคุยอะไรกันอยู่ อีกทั้งยังหยิบเอกสารขึ้นมาชุดหนึ่งอีกด้วย
ในตอนที่หยานชิงเจ๋ออ่านเอกสารนั้นเอง สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมมากขึ้น ท่าทางจริงจัง ราวกับว่าเป็นท่าทีในตอนที่เห็นเขาในยามทำงานแล้วมาในหลายครั้งของเมื่อก่อน
เพียงแต่ ทุกครั้งที่เธอเข้าไป เขาก็มักจะช้อนสายตาขึ้น ก่อนจะพยักหน้าให้เธออย่างอบอุ่น หลังจากนั้น ก็ทำงานต่อ
ในตอนนี้เอง ซูสือจิ่นเดินไปทางด้านหน้าต่อ ระยะห่างของพวกเขานั้น มันยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้ว
ทางด้านข้าง ซูเผิงฮวาไม่ได้มองเห็นหยานชิงเจ๋อ อีกทั้งยังคงหันมาพูดคุยอะไรบางอย่างกับซูสือจิ่นด้วย
แต่ทว่า ซูสือจิ่นกลับฟังไม่เข้าหูเลยแม้แต่คำเดียว ยังคงพุ่งความสนใจไปบนตัวของหยานชิงเจ๋ออยู่
สายตาของเธอสบตามองตั้งแต่ใบหน้าของหยานชิงเจ๋อ ลงมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งไปหยุดอยู่ตรงที่ข้อมือของเขา
เธอคิดอยากที่จะเดินไปดูทางด้านหน้าเล็กน้อย แต่ทว่า ในท้ายที่สุดแล้วก็ยังคงทำได้เพียงแค่หยุดอยู่ที่มือของเขา ไม่ได้มองต่อไป
เธอคิด เธออาจจะรู้สึกสนอกสนใจก็ได้ ว่าเขากับเจียงซีหยู่นั้นแต่งงานกันหรือยัง?
ถ้าหากว่าแต่งงานกันแล้ว เกรงว่าบนนิ้วนาง ก็คงจะต้องสวมใส่แหวนอีกวงหนึ่งแล้ว
เพียงแต่ จะแต่งหรือไม่แต่ง มันเกี่ยวอะไรกับเธอกันล่ะ?
ที่ผ่านมานั้นสามารถพูดได้เลยว่าเกี่ยวน่ะสิ ในเมื่อ เธอกับเขานั้นเคยแต่งงานกันมาก่อนนะ
แต่ทว่าตอนนี้……
ซูสือจิ่นรีบกักเก็บสายตาของตนเองอย่างรวดเร็ว ไม่ได้มองต่อ อีกทั้งยังหันศีรษะไปพูดคุยกับซูเผิงฮวาด้วย ก่อนจะค่อย ๆ เดินจากไปไกลแล้ว
ในร้านกาแฟ หยานชิงเจ๋อกำลังอ่านเอกสารอยู่ จู่ ๆ สายตาก็มองตกลงบนนิ้วนางของตนเองทันที
ที่นั่น มันยังคงสวมใส่แหวนแต่งงานของเขากับซูสือจิ่นเอาไว้อยู่
เขาสวมใส่แหวนแต่งงานรูปแบบของผู้ชาย อีกทั้งอีกวงหนึ่งที่เป็นรูปแบบของผู้หญิงนั้น มันมักจะนอนอยู่เงียบ ๆ ในกล่องแหวนแต่งงานของพวกเขาอยู่เสมอ
เป็นเพราะว่าเขาทำนายหญิงของมันหล่นหายไปเสียแล้ว
ตรงหน้า ลูกค้าเห็นว่าหยานชิงเจ๋อมีท่าทางอ่านเอกสารอย่างเหม่อลอย หลังจากนั้นก็ไม่ได้ขยับดวงตาไปไหน
ผ่านไปเนิ่นนานราวกับครึ่งวัน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมาว่า “คุณหยานครับ คุณคิดว่าชุดนี้มีปัญหาอะไรไหมครับ?”
หยานชิงเจ๋อหลุดออกจากภวังค์อย่างรวดเร็วในทันที เขากลับจ้องมองแหวนจนสติหลุดไปเสียแล้ว!
เขาส่ายหน้าไปมา “ไม่มีปัญหาครับ” หลังจากนั้น ก็เริ่มไล่อ่านอีกครั้ง
เพียงแต่ ในตอนที่เขากำลังอ่านอยู่นั้นเอง ไม่รู้ว่าทำไม หัวใจกลับเต้นระรัวมากขึ้น มักจะรู้สึกว่าราวกับมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นเลยก็ไม่ปาน ทำให้ตัวอักษรตรงหน้าของเขานั้นราวกับว่าเป็นรูปร่างยึกยือทั้งหมด เดิมก็อ่านไม่เข้าใจเลยแม้แต่ประโยคเดียว
เขาเงยหน้าขึ้นระคนหงุดหงิด ก่อนจะบีบนวดระหว่างคิ้วที่เริ่มหนักอึ้ง หลังจากนั้น ก็หยิบแก้วกาแฟบนโต๊ะขึ้นมาจิบหนึ่งอึก ก่อนจะเบนสายตาออกไปทางด้านนอกของหน้าต่าง
ในโถงใหญ่ของสนามบิน ส่วนแล้วแต่มีผู้คนพลุกพล่าน
แต่ทว่า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เขามักจะรู้สึกว่าวันนี้ที่โถงใหญ่นั้นรู้สึกไม่เหมือนอย่างปกติเลย
ราวกับว่ามีของสำคัญอะไรบางอย่าง เคยผ่านตนเองไป แต่ทว่ากลับห่างไกลไปอีกครั้งหนึ่งแล้วก็ไม่ปาน ทำให้หัวใจของเขาพรั่งพรูความเสียใจอย่างหนักอึ้งออกมาในทันที
เขาไม่ทราบว่าตนเองเป็นอะไรกันแน่ แม้กระทั่งยังต้องสูดลมหายใจเข้าออกแรง ๆ อยู่หลายครั้ง ล้วนแล้วแต่ไม่สามารถหลุดพ้นจากความรู้สึกเช่นนี้ได้เลย
เขาหันไปเอ่ยขอโทษกับลูกค้า ก่อนจะอธิบายว่าตนเองไม่ค่อยสู้ดีนัก หลังจากที่กลับไปอ่านเอกสารแล้ว ก็รับประทานยาอีกครั้ง หลังจากนั้น ก็ออกมาจากในร้านกาแฟ
วันนี้ เขาพึ่งบินมาจากต่างถิ่น ยังไม่ได้ออกมาจากสนามบินเลย มาถึงก็พุ่งมาพบหน้ากับลูกค้าที่นัดแนะเอาไว้
ดังนั้นแล้ว หยานชิงเจ๋อจึงไม่ได้ขับรถ อีกทั้งก็คิดไม่ถึงเลยว่าจะเสร็จเร็วมากขนาดนี้ ผู้ช่วยจึงยังไม่ทันที่จะได้มาถึงที่นี่
เขาเดินผ่านโถงใหญ่เพื่อที่จะไปยังสถานที่เรียกรถ ก็มองเห็นแล้วว่ามีกลุ่มคนกำลังต่อแถวยาว ๆ อยู่ทางด้านหน้า
เขารู้สึกว่าคนเองไร้เรี่ยวแรงเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าสบตามองนาฬิกาบนข้อมือ
วันนี้ แทบจะห่างจากวันครบรอบของมารดาของซูสือจิ่นจนเหลืออีกเพียงแค่สัปดาห์เดียวเท่านั้นแล้ว
เธอมักจะไปเยี่ยมเยียนมารดาทุกปี ปีนี้ก็จะไปด้วยหรือเปล่านะ?
หยานชิงเจ๋อคิดมาได้ถึงตรงนี้แล้ว รู้สึกเพียงแค่ว่าจิตใจนั้นแทบจะดีขึ้นมาแล้วเล็กน้อย
เขาเดินตามผู้คนต่อไปทางด้านหน้า หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ก่อนจะกดสั่งดอกไม้ช่องหนึ่ง
ดังนั้นแล้ว ในตอนที่ก้มหน้าอยู่นั้นเอง เขาเองก็ไม่ทันได้เห็น ซูสือจิ่นกับซูเผิงฮวาพึ่งจะต่อแถวจนถึงที่ด้านหน้าสุดเมื่อครู่นี้เอง หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็เดินไปยังหน้ารถแท็กซี่ ก่อนจะเปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งด้านใน
ในตอนที่รอให้หยานชิงเจ๋อสั่งดอกไม้เสร็จแล้วนั้นเอง ซูสือจิ่นทั้งสองคนก็จากไปเรียบร้อยแล้ว
เขาช้อนสายตาขึ้นมา สบตามองกับรถคนที่ขับออกไปไกล ๆ อย่างเหม่อลอย ไม่รู้ว่าทำไม ความรู้สึกประหลาด ๆ เมื่อครู่นี้ในร้านกาแฟนั้นกลับมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว
บางที อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงนี้ทำงานยุ่งมากเกินไปแล้ว ดังนั้นถึงเลอะเลือนมากขนาดนี้หรือเปล่านะ?
สองเดือนมานี้ เขารอคอยข่าวคราวของเธออยู่ทุกวัน ราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับการขับรถข้ามภูเขา
ทางฝั่ง DR นั้นในบางครั้งถึงจะได้คราวราวมาครั้งหนึ่งบ้าง ไม่ว่ามันจะเชื่อถือได้หรือไม่ เขาล้วนแล้วแต่จะรีบตามไปหาในทุกครั้ง แต่ทว่า ไม่มีครั้งไหนเลยที่คล้ายกับในครั้งที่อิตาลีก่อนหน้านี้ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเข้าใกล้มากแล้ว แต่ทว่าในท้ายที่สุดแล้วกลับคลาดไป
ในตอนนี้ ซูสือจิ่นทั้งสองคนนั้นเดินทางมาถึงทางด่วนของสนามบินแล้ว
ซูสือจิ่นสบตามองทัศนียภาพด้านนอก หวนนึกถึงในตอนที่ตอนเองจากไปก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังเป็นเดือนสิบสองในฤดูหนาวด้วย รอบข้างจึงเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ไร้ใบทั้งสิ้น
แต่ทว่าในตอนนี้ ผ่านไปสามเดือนแล้ว ต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ทั้งสองข้างทางล้วนแล้วแต่แตกหน่อใหม่ เจริญเติบโตจนมีรูปร่างสูง ตอนนี้มันเต็มไปด้วยใบไม้เขียวขจี
โลกทั้งใบ แทบจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว!
เธอกับซูเผิงฮวากลับมาถึงบ้านแล้ว เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่อยู่กันมาหลายเดือน ซูเผิงฮวาจึงจัดแจงให้คนมาทำความสะอาดล่วงหน้าก่อน ดังนั้นแล้ว ภายในตัวบ้านจึงไม่มีฝุ่นอะไรเลย
ซูสือจิ่นกลับเข้าไปในห้องพักของตนเอง เอนตัวแผ่หลาอยู่บนเตียงกว้าง ในตอนนั้นเอง ในที่สุดเธอก็มีความรู้สึกกลับบ้านมาแล้ว
บางที ภายในตัวของคนจีน หากจะพูดถึงการคิดถึงบ้านแล้วนั้นมันลึกซึ้งมากกว่าชนชาติพันธุ์อีก ในเมื่อเธอเองก็มั่นคงในต่างประเทศแล้ว เช่าคฤหาสน์หลังเล็กมาหลังหนึ่ง มีธุรกิจเป็นของตนเอง
แต่ทว่า กลับเป็นในตอนที่เอนตัวนอนลงในหนิงเฉิงของตนเองนี้เอง หลังจากนั้นจึงมีความรู้สึกของคนที่จากไปนาน แล้วกลับมายังบ้านที่เป็นรากเหง้าของตนเองอีกครั้ง
ซูสือจิ่นบิดขี้เกียจอยู่ครู่หนึ่ง ลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะหมุนตัวไปดูข้าวของในห้อง
ในตอนแรก เป็นเพราะว่าเธอไปอย่างกะทันหัน ดังนั้นจึงไม่ได้นำอะไรไปเลย
แต่ทว่ากลับมาในตอนนี้ เธอค้นพบว่า ของทุกชิ้นในบ้าน ล้วนแล้วแต่เติมเต็มความทรงจำแต่ก่อนของเธอทั้งสิ้น
เธอเปิดสมุดภาพถ่ายออก ก่อนจะมองเห็นภาพถ่ายของตนเองในตอนเยาว์วัยกับมารดา หลังจากนั้นนัยน์ก็เริ่มชื้นแฉะขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
ถ้าหากว่าเวลาช้าลงกว่านี้มันจะดีมากขนาดไหนกันนะ เธอค้นพบว่า สิ่งที่เธอคะนึงหามากที่สุด ก็คือตนเองที่ไร้ความกังวลใจใด ๆ เลยในตอนแรกคนนั้นนั่นเอง
วันที่สอง ซูสือจิ่นกับบิดาล้วนแล้วแต่ถือดอกไม้ ก่อนจะมายังหน้าหลุมศพของมารดา
แต่ทว่าเวลาพึ่งจะผ่านไปเพียงแค่ปีเดียวเอง แท่นหลุมศพสีดำรอบ ๆ กลับมีต้นหญ้าโตขึ้นอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยเลย
ทั้งสองคนย่อตัวลง ก่อนจะเริ่มทำความสะอาดหญ้ารกรุงรังรอบบริเวณ จนกระทั่งทุกอย่างสะอาดสะอ้านแล้ว ซูสือจิ่นถึงจะวางดอกไม้เอาไว้ที่หน้าแท่นหลุมศพ
“คุณแม่คะ หนูจะไม่ไปนาน” ซูสือจิ่นคุกเข่าอยู่หน้าหลุมศพ ก่อนจะเอ่ยอย่างไร้เสียงขึ้นมาว่า “คุณพ่ออายุค่อย ๆ เยอะมากขึ้นแล้ว หนูเป็นลูกสาวคนเดียวของคุณพ่อคุณแม่ ดังนั้น หนูจะกลับมาอย่างแน่นอนค่ะ หลังจากนั้น ก็จะอยู่ที่หนิงเฉิง แล้วก็จะไม่ไปไหนอีกแล้ว”
เธอปีกธูปลงบนกระถางแท่นหลุมศพ “แต่ทว่า ให้เวลากับหนูอีกหน่อยนะคะ ตอนนี้ หนูอาจจะยังไม่สามารถควบคุมหัวใจของตัวเองได้ทั้งหมด รอให้หนูวางเรื่องราวทุกอย่างได้ลงทั้งหมดก่อนก็จะกลับมาแล้วค่ะ หลังจากนั้น ก็จะต้อนรับชีวิตใหม่!”
ซูสือจิ่นกับซูเผิงฮวาหยุดอยู่ตรงนั้นอย่างเนิ่นนาน หลังจากนั้นจึงกลับออกไปจากสุสาน
ตอนค่ำ มีฝนตกลงมาห่าหนึ่ง
น้ำฝนนั้นแกะเต็มไปทั่วดอกไม้ อีกทั้งยังตกลงมาในอนุสรณ์สถานอย่างไร้เสียง
ผ่านไปอีกวันหนึ่งแล้ว ซูสือจิ่นกับบิดาทำอาการกันในบ้าน หลังจากนั้น ซูสือจิ่นก็จากไปแล้ว
สามวันหลังจากนั้น ฟ้ายังไม่ทันสว่าง ที่หน้าประตูของสุสาน มีรถยนต์คันหนูจอดเอาไว้อยู่
หยานชิงเจ๋อลงมาจากรถ ในมือถือดอกไม้ที่ยังมีน้ำค้างในยามเช้าอยู่ด้วย ก้าวทีละก้าว ก่อนจะเดิมมุ่งหน้าตรงไปยังหลุมศพของคุณแม่ซู
เพียงแต่ ในตอนที่เขาเข้าไปใกล้แท่นหลุมศพนั้นเอง อาศัยแสงแดดเลือนรางในอากาศ แต่ทว่ากลับมองเห็นดอกไม้ดอกหนึ่งที่หน้าหลุมศพและกลีบดอกไม้ที่นอนอยู่น่าสงสารอยู่เต็มพื้น
ฝีเท้าของเขาหยุดชะงักในทันที ภายในหัวใจก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเสียแล้ว
วันนี้เขามาแต่เช้า เป็นเพราะว่ากลัวว่าเธอจะมาเช้ากว่า แล้วจะคลาดกันอีกครั้ง
แต่ทว่า กลับนึกไม่ถึงเลย ว่าจะมาช้าไปแล้วจริง ๆ?
หยานชิงเจ๋อสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนจะโอบอุ้มความหวังเล็กน้อยเอาไว้ แล้วก้าวเดินต่อไปด้านหน้า
เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลุมศพ ในที่สุดก็มองเห็นดอกไม้นั่นได้อย่างชัดเจนแล้ว
สองวันมานี้ฝนก็ไม่ได้ตก แต่ทว่า กลีบดอกไม้ที่กระจายตัวอยู่นั้นเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าถูกฝนตกใส่จนกลายเป็นเช่นนั้นไปแล้ว เห็นได้เลยว่ามีคนมาส่งดอกไม้ คงจะมาเมื่อสองสามวันก่อนหน้านี้
กลีบดอกไม้นั้นเต็มไปด้วยดินโคลนไปกว่าครึ่ง อีกทั้งเป็นเพราะว่าผ่านมาหลายวันแล้ว มันจึงกลายเป็นสีเหลืองกรอบไปแล้วด้วย
แต่ทว่า ล้วนแล้วสามารถมองออกได้ทั้งหมด ว่ามันคือทิวลิป
โดยปกติแล้วเวลาคนมาทำความสะอาดหลุมศพ ส่วนมากมักจะส่งดอกดอกเบญจมาศเป็นเสียส่วนใหญ่ แต่ทว่า คนที่สามารถส่งทิวลิปมาได้นั้นมีเพียงแค่——
คนที่ส่งดอกไม้มา นั่นก็คือซูสือจิ่น!
ในตอนที่คุณแม่ซูยังมีชีวิตอยู่ดอกไม้ที่ท่านชอบมากที่สุด นั่นก็คือทิวลิป เป็นเพราะว่าเหตุผลนี้ ดังนั้นในทุกครั้งที่ซูสือจิ่นมาทำความสะอาดหลุมศพ ล้วนแล้วแต่จะส่งทิวลิป
หยานชิงเจ๋อรู้สีกว่าหัวใจของตนเองที่มีความหวังอยู่นั้น มันค่อย ๆ แตกเป็นเสี่ยง ๆ
ช่อดอกทิวลิปที่อยู่ในมือของเขาร่วงหล่นลงมาจากมือ ตกลงที่หน้าแท่นหลุมศพ เหมือนกลับกลีบดอกไม้แห้งเมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อน ที่มีรูปร่างสุดใหม่กว่า
“เสี่ยวจิ่น ทำไมกันนะ ทำไมฉันมักจะช้าไปก้าวหนึ่งเสมอเลยนะ?”
ริมฝีปากของเขาสั่นระริก รู้สึกเพียงแค่ว่าความเชื่อมั่นในฝ่ามือของตนเองนั้น ค่อย ๆ สูญสลายไปอย่างช้า ๆ
เขารอมาสามเดือน เดิมคิดว่าวันนี้จะคว้าโอกาสได้มากที่สุด แต่ทว่า……
หยานชิงเจ๋อสบตามองปฏิทินบนนาฬิกาข้อมือของตนเอง ก่อนจะค่อย ๆ เข้าใจได้แล้ว เธอมาก่อนหน้านี้สองสามวัน ประจวบเหมาะกับเป็นวันคบรอบของคุณแม่ซูตามปฏิทินสุริยคติพอดี……
เธอกลับมาตามปฏิทินสุริยคติ แต่ทว่าในทุกครั้งนั้นเธอมาตามปฏิทินตามจันทรคตินี่!
หัวใจของหยานชิงเจ๋อพรั่งพรูความไร้เรี่ยวแรงออกมาในทันที
สองเดือน เขามักจะคอยติดตามข่าวคราวของเธออยู่เสมอ ถึงแม้ว่าทางกลุ่ม DR จะเจ๋งมากก็ตาม แต่ทว่า หากคิดจะตามหาเธอแล้ว มันกลับยากมากจริง ๆ
เขาไม่สามารถตามหาเธอจากกล้องวงจรปิดของทั้งโลกได้ มันผิดกฎหมายของประเทศไปหลายข้อ อีกอย่างหนึ่ง จำนวนมันก็เยอะมากด้วย
ครั้งที่แล้ว ก็เป็นเธอเองที่เผย IP ที่อยู่ออกมาเองก่อน เขาถึงสามารถล็อกตำแหน่งของเธอเอาไว้ได้
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลย ที่แท้แล้ว หากเธอต้องการจะหายไป ล้วนแล้วสามารถทำได้อย่างหมดจดมากขนาดนี้เลยจริง ๆ
โลกนั้นกว้างใหญ่มาก การพบเจอเธอนั้นแทบจะง่ายดายเป็นอย่างมาก แต่ทว่าโลกนั้นก็กว้างใหญ่มาก ตามหาเธอนั้นกลับยากลำบากมากขึ้นไปกว่าอีกจริง ๆ
หยานชิงเจ๋อไม่รู้ว่าตนเองออกมาจากหลุมศพได้อย่างไร เขาขับรถกลับมาราวกับร่างไร้วิญญาณ ในตอนนั้นเอง ท้องฟ้าก็สว่างสดใสแล้ว
เดิมเขาจะขับรถกลับบ้าน แต่ทว่า โอบกอดความหวังที่ไม่มีความหวัง เขานั้นยังคงขับรถไปยังบ้านของซูสือจิ่น
เขาหยุดรถอยู่ที่หน้าประตูบ้าน หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปกดกระดิ่ง
หลังจากนั้นสองนาที ในคฤหาสน์ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาแล้ว ก่อนจะทำให้ลมหายใจของหยานชิงเจ๋อนั้นแทบจะติดขัด
ประตูเปิดออกแล้ว คนที่เปิดประตูคือซูเผิงฮวา
เห็นได้อย่างชัดเจนเลย เขาไม่คิดว่าหยานชิงเจ๋อจะมา ซูเผิงฮวาชะงักไปครู่หนึ่ง “นายมาได้อย่างไรน่ะ?”