ตอนที่ 208 โชคยิ่งใหญ่ของสำนักบำเพ็ญเต๋า ยังดำเนินต่อไปอีกหลายร้อยล้านอึดใจ!(2)
หากผู้ครองพลังหยางบริสุทธิ์ที่เก่าแก่ที่สุดในเผ่ามนุษย์ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู— ตกเป็นเป้าหมาย ถูกหญิงโฉดโหดร้ายแห่งโลกบรรพกาลประทับใจไม่ลืมเลือนจริงๆ แล้วล่ะก็…
สวรรค์!
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า ผู้เป็นปรมาจารย์เต๋าน้อยเสวียนตูอย่างแน่นอน!
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจแผ่วเบาในใจ โลกบรรพกาลของเขา นั้นช่างอันตรายอย่างที่เขาคิดไว้จริง ๆ แต่ก็น่าตื่นเต้นกว่าที่เขาคิดไว้มาก
เมื่อปรมาจารย์จอมปราชญ์ไม่ได้ให้คำแนะนำใดๆ เพิ่มเติมอีกต่อไป หลี่ฉางโซ่วก็ถือว่าภารกิจ “แก้ไข” ของเขาเสร็จสิ้นแล้ว
หลังจากนั้น เขาก็อยู่ในสถานที่จัดงานการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าอย่างเชื่อฟัง แล้ว แสร้งทำเป็นว่า เขาพยายามจะบรรลุการตรัสรู้ และหลับตา ทำสมาธิอยู่ตลอดเวลา
อันที่จริง เขากำลังครุ่นคิดถึงขั้นตอนต่อไปในการทำให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สมบูรณ์แบบ และ “การเตรียมของแปลกๆ” ที่เขาสามารถทำได้สำหรับการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน…
แม้เมื่อไม่นานมานี้ เขาจะได้รับผลประโยชน์มากมายมาอย่างต่อเนื่องจนความมั่งคั่งของเขาค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อกลับไปที่สำนัก เขาย่อมจะสามารถฝึกบำเพ็ญได้อย่างผ่อนคลายและสงบสุขเช่นเดิม
มันยากที่จะหาโอกาสได้ เขายังคงต้องพึ่งพาแผนการสร้างความมั่งคั่งของเขาด้วยการเล่นแร่แปรธาตุเพื่อดำเนินการตามแผนการพเนจรให้กับยอดเขาหยกน้อยต่อไป
ไม่กี่วันต่อมาหลังจากนั้น วังมังกรทะเลบูรพาก็ได้ส่งกล่องสมบัติต่าง ๆ กว่าร้อยกล่องเพื่อใช้สำหรับการสร้างค่ายกลเวท ซึ่งทำให้หลี่ฉางโซ่วรู้สึกผิดในใจอยู่ครู่หนึ่ง
แม้เขาจะคิดหลอกเผ่ามังกร แต่เผ่ามังกรก็ใจกว้างเกินไป และให้เขามากเกินไป…
นั่นจึงทำให้เขารู้สึกผิดในใจเล็กน้อยเมื่อคิดวางแผนกับเผ่ามังกรในอนาคต
หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งเดือน อ๋าวอี่ก็ใช้เจตจำนงวิญญาณเพื่อสร้างสะพานเชื่อมต่อในการพบเขาผ่านความฝันอย่างตื่นเต้น การประชุมมีลักษณะดังนี้ “ศิษย์พี่เจ้าสำนัก วันแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ของข้าเพิ่งถูกกำหนดเอาไว้ในอีกสิบสองปีข้างหน้านี้แล้วขอรับ!”
ในสายตาของหลี่ฉางโซ่ว คำว่า ‘เพิ่ง’ ดูสดใสมีชีวิตชีวาอย่างมาก…
หลี่ฉางโซ่วให้กำลังใจอ๋าวอี่ และถามถึงสถานการณ์ล่าสุดของเผ่ามังกร
ชนเผ่าทะเลทั้งสี่ยังคงสร้างปัญหาต่อไป แต่ก็ยังควบคุมสถานการณ์ได้
แต่ราชามังกรได้ออกบัญชาให้เผ่ามังกรรวมการปกครองของพวกเขาในสี่คาบสมุทรผ่านงานอภิเษกสมรสของอ๋าวอี่ จากนั้นพวกเขาก็จะแสดงพลังของตนต่อชนเผ่าทะเลแห่งสี่คาบสมุทรและลงโทษคนบางคนเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูเพื่อเตือนคนอื่นๆ ก่อนงานอภิเษกสมรสของอ๋าวอี่…
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่สักพัก
เผ่ามังกรย่อมมีการพิจารณาเป็นของตัวเอง ทว่าหากพวกเขาทำเช่นนั้น ก็อาจจะสามารถปราบปรามกลุ่มกบฏของเผ่าทะเลได้ในเวลาอันสั้น แต่พวกมันจะซ่อนอันตรายยิ่งกว่าและนำภัยคุกคามที่ใหญ่กว่ามาสู่เผ่ามังกร
ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็เข้าใจตำแหน่งของเขาว่าไม่อาจหยุดการสร้างปัญหาของเผ่ามังกรได้…
หากเผ่ามังกรไม่เผชิญกับความสูญเสียและรู้ถึงความเจ็บปวด แล้วพวกเขาจะเข้าสู่ศาลสวรรค์ในฐานะเซียนสำเร็จได้อย่างไร?
หลังจากพูดคุยกับอ๋าวอี่สักพัก ทั้งสองก็หยุดการสื่อสารผ่านเจตจำนงวิญญาณของพวกเขา
แต่สามวันต่อมา ท่านแม่ทัพตงมู่ก็ได้มาพบกับหลี่ฉางโซ่วพร้อมด้วยพระราชโองการขององค์เง็กเซียน
องค์เง็กเซียนทรงให้ความเห็นชอบว่าในวันอภิเษกสมรสครั้งใหญ่ของอ๋าวอี่ จะให้เทพจันทราไปแสดงความยินดีกับเขา ทว่าเขาจะต้องพิจารณาถึงตัวตนของเทพจันทราที่จะไปอย่างรอบคอบ และการส่งเทียบเชิญไปยังศาลสวรรค์ก่อนล่วงหน้าหรือไม่……
หลี่ฉางโซ่วได้เตรียมการที่เหมาะสมมาก่อนหน้านี้แล้ว ในขณะนั้น เขาได้ให้คำชี้แจงอย่างละเอียดแก่ท่านแม่ทัพตงมู่ และหลังจากนั้นไม่นาน แม่ทัพตงมู่ก็รีบกลับไปรายงานที่ศาลสวรรค์
อันที่จริง นับได้ว่า ท่านแม่ทัพตงมู่แห่งศาลสวรรค์เป็นคนส่งของด่วนได้เร็วที่สุดในโลกบรรพกาล!
หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็สื่อสารกับอ๋าวอี่ผ่านเจตจำนงวิญญาณอีกครั้ง และขอให้อ๋าวอี่ส่งเทียบเชิญพิเศษให้เขาเมื่ออ๋าวอี่ส่งเทียบเชิญออกไป
ในระหว่างการสื่อสารทางจิตวิญญาณครั้งนี้ อ๋าวอี่มีท่าทางลังเลและร้องขอเล็กน้อย
“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ข้าขอพาซือซือไปเยี่ยมพวกท่านที่สำนักตู้เซียนเมื่อพวกท่านกลับไป ในอีกสองสามเดือนหลังจากนี้ได้หรือไม่ขอรับ”
‘ซือซือ’ เป็น… ชื่อเล่นขององค์หญิงเงือกน้อย
“โอ้?” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “พวกเจ้าสองคนมีปัญหาอะไรหรือไม่?” “ก็…” อ๋าวอี่หัวเราะคิกคัก ใบหน้าของหนุ่มน้อยเต็มไปด้วยความเขินอาย “ข้ามักจะพูดถึงท่านต่อหน้านาง พี่ฉางโซ่ว… ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ท่านเป็นผู้ที่ข้าชื่นชมมากที่สุด ข้าจึงอยากพาซือซือไปพบท่านขอรับ”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันที
เรื่องนี้มีอะไรดีบ้าง?
ข้าไม่อาจใกล้ชิดน้องสะใภ้ผู้นี้มากเกินไปเช่นกัน
ทว่าหลี่ฉางโซ่วเพิ่งได้รับของขวัญมากมายกว่าร้อยกล่องจากเผ่ามังกร และไม่กล้าปฏิเสธพวกเขา ดังนั้นจึงกำหนดวันนัดหมายและตกลงอย่างระมัดระวัง
เมื่อระยะเวลาการบรรยายเต๋าผ่านไปนานกว่าสามเดือน ในที่สุด งานประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าที่สงบสุขก็ใกล้จะสิ้นสุดลง
เดิมทีการประชุมครั้งนี้เป็นการรวมตัวของสามสำนักบำเพ็ญเต๋า พวกเขาก็ระลึกถึงต้นกำเนิดของสำนักและจดจำรำลึกถึง
ในตอนแรก การประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋าได้บรรลุจุดประสงค์ในการจัดขึ้นมาแล้ว เมื่อเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย สำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน และสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินได้ปรากฏกายขึ้น… และในวันที่หนึ่งร้อยแปดของการประชุมครั้งยิ่งใหญ่นี้ เหล่าเจ้าสำนักเซียนทั้งห้า ซึ่งมีหน้าที่จัดงานก็ปรากฏกายขึ้นพร้อมกันและทำการคารวะเต๋าให้ทุกคน
กระเรียนเซียนบินร่อนไปทั่วทั้งหุบเขา เทพธิดาแสนสวยหลายร้อยคนก็โบยบินไปรอบๆ ในขณะที่มีหมู่มวลบุปผาโปรยปรายลงมาคละเคล้าไปด้วยเสียงเพลงไพเราะล่องลอยมาจากทะเลสาบ
เมื่อได้เห็นภาพตระการตาเช่นนี้ หลี่ฉางโซ่วก็อดจะพึมพำเสียงเพลง “ราตรีมิอาจเลือน” อยู่ในใจไม่ได้…
ทันใดนั้น ก็มีลำแสงสีทองส่องสว่างขึ้นบนท้องฟ้า มีเมฆมงคลบินมาจากที่ต่างๆ แล้วรวมตัวกันอย่างรวดเร็วเป็นร่างขนาดใหญ่เลือนรางสามร่างปรากฏขึ้นในระหว่างสวรรค์และปฐพี
ทั้งสามร่างนี้ล้วนมีเพียงโครงร่างที่เรียบง่ายเท่านั้น หนึ่งในนั้น ที่อยู่ตรงกลางดูเหมือนจะเป็นนักพรตเต๋าชรา ทางด้านขวามือมีนักพรตเต๋าวัยกลางคนผู้สง่างาม และทางด้านซ้ายมือ คือ นักพรตเต๋าหนุ่มที่สะพายกระบี่อยู่บนหลังของเขา…
ผู้อาวุโสเซียนจินบางคนตะโกนออกมาทันทีว่า “ศิษย์ขอน้อมพบท่านเจ้าสำนักบำเพ็ญเต๋าทั้งสาม!”
ทันใดนั้น ทั่วทั้งหุบเขา ร่างทีละรูปคุกเข่าลงและโค้งคำนับให้กับร่างทั้งสามที่ก่อตัวขึ้นจากเมฆมงคลที่อยู่โลก
ทันใดนั้น ร่างเหล่านั้น ต่างก็พากันคุกเข่าลงในส่วนต่างๆ ทั่วทั้งหุบเขา และโค้งคำนับให้กับร่างทั้งสามที่ก่อตัวขึ้นจากหมู่เมฆมงคลในระหว่างสวรรค์และปฐพี
ในช่วงเวลาต่อมา ผู้ฝึกบำเพ็ญทั้งหมดในระดับฐานพลังปราณต่างๆ ล้วนได้ยินคำว่า ‘อืม’ ที่กล่าวด้วยน้ำเสียงคนชรา น้ำเสียงคนวัยกลางคน และน้ำเสียงคนวัยหนุ่ม
สำนักบำเพ็ญเซียนนับร้อยและผู้ฝึกบำเพ็ญทั้งหมดหลายหมื่นคนที่เข้าร่วมการประชุมเหล่านี้ ล้วนเต็มไปด้วยความประทับใจ …
ทันทีที่จอมปราชญ์เทพปรากฏกายขึ้น หมู่เมฆมงคลเหล่านั้นก็ตกลงมา แล้วทุกสำนักบำเพ็ญเซียนต่างก็ได้รับเมฆมงคลเหล่านั้น
ในขณะนั้น ปรมาจารย์แห่งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าทำมุทราหยั่งรู้ พวกเขาทุกคนต่างพากันยินดีที่พรและโชคลาภของเหล่าสำนักบำเพ็ญเซียนล้วนเพิ่มขึ้น!
บัดนี้ ดูเหมือนว่า สำนักบำเพ็ญเต๋าซึ่งรุ่งโรจน์มานานหลายปี จะเจริญรุ่งเรืองต่อไปได้มากขึ้น!
ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็อดจะคิดเพิ่มเติมไม่ได้…
เมื่อมีความเจริญรุ่งเรืองย่อมมีความเสื่อมถอย และช่วงเวลาแห่งโชคอันยิ่งใหญ่ของทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าก็มาถึงจุดสูงสุดแล้ว นี่อาจเป็นช่วงเวลาที่จะมีมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพเกิดขึ้น
จากนั้น การประชุมครั้งนี้ก็สิ้นสุดลง
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน เหล่าคนสำนักตู้เซียน ก็กลับไปที่เรือสมบัติของพวกเขา
หลังจากผ่านการบรรยายที่เรียบง่ายไปไม่กี่ครั้ง เจ้าสำนักก็กลับไปที่ชั้นบนสุดของเรือสมบัติ ที่ซึ่งเคยมีเรื่องราวสุดแสนอัศจรรย์เกิดขึ้น…
หลี่ฉางโซ่วได้พบตำแหน่งพื้นที่เดิมของเขาที่ที่มุมท้ายเรือและเดินไปพร้อมกับสงหลิงลี่
โหย่วฉินเสวียนหย่าอยากเอ่ยอะไรบางอย่างแต่ก็ยังลังเลขณะมองไปที่แผ่นหลังของหลี่ฉางโซ่วและกะพริบตาเบาๆ
ต้องระวังให้ดี มันจะส่งผลกระทบต่อศิษย์พี่ฉางโซ่วหรือไม่? เมื่อกลับไปที่สำนัก ข้าจะไปที่ยอดเขาหยกน้อย เพื่อขออภัยต่อศิษย์พี่ฉางโซ่ว…
โหย่วฉินเสวียนหย่าถอนหายใจในใจและไม่กล้ามองแผ่นหลังของหลี่ฉางโซ่ว จากนั้นนางก็ถือกล่องกระบี่เกล็ดอัคคีเข้าไปในห้องพักและพบมุมหนึ่งเพื่อนั่งหลับตาและทำสมาธิ
ทว่าทันทีที่หลี่ฉางโซ่วไปถึงท้ายเรือ ก็เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น!
เขาได้ยินเสียงร้องตะโกนเบาๆ
“พลิกภูเขาคว่ำทะเล สะเทือนทั่วหล้า!”
จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากด้านข้าง แม้นางจะชั่วร้ายยิ่งและไม่อาจทนรับภาระอันยิ่งใหญ่ได้ แต่นางก็ยังคงวนเวียนอยู่รอบๆ สาวน้อยหอคอยเหล็กสงหลิงลี่ไปได้อย่างชำนาญ แล้วยื่นมือเล็กๆ สองข้างไปตบที่หลังของหลี่ฉางโซ่ว…
มีเสียงตุ้บๆ จากการตบเบาๆ สองครั้ง
“ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุด ข้าก็กลับมา! ข้าจะหายใจไม่ออกแล้ว! เร็วเข้า! ฉางโซ่ว มอบของเล็กๆ น้อยๆ ที่เจ้าพกติดตัวมาเดี๋ยวนี้! ข้าทนเจ้ามานานแล้ว!”
หลี่ฉางโซ่วแย้มยิ้มทันทีที่ได้ยินนางกล่าว
…………………………………………………………………………………………………………………………