ก๊อก…ก๊อก!
“เข้ามาได้”
เสียงของมิร่าดังขึ้นหลังจากที่ผมเคาะประตูหน้าห้องเธอ
ผมเข้าไปในห้องทำงานของเธอและเผชิญหน้ากับเธอ มิร่าเดินมาข้างหน้าและมองผมขึ้นๆ ลงๆ ขณะเดิน เธอถึงกับใช้มือและเริ่มตรวจดูร่างกายของผมด้วย การที่ผมยังไม่ได้อาบน้ำและพึ่งกลับมาจากสงครามไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเธอเลย
“ไม่ใช่ว่าน้าตรวจสอบร่างกายผมด้วยมานาไปแล้วเหรอครับ?”
ผมพูดด้วยท่าทีติดตลก แต่ความรู้สึกมี ‘ความสุข’ และ ‘พึงพอใจ’ ของผมยังคงถูกส่งไปหามิร่าอยู่ ซึ่งแก้มของเธอที่ผมเห็นก็เปล่งประกายเป็นสีแดงเล็กน้อยและมันเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดอย่างยิ่งเนื่องจากใบหน้าที่สวยงามของเธอ
“น้าแค่อยากเช็คให้แน่ใจหน่ะ เธอไม่รู้หรอกว่าน้ากังวลแค่ไหน”
ในที่สุดมิร่าก็พูดออกมา เมื่อเห็นว่าผมไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอะไรมากนัก ดวงตาของเธอก็จ้องมาที่ผมขณะที่ความรู้สึกของผมเริ่มล้นออกมา ส่วนใหญ่เป็น ‘ความซับซ้อน’ แต่ ‘ความสุข’ สุดขั้วในนั้นยังคงมีอยู่จากการได้เห็นผู้หญิงที่ผมรัก แต่ครั้งนี้ผมได้สร้างความแตกต่างเล็กน้อย
ปริมาณ ‘ความสุข’ ที่เกิดจากความรักที่ส่งให้เธอมีน้อยลงกว่าเดิมมาก แม้จะมองไม่ค่อยชัดนักแต่คนมีจิตใจเฉียบแหลมอย่างมิร่าคงสามารถสังเกตเห็นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผมส่งความรู้สึกเหล่านี้ให้เธอทุกวัน
นอกจากนี้ยังมี ‘ความรู้สึกผิด’ ที่ผมส่งให้เธอเพิ่มเติมเข้าไปด้วย ความรู้สึกผิดของการเริ่มชอบคนอื่น อย่างไรก็ตามความรู้สึกที่ผมมอบให้เธอนั้นก็มากเกินพอที่จะทำให้จิตใจของมิร่าสับสนด้วยทฤษฎีต่างๆ มากมาย
เมื่อมองดูใบหน้าของเธอ ผมก็พบว่าใบหน้าของมิร่ากำลังขมวดคิ้วอยู่ เมื่อเห็นแบบนั้นแล้วรอยยิ้มเล็กๆ ก็เกิดขึ้นบนใบหน้าของผมก่อนที่ผมจะซ่อนมันไว้ด้วยความรวดเร็วและกลับไปมองเธอด้วยสีหน้ากังวลก่อนจะพูดขึ้นมา
“มีอะไรรึเปล่าครับ?”
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก”
มิร่าพูดก่อนจะหันหลังกลับและเดินไปที่ที่นั่งของเธอก่อนจะค่อยๆ หยิบชาแล้วเทลงไปในแก้ว
แค่กลิ่นจากชาของมิร่าก็สามารถเยียวยาจิตใจและร่างกายของผมได้แล้ว ซึ่งผมสังเกตุเห็นได้ว่ามันเป็นชาบำบัดที่หายากและล้ำค่ามาก แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อเห็นพฤติกรรมผิดปกติของมิร่า ผมจึงเดินไปที่เก้าอี้แล้วนั่งลงก่อนจะยกชาขึ้นมาจิบช้าๆ
“ชาดีนะครับ”
ผมพูด
“ขอบคุณจ่ะ”
มิร่าตอบกลับเบาๆ แตกต่างจากตัวตนที่สดใสปกติของเธอตอนที่อยู่กับผมมาก และผมก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขเล็กน้อย นี่เป็นการพิสูจน์ว่าเธอเริ่มมีความรู้สึกต่อผมแล้ว ซึ่งทำให้เกิดความอิจฉาริษยาในส่วนลึกภายในตัวเธอ
‘ถึงเวลาแล้ว…’
กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ก็ปวดตับแล้ว ผมต้องส่งอารมณ์ของตัวเองให้มิร่าไม่หยุดหย่อนเพื่อให้เธอมุ่งความสนใจไปที่ผมอย่างเต็มที่และมันช่วยไม่ได้เลยที่มิร่ามักจะมองหาสาเหตุของการเชื่อมต่อของพวกเราอยู่เสมอเพื่อหาสาเหตุว่าทำไมสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น ผมต้องใช้ความพยายามเป็นพิเศษเพื่อเก็บความลับของการเชื่อมต่อระหว่างเราเอาไว้
“มีอะไรผิดปกติรึเปล่าครับ? น้าดูไม่ค่อยดีเลยนะครับ”
ผมถามอีกครั้งพร้อมกับขมวดคิ้ว ความรู้สึก ‘ห่วงใย’ และ ‘ความกังวล’ ของผมเติมเต็มเข้าไปในตัวมิร่าที่ซึ่งกำลังมองใบหน้าของผมอย่างลึกซึ้งอยู่ครู่หนึ่งหลังก่อนเธอจะส่ายหัวพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้าและตอบกลับมา
“ไม่มีอะไรหรอกจ่ะ น้าแค่คิดอะไรนิดหน่อย”
เธอกล่าว
“ถ้าน้าว่าอย่างนั้นหล่ะก็”
ผมพูดด้วยสีหน้าที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าไม่เชื่อสิ่งที่เธอพูด แต่สุดท้ายผมก็ไม่เซ้าซี้อะไรเธอและทำเพียงแค่นั่งดื่มชาบนเก้าอี้เท่านั้น ความเงียบสงบปกคลุมเราขณะที่เราต่างให้ความสนใจไปที่เครื่องดื่มของตัวเอง ร่างกายของผมหายดีอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นเองที่จู่ๆ มิร่าก็พูดขึ้น
“น้าไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนทรยศมากมายขนาดนี้อยู่ในสถาบันของเรา”
ขณะที่เธอพูด ผมก็เห็นความกังวลในดวงตาของเธอได้ มันค่อนข้างเข้าใจได้เพราะในบรรดาผู้ทรยศนั้นมีอยู่หลายคนที่มาจากสถาบันแห่งนี้ บางคนถึงกับเป็นอาจารย์ด้วยซ้ำ!
ซึ่งนี่ถือเป็นเรื่องใหญ่ เนื่องจากอาจารย์ทุกคนต้องผ่านการคัดกรองและการตรวจสอบประวัติอย่างเข้มงวดก่อนจึงจะสามารถมีชื่ออยู่ในรายชื่ออาจารย์ในสถาบันการศึกษาได้ หลังจากนั้นก็มีการคัดกรองที่เข้มข้นอีกครั้ง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่สถาบันจะสั่นคลอนอย่างสิ้นเชิงจากจำนวนผู้ทรยศที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น
“นี่อาจยังไม่ใช่ทั้งหมดและอาจยังมีคนทรยศที่ซ่อนตัวเหลืออยู่ก็ได้นะครับ”
ผมพูดพร้อมกับมองมิร่าที่พยักหน้าตอบกลับมา
เธอส่ายหัวด้วยรอยยิ้มขณะพูด
“เห้อออ…ตอนแรกที่เธอเสนอแผนนี้ขึ้นมา ฉันก็คิดว่ามันจะไม่ได้ผลซะอีก…”
“แต่มันก็ได้ผลไม่ใช่เหรอครับ?”
ผมโต้ตอบด้วยรอยยิ้ม ซึ่งมิร่าก็มองมาที่ผมด้วยสายตาที่แคบลง
“ใช่…มันได้ผลแต่ที่มันเป็นไปได้ทั้งหมดก็เพราะเธอ เธอเป็นคนจัดการส่วนที่เป็นไปไม่ได้ทั้งหมด…”
เมื่อมาถึงจุดนี้ดวงตาของมิร่าก็เพ่งความสนใจมาที่ผมอย่างมาก ในขณะที่ผมเห็นประกายไฟแห่งความสนใจที่ส่องสว่างลึกอยู่ในตัวเธอ
“เธอรู้เกี่ยวกับสถานที่ลับในดินแดนนั้นและวิธีการเข้าถึงมัน สถานที่ที่รู้เฉพาะผู้มีอำนาจระดับสูงสุดเท่านั้น…”
“เธอแอบเผยแพร่ข่าวไปยังผู้ทรยศเหล่านั้นอย่างลับๆ ในแบบที่พวกมันเชื่ออย่างสมบูรณ์…”
“เธอทำนายจุดเริ่มต้นของผู้ทรยศและศัตรูเหล่านั้นทั้งหมด…”
“เธอทำให้พวกผู้นำทั้งกลุ่ม, องค์กรชั่วร้ายและคนที่มีอำนาจมาวิ่งเต้นอยู่ในมือของเธอได้…”
“เธอทำให้ทุกสิ่งที่จำเป็นทั้งหมดเชื่อมต่อกันเพื่อข้อสรุปที่สมบูรณ์แบบ…”
“และเธอก็ทำในขณะที่ปกป้องทุกคน…”
“หากไม่มีเธอ แผนทั้งหมดคงไม่สำเร็จ”
เมื่อมิร่าพูดจบทั่วทั้งห้องก็เงียบกริบ สิ่งเดียวที่ได้ยินคือเสียงของเข็มนาฬิกาที่เดินอยู่
ในตอนนั้นเองที่ดวงตาของเราปะทะกัน ผมบอกได้เลยว่ามิร่าต้องการคำตอบ เธอกำลังจะตายเพราะความสงสัย เธอรู้ว่าผมจะไม่ทำอะไรที่มันทำร้ายครอบครัวของตัวเอง แต่จู่ๆ ผมก็ดูแตกต่างไปจากเดิมมากในสายตาของเธอ จนไม่อาจจดจำได้
ผมฉีกยิ้มขึ้นมาขณะวางถ้วยชาลงบนโต๊ะด้วยความผ่อนคลายก่อนจะเอนตัวลงบนโซฟาและมองไปทางเพดาน น่าแปลกที่เพดานนั้นคล้ายกับเพดานแรกที่ผมเห็นในตอนที่ลืมตาครั้งแรกในโลกนี้
“น้ามิร่า น้ารู้อะไรเกี่ยวกับการผจญภัยของผมบ้างเหรอครับ?”
“ก็แค่สิ่งที่เธอบอกน้าเท่านั้น”
มิร่าตอบคำพูดของผมทันที
เมื่อเห็นเช่นนั้นรอยยิ้ม ‘เศร้า’ ก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของผม ‘ความเจ็บปวด’, ‘ความเศร้า’, ‘ความโกรธ’, ‘ความอัปยศอดสู’ และ ‘ความแก้แค้น’ ความรู้สึกทั้งหมดเหล่านี้พรั่งพรูเข้ามาในจิตใจของผมอย่างหนักก่อนที่พวกมันจะถูกส่งไปหาเธอ และจากหางตาของผมก็เห็นได้ว่ามิร่ากำลังตัวสั่นอยู่บนที่นั่งของเธอขณะที่เธอมองมาที่ผม
แม้ว่าผมจะส่งความรู้สึกเหล่านั้นไปให้เธอ แต่ก็มีความรู้สึกหนึ่งที่เข้ามาครอบงำทุกสิ่งทุกอย่าง ‘ความต้องการปกป้อง’ ความตั้งใจอันยิ่งใหญ่ที่ไม่อาจทำลายได้ที่อยาก ‘ปกป้อง’ มิร่า และความรู้สึกที่เหลือก็เริ่มออกจากร่างของผมไปหามิร่า
“ใช่แล้ว น้าไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่ผมต้องเผชิญ ความลับที่ผมเห็นและความชั่วร้ายที่ผมต้องหลีกหนี”
แค่คิดจนถึงตรงนี้ ผมก็นึกถึงอาการทรุดโทรมที่ผมต้องเผชิญในตอนที่เดินทางกับวีน่าจักรพรรดินีมังกร ช่วงเวลาที่ผมสงสัยในการดำรงอยู่และเป้าหมายของตัวเอง ผมนึกถึงความรู้สึกสิ้นหวังอย่างยิ่งในเวลานั้นและส่งมันไปให้มิร่า และในขณะที่ผมกำลังอ้าปากจะพูด ความรู้สึกอ่อนโยนก็ปรากฏบนใบหน้าของผม
มืออุ่นๆ โอบรอบศีรษะของผม
ผมค่อยๆ แตะมันขณะที่มิร่ากระซิบ
“ไม่เป็นไร น้าอยู่นี่แล้ว”
เธอพูดด้วยเสียงเบาขณะวางหัวของผมลงที่ระหว่างหน้าอกของเธอ ดวงตาเศร้าที่สั่นเทาของเธอจับจ้องมาที่ผมขณะที่เธอเอาแต่กระซิบบอกว่า
“ไม่เป็นไร”
ร่างกายที่สั่นเทาของผมค่อยๆ สงบลง และผมก็อยู่ในตำแหน่งเดิมนั้นไม่กี่นาที ความเงียบงันระหว่างเราเริ่มปลอบโยน
ไม่นานนักก็ผ่านไปอีกนาทีหนึ่งก่อนที่มิร่าจะพูดขึ้น
“น้าขอโทษ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นผมก็ค่อยๆ ถอดศีรษะออกจากอกของเธอก่อนจะมองหน้าเธอ
“เรื่องอะไรเหรอครับ?”
ผมถาม
มิร่ายกมือขวาขึ้นและวางลงบนใบหน้าของผม
ผมเห็นความโศกเศร้าอย่างมากได้จากดวงตาของเธอขณะที่เธอพูดตอบกลับมา
“การไม่ได้อยู่ที่นั่น น้าไม่สามารถจินตนาการถึงความเจ็บปวดที่เธอต้องเผชิญได้เลย”
แต่ละคำที่มิร่าพูดเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดขณะที่เธอกัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ
ในตอนนั้นเองที่ผมรู้ว่าแผนส่วนที่ 2 ของผมสำหรับมิร่าน่าจะเริ่มขึ้นได้แล้ว
ผมวางมือของตัวเองไว้เหนือมิร่าก่อนจะส่งรอยยิ้มให้เธอขณะพูดและมองเข้าไปในดวงตาของเธอ
“ผมจะแบกรับภาระทั้งหมดในโลกนี้เอาไว้เองครับ เพื่อจะได้เห็นทุกคนยิ้มรวมทั้งคุณด้วยนะครับ”
ผมแน่ใจว่าครั้งนี้คำพูดของผมน่าจะทำให้ใจของเธอสั่นเทาเพราะเห็นหยดน้ำตาเล็กๆ ที่ขอบตาของเธอได้
“ออสติน…นั่นไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องเป็นคนแบกรับหรอกนะ”
มิร่าพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่ แต่ผมกลับส่ายหัวให้เธอ
รอยยิ้มที่เจ็บปวดแต่แข็งแกร่งยังคงอยู่บนใบหน้าของผมในขณะที่ ‘ความดื้อรั้น’ และ ‘ความปรารถนา’ ของผมบินไปหามิร่า
“ผมสัญญาไว้กับตัวเองไว้แล้วครับมิร่า ผมจะไม่มีวันปล่อยให้คนอื่นต้องพบเจอกับความเจ็บปวด ผมจะแบกรับความเจ็บปวดทั้งหมดเพื่อที่จะได้เห็นพวกคุณทุกคนยิ้มตลอดไปเองครับ”
‘ให้ตายเถอะ…มิเตอร์วัดความคริ้นจ์คงทะลุหลอดไปแล้วมั้งหนิ’
“ออสติน…”
มิร่าพูดด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวดและเปี่ยมด้วยความรัก ขณะที่เธอดึงผมเข้าไปกอดแน่นอีกครั้ง
‘เห้อออ…วันนี้คงเป็นวันที่ยาวนาน’
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต