ตอนที่ 393 ความงามที่ไม่สมบูรณ์

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 393 ความงามที่ไม่สมบูรณ์

ตระกูลน่าหลานที่อยู่ฝั่งตะวันตกชวนให้รู้สึกเหนือความคาดหมาย

บ้านของพวกเขาไม่ได้อยู่บนเขา ไม่อยู่ในสวนสาธารณะ ไม่อยู่เขตชานเมือง แต่อยู่ในหมู่บ้านชนบทที่เหลืองอร่ามไปด้วยท้องทุ่ง

หมู่บ้าน ทุ่งนา มองจากไกลๆ เหมือนภาพสีน้ำมันหลากสีสัน

สวนผลไม้สวนผักโอบล้อมลานจอดเครื่องบิน ให้ความรู้สึกที่น่ายินดี

เดินเลาะตามเส้นทางกลางทุ่ง มองไปยังบ้านขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหน้า ไม่ต่างจากบ้านเกษตรกรทั่วไป ยกเว้นพื้นที่ที่กว้างขวางเป็นพิเศษ ถึงขั้นที่ให้ความรู้สึกเหมือนอาคารที่ทรุดโทรม

มู่เถาเยากับถังถังประหลาดใจเล็กน้อย

แต่ความประหลาดใจของทั้งสองคนไม่เหมือนกัน

“เสี่ยวเยาเยา ตระกูลน่าหลานจนขนาดนี้เลยเหรอ งั้นทำไมมีเครื่องบินส่วนตัวด้วยล่ะ” ถังถังซบบ่ามู่เถาเยาพลางกระซิบ

มู่เถาเยาที่มีประสบการณ์ออกแบบอาคารยิ้มตอบ “นี่เป็นการผสมผสานระหว่างสไตล์ลอฟท์กับสไตล์โรงงานอุตสาหกรรม ใช้ประโยชน์จากกำแพงเก่าโดยรอบ มีอิฐแดงที่ให้ความรู้สึกตามยุคสมัย เป็นต้น ให้ความรู้สึกที่ไร้การควบคุม ทำให้คนที่อยู่อาศัยรู้สึกเป็นอิสระ”

เมื่อครู่ที่เธอประหลาดใจก็เพราะคนตระกูลน่าหลานมองผิวเผินดูอ่อนโยน นึกไม่ถึงว่าภายในจิตใจกลับใฝ่หาความเป็นอิสระ…

สไตล์ที่ ‘บกพร่องทางความงาม’ แบบนี้เป็นสายรองที่ใช้ความสุนทรีย์เป็นแรงบันดาลใจ

ความหมายของ ‘ผุผัง’ คืออยากบอกผู้คนว่าบนโลกนี้ไม่มีสิ่งไหนที่อยู่ยืนยง

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ‘ความงามที่ไม่สมบูรณ์’ นี้ค่อยๆ ได้รับความนิยมจากคนกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะหนุ่มสาวที่รักในวรรณกรรม

เห็นได้ชัดว่าตระกูลน่าหลานเดินอยู่บนเส้นทางชั้นแนวหน้าของการออกแบบ

ทันใดนั้นมู่เถาเยาก็นึกถึงบริษัทออกแบบอาคารชื่อ ‘สุนทรีย์น่าหลาน’ ที่ชื่อเสียงโด่งดัง เธออดขำออกมาไม่ได้

สวีเสี่ยวเจิงได้ยินเสียงหัวเราะก็หันไปถาม “มีอะไรเหรอเสี่ยวเยาเยา”

“หนูกำลังคิดว่า นักออกแบบชื่อดังหรูรั่ว ก็เป็นคนตระกูลน่าหลานด้วยหรือเปล่า”

สวีเสี่ยวเจิงมองสามีที่อยู่ข้างๆ แล้วยิ้ม “เสี่ยวเยาเยาสนใจการออกแบบอาคารด้วยเหรอ”

มู่เถาเยาพยักหน้า “ค่ะ หนูเตรียมสอบใบอนุญาตสถาปนิกอยู่ค่ะ”

สองสามีภรรยาน่าหลานต่างแปลกใจ

เด็กคนนี้เป็นหมอไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องเรียนออกแบบอาคารที่มันไม่เกี่ยวข้องกันเลยสักนิดด้วยล่ะ

น่าหลานรั่วเซิงพูดด้วยความงุนงงเล็กน้อย “เสี่ยวเยาเยาไม่ได้เรียนในสาขาที่เกี่ยวข้อง ไม่ตรงกับคุณสมบัติผู้เข้าสอบ”

มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมน “ยังมีอีกข้อหนึ่งค่ะ ออกแบบได้โดดเด่นจนผ่านการยอมรับจากสมาคมสถาปนิกแห่งชาติว่ามีความเชี่ยวชาญพอถึงจะสมัครสอบได้ คุณสมบัติของหนูถึงค่ะ”

ภรรยาศาสตราจารย์หลินหัวเราะออกมา “พี่ พี่เขย เสี่ยวเยาเยาสอบกฎหมายผ่านแล้วด้วยนะ แถมยังจะเป็นนักกีฬา จะเข้าร่วมงานแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติครั้งถัดไปด้วย!”

“…!!!”

สองสามีภรรยาน่าหลานมีสีหน้าตกใจพร้อมกัน

ศาสตราจารย์หลินพูดด้วยความจนปัญญา “เด็กคนนี้ความคิดเยอะแยะไปหมด! สงสัยยังมีอีกเยอะที่พวกเราไม่รู้!”

ยังดีที่ไม่รบกวนการเรียนแพทย์ ไม่อย่างนั้นศาสตราจารย์อย่างพวกเขาคงปวดใจแย่!

ถังถังยิ้มดวงตาโค้งมน “เสี่ยวเยาเยาเรียนอะไรก็เร็ว เก่งหมด สมองเหมือนคอมพิวเตอร์…ไม่สิ สมองไวยิ่งกว่าคอมพิวเตอร์เสียอีก!”

คนส่วนใหญ่จะเก่งแค่ด้านเดียว แต่เสี่ยวเยาเยากลับเก่งรอบด้าน ไม่ว่าจะด้านไหนก็โดดเด่น

ทุกคนคุยกันพลางเดินเข้าใกล้ประตูใหญ่

ยังไม่ทันถึงหน้าประตูก็มีคนออกมา

น่าหลานรั่วเซิงกับภรรยาและศาสตราจารย์หลินกับภรรยาต่างพูดพร้อมกัน “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่”

หลินเฮ่าชุน “คุณลุงคุณป้า”

น่าหลานรั่วหงพยักหน้า จากนั้นก็ถามด้วยความร้อนใจ “อาเซิง อาเจิง เชิญหมอเทวดาหยวนมาไม่ได้เหรอ ทำไมกลับมากันแล้วล่ะ แล้วเด็กสาวสองคนนี้เป็นใคร”

เขาจำได้ว่าครอบครัวน้องสาวของน้องสะใภ้มีลูกชายแค่คนเดียว

น่าหลานรั่วเซิงยิ้มพูด “พี่ใหญ่ใจเย็นๆ ครับ ถึงจะเชิญหมอเทวดาหยวนมาไม่ได้ แต่เชิญอาจารย์อาเล็กลูกศิษย์คนสุดท้ายของหมอเทวดาหยวนมาได้ครับ และยังมีผู้สืบทอดตระกูลถังชื่อถังถังมาด้วยครับ”

น่าหลานรั่วหง “อาจารย์อาเล็กเหรอ”

สำนักแพทย์โบราณกับสำนักตระกูลถังเป็นสองสำนักที่มีความพิเศษ ฝั่งหนึ่งมีแต่คนอยากผูกมิตรด้วย อีกฝั่งหนึ่งไม่มีใครอยากมีเรื่องด้วย แต่สี่ตระกูลจอมยุทธ์อย่างพวกเขาไม่ต้องถึงขั้นนับลำดับรุ่นอาวุโสด้วย

มู่เถาเยายิ้มตอบ “นายท่านใหญ่น่าหลานคะ ฉันชื่อมู่เถาเยา ลูกศิษย์คนสุดท้ายของหมอเทวดาหยวน ขณะเดียวกันก็เป็นศิษย์คนเล็กของสำนักซย่าโหวด้วยค่ะ”

น่าหลานรั่วหงกับภรรยาโค้งตัวยกมือคารวะโดยอัตโนมัติ แต่ก็ถูกมู่เถาเยาดันกลับด้วยกำลังภายใน ห้ามพวกเขาโค้งคำนับ

“นายท่านใหญ่น่าหลาน คุณนาย เรียกแค่ชื่อก็พอค่ะ”

อยู่คนละสำนัก แม้อีกฝ่ายจะเคารพแต่เธอก็รับการคารวะจากคนที่รุ่นต่ำกว่าไม่ได้

ภรรยาศาสตราจารย์หลินยิ้ม “พี่ใหญ่พี่สะใภ้ใหญ่ ถ้าคารวะกันแบบนี้ งั้นฉันกับหลินจิ่นจะกลายเป็นรุ่นอาวุโสกว่าแล้วนะคะ”

มู่เถาเยายิ้มตาโค้ง “ใช่ค่ะ นายท่านใหญ่น่าหลานอย่ายึดติดเลยนะคะ”

“ได้ งั้นพวกเราไม่เกรงใจแล้วนะ”

มู่เถาเยาพยักหน้า “นี่เพื่อนของฉันค่ะ ถังถังจากสำนักตระกูลถัง พอได้ยินเรื่องอาการจากนายท่านรองน่าหลาน ฉันคิดว่าคุณย่าคงถูกพิษ ก็เลยชวนถังถังมาด้วยค่ะ”

น่าหลานรั่วหงกับภรรยายิ้มพูด “ยินดีต้อนรับ เข้าข้างในเถอะ”

ทุกคนพากันเข้าด้านใน

มู่เถาเยากับถังถังรู้สึกเปิดหูเปิดตา

การจัดวางและการตกแต่งภายในแปลกใหม่มาก แต่ละจุดสวยดุจภาพวาด

แต่ละรายละเอียดที่เดินผ่านล้วนควรค่าแก่การศึกษา รวมถึงวัสดุที่ใช้ก็ไม่ธรรมดา

คนนอกวงการไม่มีทางมองออก แต่มู่เถาเยากับถังถังเดิมทีก็ไม่ใช่เด็กจากตระกูลทั่วไป พวกเธอสัมผัสได้ถึงความงดงามและความสง่าที่แฝงอยู่

น่าหลานรั่วเซิงยิ้มถาม “บ้านค่อนข้างใหญ่ เสี่ยวเยาเยา ถังถัง พวกเรานั่งรถกัน”

ปกติเวลาพวกเขาอยู่บ้านจะใช้กำลังภายในเหาะไปไหนมาไหน

เด็กสาวทั้งสองพยักหน้า

น่าหลานรั่วหงพาคนขึ้นรถนำเที่ยวขนาดเก้าที่นั่ง ขับตามทางมุ่งหน้าสู่อาคารหลัก

อวี้อวี๋นายหญิงใหญ่ของบ้านหันมาพูดกับเสี่ยวเยาเยาและถังถัง “พวกเราจะพาไปเก็บสัมภาระก่อนนะ เดี๋ยวกินข้าวแล้วค่อยไปตรวจดูอาการดีไหมจ๊ะ”

ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาอาหารแล้ว แม้พวกเขาจะร้อนใจแต่จะให้หมอเทวดาท้องหิวไปตรวจดูอาการไม่ได้

“ค่ะ”

พวกเธอเป็นแขก เชื่อฟังเจ้าบ้านก็พอ

น่าหลานรั่วหงขับรถนำเที่ยว พาทุกคนไปจอดหน้าอาคารขนาดเล็กที่แสนประณีต

“ที่นี่เป็นห้องพักแขกที่พวกเราเอาไว้รับรองญาติ ทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมแล้ว ผ้าปูที่นอน ผ้าห่มและอื่นๆ ล้วนเป็นของใหม่และผ่านการซักตากเรียบร้อย ของใช้ในชีวิตประจำวันก็ยังไม่ได้แกะ เสี่ยวเยาเยากับถังถังใช้ได้อย่างสบายใจเลยนะ”

มู่เถาเยากับถังถังพูดขอบคุณพร้อมกัน

สวีเสี่ยวเจิงยิ้มพูด “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ อาเซิง เดี๋ยวฉันพาเสี่ยวเยาเยา ถังถัง กับพวกอาอวิ๋นไปที่ห้องเอง”

อวี้อวี๋ยิ้มพลางพยักหน้า “งั้นพวกเราจะไปดูห้องครัวหน่อย อาเซิงก็กลับเอาของไปเก็บนะ อาเจิง พอทุกคนเก็บของเสร็จก็พาไปกินข้าวกลางวันที่ห้องอาหารนะ”

“ได้ค่ะพี่สะใภ้”

สวีเสี่ยวเจิงพาพวกมู่เถาเยาขึ้นชั้นสอง “อาอวิ๋น พวกเธออยู่ห้องเดิมนะ ไปเองได้ไหม”

เธอไม่ต้องพูดเกรงใจกับน้องสาวตัวเอง

“ได้ค่ะ พี่พาเสี่ยวเยาเยากับถังถังไปที่ห้องเถอะ” หน้าประตูมีชื่อห้อง พวกเขาไม่มีทางเข้าห้องผิด

“อืม”

สวีเสี่ยวเจิงพามู่เถาเยากับถังถังขึ้นชั้นสาม

เดินไปถึงห้องที่ชื่อว่า ‘สุขสงบ’ เปิดประตูออก

“เสี่ยวเยาเยาพักห้องนี้ได้ไหม ห้องพักของบ้านเราไม่เหมือนโรงแรมและก็ไม่เหมือนห้องของบ้านคนทั่วไป…”

“ความเป็นธรรมชาติผสมผสานกับสภาพแวดล้อมปัจจุบัน สีที่อ่อนโยนผสมผสานกับการตกแต่งภายในอย่างไม่ฉูดฉาด อบอวลไปด้วยความลงตัว คุณนายรอง ที่นี่ดีมากค่ะ”

ภายในห้องประดับด้วยของเก่าแก่ที่มีร่องรอยแห่งกาลเวลา คนที่ดื่มด่ำไม่เป็นอาจเข้าไม่ถึง แต่เธอชอบการออกแบบสไตล์นี้”

สวีเสี่ยวเจิงยิ้มกว้าง “เสี่ยวเยาเยา ถังถัง เรียกน้าว่าน้าเจิงเถอะ เรียกคุณนายรองมันดูห่างเหินไป น้าเป็นพี่สาวของอาจารย์แม่ของพวกเธอนะ”

นี่คือหมอเทวดา ตีสนิทไว้รับรองไม่ผิดแน่!

“ได้ค่ะน้าเจิง”

“งั้นเก็บของไปนะ น้าจะพาถังถังไปห้องข้างๆ”

“ค่ะ”