โจวกุ้ยหลานบีบแก้วที่อยู่ในมือตัวเองแน่น สะบัดสายตาแหลมคมไปทางสวีฉางหลิน
เมื่อกี้ตานี่ว่าอะไรนะ? นางขี้เหร่?
“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าใครสวย?” โจวกุ้ยหลานหักห้ามเพลิงพิโรธของตัวเอง ถามเสียงเย็น
สวีฉางหลินย่อมฟังออกถึงไฟโกรธของนาง แต่ตอนนี้จะบอกว่านางสวยไม่ได้!
หากจะให้เขาบอกว่าใครสวยกว่านาง เหมือนว่าจะไม่มี ดังนั้นจึงได้แต่ปิดปากเงียบ
“โทษที ขี้เหร่ให้เจ้าได้เห็นแล้ว!” เนื่องจากเขาไม่พูด ดังนั้นอารมณ์โกรธของนางจึงเพิ่งขึ้นอีกหลายส่วน
หึ นางขี้เหร่? ขี้เหร่แล้วอย่างไร? นางขี้หนาวจึงใส่จนตัวกลมจะทำไม? นางก็แค่หนาวจนจมูกแดงแล้วอย่างไร?
สวีฉางหลินขมวดคิ้ว ปฏิกิริยาของภรรยาตัวน้อยต่างจากที่เขาคิด
ทำไมต้องโกรธ?
เมื่อเห็นท่าทีเขายังเหมือนเดิม โจวกุ้ยหลานก็คร้านจะสนใจเขา และตอนนี้ก็ไม่อยากเห็นเขาด้วย จึงยื่นแก้วน้ำที่เขาเทคืนกลับไป ส่วนตนก็จูงมือเจ้าก้อนน้อยไปที่ห้องครัว นั่งอยู่บนเก้าอี้ก่อนหน้านั้น
โมโหจะตายอยู่แล้ว!
ทำไมนางถึงได้โกรธขนาดนี้?
จะระเบิดอยู่แล้ว!
โจวกุ้ยหลานมีไฟโกรธอยู่เต็มอก ไม่อยากสนใจสวีฉางหลิน
หลิวเซียงยังมีเรื่องในใจ ย่อมไม่เห็นว่าโจวกุ้ยหลานกำลังอารมณ์เสีย ส่วนเจ้าก้อนน้อย ก็ได้แต่เป็นเด็กดีอยู่ข้างกายมารดาตน ไม่ยั่วนางโมโห
ส่วนบุรุษสองนามในห้องโถง เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า อับจนหนทาง
รออยู่อย่างนี้ ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมงแล้ว เหล่าไท่ไท่ก็ยังไม่กลับมา
แม้โจวกุ้ยหลานยังโกรธ แต่จะให้ทุกคนหิวไม่กินข้าวไม่ได้ ดังนั้นจึงตัดสินใจไปตามเหล่าไท่ไท่กลับมากินเกี๊ยว
แน่นอน เพื่อออกไปผ่อนคลายอารมณ์ด้วย ต่อให้หนาว นางก็จะไปด้วยตนเอง
สำหรับด้านนอกที่หนาวอย่างนี้ มันก็ช่วยไม่ได้นี่นะ ก่อนหน้านี้เหล่าไท่ไท่ทำหมวกให้นางใบหนึ่ง แม้จะบอกว่าเป็นผ้า แถมยังดูเหมือนหมวกของยายแก่ แต่เพื่อความอบอุ่น ดังนั้นนางจึงไม่ใส่ใจ
นางหยิบหมวกใบนั้นขึ้นมาใส่ นางกระฟัดกระเฟียดให้ทุกคนรอนางอยู่ที่บ้านแล้ว ตัวเองก็เดินออกประตูไป
โจวกุ้ยหลานย่ำหิมะขยับไปทางบ้านโจวต้าซานทีละน้อย เมื่อเข้าไปในลานบ้านก็เห็นรถม้าหรูหราคันหนึ่งกำลังจอดอยู่ในบ้านพอดี
โจวชิวเซียงรวยแล้วหรือเนี่ย กลับมายังนั่งรถม้าด้วย?
ครั้นนึกถึงการแต่งตัวของนาง เหมือนว่าจะแพงไม่ใช่เล่น
โจวกุ้ยหลานคิดอยู่ในใจ ผลักประตูใหญ่ของบ้านโจวต้าซาน เห็นทุกคนกำลังนั่งอยู่ในห้องโถง ชายเคราแพะอายุห้าสิบกว่าคนหนึ่งสวมชุดที่ทำจากหนังสัตว์ทั้งตัวกำลังนั่งอยู่ตำแหน่งประธาน ด้านข้างคือโจวต้าซาน ด้านล่างคือเอ้อร์เฉียงและซานเฉียง
ในห้องเงียบเชียบ บรรยากาศย่ำแย่อย่างเด่นชัด
อีกทางของห้องมีเสียงหวังหยู่ชุนดังมา “ของพวกนี้ให้ข้าใช่ไหม?”
“ไม่ได้!” เสียงเกรี้ยวของโจวชิวเซียงดังขึ้น จากนั้นก็บ่นอีกพักหนึ่ง
“ท่านลุงใหญ่พวกท่านก็อยู่ด้วย? แม่ข้าล่ะ?” โจวกุ้ยหลานเมินเสียงในห้อง ถามโจวต้าซาน
โจวต้าซานชี้ไปทางห้องของโจวชิวเซียง “อยู่ในนั้น”
โจวกุ้ยหลานพยักหน้า แต่แล้วก็ได้ยินโจวต้าซานเอ่ยกับชายเคราแพะอายุห้าสิบกว่าคนนั้น “เถ้าแก่เฉียน นี่คือหลานสาวของข้า”
เถ้าแก่เฉียนเหลือบมองโจวกุ้ยหลานที่ถูกห่อจนตัวกลมดิก ความดูแคลนแล่นปราดในดวงตา ในจมูกเย็นชา “อื่ม” เสียงหนึ่ง
ผู้หญิงบ้านนอก ใส่ชุดเน่าๆ เป็นกอง ขายหน้าจริงๆ!
โจวกุ้ยหลานเห็นสีหน้านี้อยู่ในดวงตา นางไม่ยี่หระ พยักหน้ากับอีกฝ่ายถือเป็นการทักทาย จากนั้นก็ยกเท้าเดินเข้าไปในของห้องโจวชิวเซียง
หลังจากนางจากไป ด้านนอกก็เงียบอีก
เมื่อเข้าไปแล้วจึงพบว่าเหล่าไท่ไท่ และพวกหลี่ซิ่วยิงก็อยู่ในนี้ แม้แต่จางเสี่ยวจุ๋ยก็ยืนอยู่ข้างเตียง มองโจวชิวเซียงเก็บเสื้อผ้าและเครื่องประทินโฉมเกลื่อนกลาดอยู่บนเตียง
ดวงตาโจวกุ้ยหลานฉายประกาย เก็บกดความประหลาดใจไว้ในอก แล้วทักทายกับคนในห้องทันที
พวกนางที่จิตใจจดจ่ออยู่แต่กับของบนเตียงต่างไม่เคยเห็นของดี ตอบรับเล็กน้อย
เหล่าไท่ไท่มองโจวกุ้ยหลานแวบหนึ่ง เห็นหน้าตาที่โผล่แต่ดวงตาแล้วก็รู้ว่านางหนาว เอ่ยตำหนิ “หนาวขนาดนี้แล้วเจ้าออกมาทำไม?”
“ก็นานแล้วท่านไม่กลัวไปนี่ ข้าก็เลยมาตาม”
ครั้นสิ้นเสียง เสียงเยาะเย้ยของโจวชิวเซียงก็ดังขึ้น “ดูสารรูปเจ้าสิ จนจริงๆ!”
โจวกุ้ยหลานก้มหน้ามองเสื้อผ้าของตัวเอง “ข้ารู้สึกว่าดี อุ่น”
“บอกแล้วว่าเจ้าจน ดูชุดของข้าสิ นี่ต่างหากถึงเรียกว่าอุ่น! รู้ว่านี่คืออะไรไหม?” โจวชิวเซียงดึงก้อนขนสีเหลืองที่อยู่ตรงคอตัวเอง
“ขนจิ้งจอก” โจวกุ้ยหลานเอ่ยเรียบ
โจวชิวเซียงอึ้ง
หึเสียงเย็น “นับว่าเจ้ารู้จักของ ผ้าพันคอขนจิ้งจอกนี่อยู่ตรงคอทั้งสบายทั้งอุ่น ไหนเลยจะเหมือนอย่างบนตัวเจ้า!”
เฮอะ นัยน์ตากวาดมองตามเนื้อตัวโจวกุ้ยหลานอีกรอบหนึ่ง แล้วหึเย็น เชิดหน้าใส่โจวกุ้ยหลาน
“ใช่ๆๆ ขนจิ้งจอกนี่ลูบแล้วก็สบาย ถ้าข้าใส่ได้ด้วยก็ดีสิ!” หวังหยู่ชุนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้น ยื่นมือไปลูบผ้าพันคอของโจวชิวเซียง
หลี่ซิ่วยิงที่อยู่ด้านข้างตีมือนาง ตำหนิ “ยื่นมือก็จะจับ ถ้าทำเสียจะทำอย่างไร?”
หวังหยู่ชุนขุ่นเคืองเล็กน้อย “แค่ลูบจะเสียได้อย่างไร?”
“ของแพงๆ นี่เจ้าลูบได้หรือ?” โจวชิวเซียงถลึงตากับหวังหยู่ชุน รู้สึกได้ระบายความคับแค้นในอก
นางยังจำถ้อยคำเหล่านั้นที่หวังหยู่ชุนเคยด่านางตอนจะแยกบ้านได้!
ที่แท้คนพวกนี้ก็กำลังพะเน้าพะนอโจวชิวเซียงหรือ…
โจวกุ้ยหลานวิเคราะห์สถานการณ์ในยามนี้ชัดเจนแล้ว กระตุกเหล่าไท่ไท่ เหล่าไท่ไท่พลันเข้าใจ จึงเอ่ยปาก “พวกเจ้าคุยกันไปก่อน เราจะกลับไปกินข้าวก่อนแล้ว”
กล่าวจบก็จะเดินออกไปข้างนอก โจวกุ้ยหลานที่ยืนอยู่ข้างนางตามไปทันที
“เดี๋ยว!” โจวชิวเซียงเรียกเสียงดัง
เหล่าไท่ไท่กับโจวกุ้ยหลานหยุดฝีเท้า หันไปมองนาง คนที่อยู่ด้านข้างก็เบนสายตาไปที่ตัวนางด้วย
โจวชิวเซียงชี้ผ้าเช็ดหน้าปักลายดอกโบตั๋นสีขาวผืนหนึ่ง เอ่ยด้วยความหยิ่งผยอง “ผ้าเช็ดหน้านั่นให้เจ้า ต่อไปเจ้าจะได้มีของดีๆ อวด!”
นี่เป็นของขวัญที่ฝากนางหรือว่าเป็นการให้ทาน?
หวังหยู่ชุนที่อยู่ด้านข้างไม่พอใจ “ชิวเซียง ผ้าเช็ดหน้าสวยๆ นี่ข้าดูแล้วน่าจะเป็นไหมแท้ เจ้าจะให้นางหรือ? ข้าเป็นพี่สะใภ้เจ้านะ เจ้ายังไม่ให้ข้าเลย?”
“ของของข้าจะให้ใครก็ให้!” โจวชิวเซียงถลึงตาใส่หวังหยู่ชุน ทิ้งคำพูดให้แล้วก็หันไปมองโจวกุ้ยหลาน รออีกฝ่ายพะเน้าพะนอเอาใจตน
โจวกุ้ยหลานดึงคอเสื้อเสื้อนวมตัวเองลง เผยริมฝีปากตัวเอง เกี่ยวยิ้ม “ข้าไม่ใช้ผ้าเช็ดหน้านี่หรอก เจ้าเก็บไว้ใช้เองเถอะ”
กล่าวจบก็หันไปอีกครั้ง คราวนี้ไม่มองโจวชิวเซียงแล้ว ดึงเหล่าไท่ไท่เดินออกไปข้างนอก
โจวชิวเซียงโกรธจัด หยิบผ้าเช็ดหน้าแล้วปาออกไปทางหลังโจวกุ้ยหลาน แต่ผ้าเช็ดหน้าเบาเกินไป ปาออกไปแล้วก็ลอยอยู่กลางอากาศนิดหนึ่งก่อนจะตกลงบนเตียง