ตอนที่ 359 สวี่รุ่ยอวิ๋นบ้าคลั่ง!

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 359 สวี่รุ่ยอวิ๋นบ้าคลั่ง!

ตอนที่ 359 สวี่รุ่ยอวิ๋นบ้าคลั่ง!

สุนทรพจน์ของสวี่หลิงอวิ๋นจบลง

ทว่าฝูงคนยังคงไม่อยากจากไป พวกเขารอคอยต้อนรับทหารและจอมพลทั้งหลายที่เดินลงมาจากยานรบทีละคนด้วยความอบอุ่น

สวี่หลิงอวิ๋น โอคาซี และสัตว์เลี้ยงของเธอเดินทางกลับไปยังพระราชวัง เพื่อรอคอยจักรพรรดิให้มาต้อนรับพวกเขา

“ลองดูสิ นี่คืออาหารจานโปรดที่ฉันทำให้พวกแก ไม่ต้องเกรงใจไป ถือซะว่าเป็นบ้านตัวเอง!”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจักรพรรดิขณะมองดูเสี่ยวอ้าย เขาพยายามจะลูบหัวของมัน ทว่าเสี่ยวอ้ายกลับขยับหนีด้วยความรังเกียจ และเพิกเฉยต่อท่าทางของจักรพรรดิ

จักรพรรดิยังคงเคลื่อนไหวต่อไป นี่คืออสุรกายยักษ์ระดับ 10 ดาวเชียวนะ!

มันล้วนเป็นความฝันของผู้ชายทั้งหลายไม่ใช่เหรอ? ที่จะมีสัตว์เลี้ยงยอดนักสู้เป็นคู่หูกวาดล้างจักรวาล?!

เสี่ยวอ้ายมองดูชายทั้งสองคนด้วยความรังเกียจ ฮึ่ม! คิดจะแตะต้องมันหรืออย่างไร?!

มันเดินบิดก้นเข้าไปนั่งข้างสวี่หลิงอวิ๋น โดยไม่สนใจจักรพรรดิและองค์ชายใหญ่

ชายทั้งสองถึงกับรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก การที่โอคาซีเลื่อนขั้นเป็นระดับ 10 ดาวยังไม่สามารถทำให้จักรพรรดิและองค์ชายใหญ่รู้สึกท้อแท้ได้เท่ากับเสี่ยวอ้ายเห่าใส่พวกเขา!

นากาพยายามเอาชนะอาการง่วงเหงาหาวนอน “น่าเบื่อจังเลย ไปหาอะไรกินดีกว่า”

เนื่องจากนากามีรูปลักษณ์ที่ดุร้าย และมันก็ไม่ได้สังเกตว่าสวี่หลิงอวิ๋นเป็นบุคคลสำคัญ สาวใช้และองครักษ์ทั้งหลายยังคงหวาดกลัว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกสงสัย แต่ก็ยังไม่กล้าเข้ามาสร้างความรำคาญให้มันอยู่ดี จึงจบลงที่การทำความสะอาดเท่านั้น

ทว่าเจ้าถั่วชมพูกลับแตกต่างออกไป!

มันมีรูปลักษณ์ที่น่าเอ็นดู และชื่นชอบการพูดคุย ดังนั้นสาวใช้ทั้งหลายจึงรู้สึกชอบมันเป็นอย่างมาก พวกเธอหมุนเวียนผลัดกันมาดูแลมัน และป้อนอาหารใส่ปากมันโดยตรง!

การปฏิบัติถูกแบ่งออกเป็นสองแบบ นั่นคือเหนือฟ้าและบนดิน

ภายในงานเลี้ยง จักรพรรดิยกแก้วไวน์ขึ้น “หลิงอวิ๋นลูกรัก ครั้งนี้ต้องขอบใจลูกมาก ถ้าไม่ใช่เพราะลูก ตอนนี้จักรวรรดิชิงเหย้าของเราคงมีสภาพย่ำแย่ไม่ต่างไปจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์”

“เสด็จพ่อ มันคือสิ่งที่ลูกควรทำเพคะ” สวี่หลิงอวิ๋นส่ายหัวและวางแก้วไวน์ลง “เสด็จพ่อ หลังจากสงครามสิ้นสุดลงแล้ว ลูกวางแผนจะพาเสี่ยวอ้ายท่องเที่ยวไปรอบ ๆ”

“รอบ ๆ?!” จักรพรรดิมองดูเธอด้วยความประหลาดใจ “ลูกต้องการมองหาเอเลี่ยนชนิดไหนอย่างนั้นเหรอ!?”

จักรพรรดิไม่อาจรู้ได้ว่าลูกสาวของเขากำลังคิดอะไรอยู่? หากรู้สึกว่าเนื้อแถวบ้านไม่อร่อย ถึงได้จะออกไปหาอย่างอื่นกินอย่างนั้นเหรอ?!

“ลูกรัก! ลูกต้องเริ่มเรียนได้แล้ว ควรจะอยู่ที่นี่แล้วไปสถาบันไม่ใช่เหรอ? ผู้ติดตามของลูกก็ต้องตั้งใจเรียนเหมือนกันถูกต้องไหม?!”

“ลูกรู้ แต่ลูกคิดว่าห้องเรียนของพวกนักเรียนไร้ชีวิตชีวาเกินไปเพคะ เอาไว้ลูกจัดการสนามรบเสร็จแล้ว จะพาพวกนักเรียนปีหนึ่งไปฝึกซ้อมในสนามรบจริง” สวี่หลิงอวิ๋นพูด “พาพวกอาจารย์ทั้งหมดไปด้วย ลูกจะดูแลเรื่องอาหารเอง!”

จักรพรรดิรับฟัง ลูกสาวคนนี้คิดแผนการมาหมดแล้ว! ไม่ได้! เขาจะต้องตั้งใจฝึกซ้อมลูกสาวให้ดีกว่านี้ จะยอมแพ้กับลูกสาว และปล่อยให้เธอออกไปเที่ยวเล่นอย่างนั้นเหรอ?! ไม่! ไม่ได้เด็ดขาด!

“ลูกรัก ดูลูกสิ อายุครบสิบแปดปีแล้ว บัลลังก์ของราชวงศ์เรารอเจ้ามาสืบทอดอยู่ ลูกควรเล่าเรียนวิธีการขึ้นเป็นผู้ปกครองกับพ่อไม่ดีกว่าเหรอ?”

จักรพรรดิจับมือภรรยาแน่น เมื่อครั้นยังเป็นเด็กหนุ่ม เขาก็เคยคิดจะออกไปเที่ยวเล่นเหมือนกัน!

เขาเองก็ยังอยากจะเห็นทะเลหมู่ดาวทั่วทุกสารทิศ!

“เสด็จพ่อ ลูกคิดว่าเสด็จพ่อยังพอรับมือไหวไปอีกสองถึงสามปีนะเพคะ!” สวี่หลิงอวิ๋นไม่อยากขึ้นครองบัลลังก์!

“ลูกคิดว่าพี่ชายใหญ่น่าจะเหมาะสมกว่า เสด็จพ่อให้พี่ชายใหญ่สืบทอดบัลลังก์ก็ได้นะเพคะ ลูกแค่อยากเป็นจอมพลของกองทัพทหารเท่านั้น ท่านคิดว่าอย่างไรเพคะ?”

“ไม่ ๆๆ! บัลลังก์เหมาะสมกับน้องเล็กมากกว่า!” องค์ชายใหญ่รีบโบกมืออย่างว่องไว กลืนอาหารในปากและพูดว่า “พี่ขอบใจน้องมาก แต่น้องทำงานหนักมามากและประชาชนชาวชิงเหย้าก็ล้วนชื่นชอบน้อง ดังนั้น น้องควรจะสืบทอดบัลลังก์นะ!”

เขารู้ความคิดอีกฝ่ายอย่างแจ่มแจ้ง!

จักรพรรดิเหนื่อยเกินกว่าจะพูดอะไรออกไป หากเขาไม่ระวังก็อาจจะทำผิดพลาดได้ เขาจะทำให้จักรวรรดิพังทลายลงเหมือนกับสเปนเซอร์แห่งจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ได้อย่างไร!?

ไม่ได้ ๆ!

สวี่หลิงอวิ๋นรีบส่ายหัว “พี่ใหญ่พูดว่าอย่างไรนะ ท่านพี่มองมาที่น้องสิเพคะ น้องยังเด็กและโง่เขลา ถ้าเกิดวันหนึ่งน้องทำให้พันธมิตรห้วงดวงดาวต้องปั่นป่วนขึ้นมาล่ะ? ท่านพี่ได้รับประสบการณ์มากมายในชีวิต เพราะอย่างนั้นท่านพี่เหมาะสมแล้วเพคะ!”

“น้องเล็กต่างหากที่เหมาะสม! ขอแค่น้องอยู่ที่นี่ ใครหน้าไหนจะกล้ามาแตะต้อง?! ถึงน้องจะอ่อนน้อมถ่อมตน! แต่พี่ก็ทำตัวประมาทนัก! หรือน้องจะเถียง!”

“ท่านพี่ใหญ่…”

“น้องเล็ก…”

จักรพรรดิมองดูลูกที่ไร้ซึ่งความกตัญญูทั้งสอง เขานั่งเงียบกับจักรพรรดินีเป็นเวลานาน และทันใดนั้นก็นึกเรื่องของลูกชายรองได้

หากลูกชายคนรองไม่โง่เขลา และเห็นแก่ตัวน้อยกว่านี้อีกสักหน่อย บางทีเขาอาจจะไม่ต้องพบเจอกับปัญหาเหล่านี้

เสี่ยวอ้ายก้มหน้ากินเงียบ ๆ ไม่ว่าจักรพรรดิหรืออะไรก็ตาม ล้วนเป็นเพียงคำนามที่ไม่มีความหมายสำคัญอะไรสำหรับอสุรกายอย่างมัน

เมื่อยอดฝีมือเลื่อนขั้นไปถึงระดับ 10 ดาว และฝึกฝนให้อยู่ในขอบเขตที่เหนือกว่า จะสามารถรับรู้ได้ว่าทุกสิ่งอย่างในจักรวาลแห่งนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าพลังการต่อสู้ขั้นสุดยอดของพวกเขา

เมื่อต้นไม้แห่งชีวิตเติบใหญ่ขึ้น พลังทั่วทั้งจักรวาลจะถือกำเนิดขึ้นใหม่อีกครั้ง ถึงตอนนั้นพวกเขาจะรู้ว่าการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจในแผ่นดินอันกว้างใหญ่นั้นไร้สาระเพียงใด!

เสี่ยวอ้ายผู้แก่ชราครุ่นคิดอย่างมีสติ

หลังจากอาหารเย็น โอคาซีและคนอื่นต่างขอตัวออกไป ขณะที่สวี่รุ่ยอวิ๋น องค์ชายรองถูกนำตัวมาให้จักรพรรดิสวี่เทียนอวี๋

จักรพรรดินี สวี่หลิงอวิ๋น และสวี่เจี้ยนอวิ๋นยืนอยู่ข้างกัน มองดูสวี่รุ่ยอวิ๋นที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงถูกนำตัวเข้ามา

แพทย์ทหารคนเดินเข้าไปหาสวี่เทียนอวี๋ และกระซิบด้วยถ้อยคำสองสามคำ

สวี่หลิงอวิ๋นเป็นคนหูดีมาก เธอได้ยินคำพูดนั้นเช่นกัน

เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์กล่าวว่าสวี่รุ่ยอวิ๋นมีความผิดปกติทางจิต

ใบหน้าของสวี่รุ่ยอวิ๋นแสดงออกถึงความประหลาดใจเมื่อเห็นพ่อแม่ของเขา

จากนั้นไม่รอช้า สวี่รุ่ยอวิ๋นรีบคลานไปที่เท้าของจักรพรรดิ และร้องคร่ำครวญ “เสด็จพ่อ ในที่สุดลูกก็ได้เจอท่าน! เสด็จพ่อจะต้องจับกุมน้องเล็กซะ น้องจะให้องค์หญิงเหมยหมี่แห่งปีกจักรวรรดิพิสุทธิ์ฆ่าลูกทิ้ง!”

จักรพรรดิมองดูสวี่รุ่ยอวิ๋น ถึงเขาจะรู้สึกไม่ชอบใจลูกชายคนนี้ แต่ก็ต้องบอกว่าเขารู้สึกเศร้าเล็กน้อยที่ต้องเห็นสภาพที่น่าสังเวชของลูกชาย

“โอ้? ทำไมถึงบอกว่าน้องจะฆ่าเจ้าล่ะ?”

“เพราะนังน้องเลวต้องการสืบทอดบัลลังก์! ถ้าน้องฆ่าลูก น้องจะได้ขึ้นไปสืบทอดบัลลังก์แทน!” สวี่รุ่ยอวิ๋นก่นด่า เขาวิเคราะห์แผนการของสวี่หลิงอวิ๋นและร้องขอการชดเชย “น้องกับองค์หญิงเหมยหมี่นั่นจะต้องวางแผนร่วมมือกัน! ไม่อย่างนั้น ทำไมองค์หญิงเหมยหมี่ที่แสนดีกับลูกถึงไม่ต้องการลูกขึ้นมาล่ะ?!”

แม้จะพูดเช่นนั้น แต่การแสดงออกของเขากลับดูมึนงงเล็กน้อย ราวกับหลงลืมอะไรบางอย่างไปเสียสนิท?!

ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างผิดปกติใช่ไหม?

“งั้นบอกพ่อทีได้ไหมว่าทำไมเจ้าถึงไปที่จักรวรรดิปีกพิสุทธิ์?”

สวี่รุ่ยอวิ๋นเกาหัว ดวงตาของเขาเหม่อลอยอยู่นาน “ลูกนึกออกแล้ว!”

เขาร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้น!

“ลูกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้สวี่หลิงอวิ๋น! น้องเล็กของเราถูกข่มขืน! ลูกเลยมาเรียกร้องหาความยุติธรรม! แต่ไม่คิดว่าน้องเล็กจะตั้งแง่ขึ้นมาต่อต้านลูกจริง ๆ!”

สวี่รุ่ยอวิ๋นกำหมดแน่น และหยักหน้า “ต้องไม่ผิดแน่ มันต้องเป็นแบบนี้!”

เขาสูดลมหายใจเข้าขณะจ้องมองไปทางสวี่หลิงอวิ๋นด้วยสายตาเย่อหยิ่ง

“ในเมื่อเจ้าเสียพรหมจรรย์ให้กับอีกฝ่ายแล้ว ก็ต้องแต่งงานเข้าจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ซะ! ถึงอีกฝ่ายจะเป็นลูกนอกสมรสจากตระกูลเล็ก ๆ แต่เพื่อเห็นแก่ชื่อเสียงจักรวรรดิชิงเหย้าของเรา เจ้าก็ควรแต่งงานด้วยความสมัครใจเพื่อรักษาความสงบสุขในห้วงดวงดาว!”