บทที่ 451 จับฉลากต่อสู้

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 451 จับฉลากต่อสู้

บทที่ 451 จับฉลากต่อสู้

พอสิ้นเสียงนั้นของฉู่เหิน เหล่าผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ของหอประจิมก็เดินออกมา และคำนับฉู่เหิน “คุณชายฉู่ เรื่องในครั้งนี้ต้องขอบคุณจริง ๆ ถ้าไม่ได้คุณธรรมของคุณชายฉู่ในครั้งนี้ ไม่แน่อาจเกิดเรื่องร้ายมากกว่านี้ก็เป็นได้!”

“เรื่องไม่เหลือบ่ากว่าแรง ยังไงก็ต้องช่วยกันอยู่แล้ว ทุกท่านโปรดอย่าได้ใส่ใจไปเลย! ยังไงพวกเราก็ไม่มีทางอยู่เฉยกับเรื่องแบบนี้ได้หรอก!” ฉู่เหินพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทีแบบเป็นทางการออกมา ทำให้อีกฝ่ายจิตใจสว่างโล่ง ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกว่าฉู่เหินช่างให้ความรู้สึกสูงส่งยิ่งนัก

วันนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย อีกทั้งฝั่งพวกเขายังได้รับบาดเจ็บสาหัส จำเป็นต้องรีบกลับหอประจิมด่วนเพื่อรายงานเรื่องนี้ เพียงแต่การแข่งขันร้อยนิกายกำลังจะเริ่มเร็ว ๆ นี้แล้ว ถ้าพวกเขาไปจากที่นี่ก็จะพลาดโอกาสเข้าร่วมการแข่งครั้งนี้ไป! ตอนนี้เลยทำให้พวกเขารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก!

“เอาอย่างนี้สิ ครั้งนี้มีกี่คนจากหอประจิมที่ต้องเข้าร่วมการแข่งขัน พวกคุณจะทิ้งไว้ที่นี่กี่คน? เดี๋ยวพวกเราจะดูแลให้เอง จะไม่เกิดเรื่องร้าย ๆ กับพวกเขาอย่างแน่นอนเรารับประกันได้! พวกคุณรีบกลับไปเถอะ แล้วก็รีบกลับมาก่อนการแข่งจะจบ ไม่งั้นฉันก็จนปัญญาจะรับประกันแล้ว!”

ฉู่เหินพูดประโยคนี้คล้ายจะแอบซ่อนความนัยอะไรบางอย่าง ต้องเข้าใจว่าการแข่งขันร้อยนิกายนั้นมีผู้คนล้มตายกันอยู่ตลอดทั้งงาน! เมื่อถึงตอนนั้นพวกที่ทิ้งไว้กับฉู่เหิน รอให้คนกลับมาจากหอประจิม คนพวกนี้ก็อาจจะตายให้สนามแล้วก็ได้ ฉู่เหินก็จนปัญญาจะรับปาก ดังนั้นชายหนุ่มเลยพูดออกมาแบบนี้!

ข้อสรุปของหอประจิมคือ พวกเขาจะให้คนที่มีพลังวรยุทธ์สูงที่สุดกลับไปรายงาน ส่วนคนที่เหลือก็ให้อยู่ร่วมการแข่งขันต่อไป! แม้ว่าครั้งนี้พวกเขาจะเสียกำลังของนายน้อยไป แต่ก็ยังเหลือผู้แข่งขันอยู่ไม่น้อย

ความโกลาหลผ่านไป ในที่สุดการประลองคัดเลือกผู้ฝึกยุทธไร้สังกัดก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว ทาปาหยิงหนานได้เข้าเป็นผู้ผ่านเข้ารอบคนที่ 10 พอดี! พวกเขาทั้งหมดจะต้องเตรียมตัวจับฉลากเป็นอันดับต่อไป

ในการจับฉลาก คนที่เข้าร่วมทุกคนจะต้องมายืนบนเวที ก่อนจะหยิบหมายเลขที่อยู่ในกล่องใบใหญ่! ไม่ว่าจะสุ่มได้ใคร พวกเขาก็ต้องต่อสู้และฝ่าฟันไปให้ได้!

การแข่งขันครั้งนี้ไม่ได้จัดที่บนเกาะ คนที่เข้าร่วมทั้งหมดจะต้องเข้าไปในค่ายกลที่สร้างขึ้น ซึ่งค่ายกลดังกล่าวก็ได้ถูกควบคุมด้วยผู้เชี่ยวชาญ 2 คน พวกเขาทั้งคู่จะเป็นผู้ที่พาผู้เข้าประลองแต่ละรอบเข้าไปในสนาม หรือว่าง่าย ๆ ก็คือ สนามประลองในครั้งนี้นั้นจะเกิดการปรับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามแต่ละครั้งที่ประลอง

ด้วยวิธีนี้จะทำให้พวกเขาเหมือนประลองอยู่อีกโลกหนึ่งที่แตกต่างไป โดยที่ภายในนั้นจะมีอุปกรณ์พิเศษซึ่งสามารถทำให้คนด้านนอกมองเห็นการประลองได้! การแข่งขันร้อยนิกายไม่มีผลเสมอกัน ถ้าทั้งสองคนฝีมือพอฟัดพอเหวี่ยงพอกัน ก็คงมีแต่ต้องฆ่าหรือไม่ก็ทำให้อีกฝ่ายไม่มีแรงจะสู้เท่านั้น!

ในการแข่งขัน ทุกคนจะมีสิทธิยอมแพ้ได้ 3 ครั้ง เพื่อในกรณีที่พวกคุณบังเอิญเจอกับพวกเดียวกันจะได้ต่างฝ่ายไม่ต้องบาดเจ็บ เพราะถ้าสู้กันก็คงมีแต่คนแพ้เท่านั้นที่จะถูกคัดออก

การแข่งขันนี้จะเรียกว่าไม่ยุติธรรมก็ไม่ยุติธรรมซะทีเดียว เพียงแต่จากประวัติหลายปีที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้! ส่วนงานในปีนี้ คนที่เข้าร่วมก็มีมากถึง 30,000 คนแล้ว! โดยกฎการประลองในครั้งนี้นั้นจะทำการจับคู่หมายเลขที่ติดกัน เช่นหมายเลขหนึ่งจะจับคู่กับหมายเลขสอง หมายเลขสามจะจับคู่กับหมายเลขสี่!

แน่นอนว่าจะให้ผู้มีอำนาจใหญ่สุดเป็นคนจับฉลากก่อน จากนั้นก็ตามด้วยนิกายอันดับหนึ่ง นิกายอันดับสอง อันดับสาม ก่อนปิดท้ายด้วยผู้ฝึกยุทธไร้สังกัด! เพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่าผู้ฝึกยุทธไร้สังกัดถูกเอาเปรียบและไม่เห็นหัวขนาดไหน! ทว่าถึงจะเป็นแบบนั้น 10 ผู้ฝึกยุทธไร้สังกัด พวกเขาต่างก็พากันดวงตาลุกโชน ด้วยหวังว่าการแข่งร้อยนิกายในครั้งนี้จะมอบโอกาสและช่วยพัฒนาฝีมือตัวเองขึ้นไปอีกขั้น!

คนที่ได้จับฉลากเป็นคนแรกคือคนจากวัดหยูฟ่อซือ ผู้ที่มาจากวัดแห่งนี้นั้นล้วนแล้วแต่ดูน่าเลื่อมใส! อีกทั้งตำแหน่งก็สูงมากเช่นกัน ถึงกับได้รับสมญานามว่าเป็นผู้มีคุณธรรมสูง! ครั้งนี้วัดหยูฟ่อซือได้ส่ง 7 อาจารย์ใหญ่เข้าร่วม ในมือของพวกเขาทั้ง 7 คนมีกระดาษถืออยู่คนละใบ ทั้งยังกำไว้แน่ไม่ยอมปล่อย

หลังจากนั้นก็มีพนักงานขึ้นมาเอากระดาษในมือของพวกเขาไปและเขียนบันทึกไว้ นี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้คนในนิยายเดียวกันสับเปลี่ยนหมายเลขกันเอง! หลังคนของวัดหยูฟ่อซือจับฉลากเสร็จแล้ว ก็มาถึงตาของนิกายหว่านเต้าบ้าง พวกเขาเองก็พากันจับฉลากและจดบันทึกหมายเลขลงไป!

ด้านฉู่เหิน ชายหนุ่มได้เปิดพลังจิตไว้ตั้งแต่เริ่มแล้ว ทั้งนี้ก็เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวต่าง ๆ รอบตัว! กล่องใส่กระดาษเหล่านี้คล้ายจะถูกป้องกันการใช้พลังจิตทะลุเอาไว้ ดังนั้นเขาเลยไม่สามารถมองเห็นหมายเลขภายในได้! แต่หลังจากเอาออกมาแล้วฉู่เหินก็สามารถสัมผัสได้ในทันทีว่าคนคนนั้นได้หมายเลขอะไร

ที่ทำให้ฉู่เหินรู้สึกแปลกใจก็คือ จำนวน 14 คนที่เพิ่งจับฉลากไปนั้นไม่มีใครหมายเลขติดกันเลย เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนพวกนี้จะไม่มีลับลมคมในอะไร! หรือว่าพวกเขาจะแค่โชคดี? แล้วและก็มาถึงตาตระกูลฉู่จับฉลากบ้าง แต่ทว่าฉู่เหินกลับให้นิกายข้างหลังจับก่อน!

ต่อมาก็คราวของคนจากหอเมฆาและคนของห่านเซียงกู่! ฉู่เหินพบว่าทั้งสองนิกายแทบจะไม่มีนิกายไหนที่จับฉลาดติดกันเลยสักหมายเลข ทว่ามาถึงตรงนี้เขาก็ชักจะสงสัยจริง ๆ แล้ว! เพราะฉู่เหินสัมผัสได้ว่าแม้สิ่งที่พวกเขาจับจะเป็นกระดาษธรรมดา ๆ แต่คล้ายว่าคุณภาพของกระดาษแต่ละแผ่นนั้นจะไม่เหมือนกันเลย!

ทว่ามันเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ เท่านั้น ถ้าไม่ตั้งใจดูดี ๆ ก็จะไม่สังเกตเห็นเลย! ชายหนุ่มทำการสำรวจกระดาษที่คนต่อ ๆ มาหยิบใบแล้วใบเล่า ก่อนที่เขาจะพบว่าข้างหลังกระดาษเหล่านั้นมีร่องรอยผิดสังเกตอยู่ มองแล้วคล้ายจะเป็นกระดาษที่คุณภาพไม่ค่อยดี ซึ่งตรงจุดนี้เองที่ทำให้ฉู่เหินตระหนักถึงปัญหาบางอย่าง!

หลังจากสังเกตอย่างละเอียดเขาก็คล้ายจะเข้าใจแล้ว กระดาษเหล่านี้แบ่งออกเป็น 7-8 ประเภท และทุก ๆ ประเภทกระดาษข้างหลังจะเรียงลำดับไม่เหมือนกัน! เมื่อถึงตาผู้เข้าร่วมการแข่งขันจับฉลากของตัวเองก็จะจับสัมผัสกระดาษเหล่านั้นได้ ซึ่งไม่ว่ายังไงก็จะไม่จับโดนกับนิกายของตัวเองได้แน่

ส่วนจะเป็นการเจอกับนิกายไหนนั้น ก็ต้องดูที่โชคของคุณและความสามารถที่มี! ว่าแล้วฉู่เหินก็ใช้วิธีแฝงพลังวิญญาณไว้ที่กระดาษไม่กี่ประเภทเหล่านั้นทันที เพื่อให้คนตระกูลฉู่และคนจากนิกายกิเลนเข้าใจตรงกัน! อีกทั้งฉู่เหินยังเป็นคนกำหนดร่องรอยว่าใครต้องจับใบไหน!

สำหรับทาปาหยิงหนานนั้นไม่จำเป็นแล้ว เพราะไม่ว่าเขาจะจับได้ใครก็สุดแล้วแต่ แต่ทว่าฉู่เหินก็คงยังบอกเขา ให้อีกฝ่ายจับกระดาษที่มีรูปปลาขึ้นมา! เพราะหากจับได้กระดาษใบนั้น เขาจะไม่ต้องเจอเข้ากับคู่ประลองที่มีฝีมือสูงส่งแน่นอน!

อีกทั้งฉู่เหินยังได้เอาตระกูลฉู่และนิกายกิเลนที่มีฝีมือสูงส่งมาจับแยกกันอีกด้วย ด้วยวิธีนี้เพียงแค่พวกเขาจับฉลากตามวิธีที่บอก ยังไงก็ไม่เจอกันอย่างแน่นอน! หลังทุกอย่างเตรียมการเสร็จ ฉู่เหินถึงได้ไม่เกี่ยงงอนว่าจะให้ใครไปจับหมายเลขก่อน

“โอ้โห นี้ไม่ใช่คุณชายใหญ่ฉู่เหินหรอกเหรอ! ไม่รู้ว่าวันนี้คุณจะเป็นตัวแทนของนิกายกิเลนหรือว่าตระกูลฉู่กันแน่ ถ้าเป็นตัวแทนของตระกูลฉู่ล่ะก็ ดูเหมือนว่าตัวแทนพวกคุณจะมีเพียงแค่หนึ่งคนนะ แต่หากคุณเป็นตัวแทนของนิกายกิเลน การจับฉลากในครั้งนี้ไม่ใช่ว่าออกจะเร็วไปหน่อยหรือ” ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้ทำอะไร จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงไม่เข้าหูดังขึ้น!

ฉู่เหินหันไปมองก็พบว่าคน ๆ นี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือคนที่ชายหนุ่มเกลียดเข้าไส้ มิยาโมโตะ อิจิโร่คนนั้น! ในเวลานี้นั้นมิยามิโตะอิจิโร่ได้ยืนอยู่กับพรรคนิกายอันดับหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่เห็นก็ทำเอาฉู่เหินรู้สึกแปลกใจ!

“มิยาโมโตะ อิจิโร่ คนอย่างแกนี้มันน่ารังเกลียดจริง ๆ! แต่เดิมมันเป็นเรื่องของพวกเราสองคน แกจำเป็นต้องกระทบกับคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วยเหรอ? คิดยังไงถึงได้ให้หอเทียนซินออกหน้ากัน ถึงฉันฉู่เหินจะไม่คิดอะไร เพียงแต่ถ้าผู้เฒ่าฉู่รู้ว่าหอเทียนซินทำแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะโกรธหอเทียนซินจนอยากจะจัดการกับนิกายของพวกคุณไหมนะ”

พอได้ยินที่ฉู่เหินพูดคนของหอเทียนซินก็ตัวสั่น ก่อนจะหันไปจ้องมิยาโมะโตะ อิจิโร่อย่างโกรธเคือง! ถ้าสายตาสามารถฆ่าคนได้ พวกเขาก็คงฆ่าเจ้าหมอนี่ไปแล้วสักพันสักหมื่นหน

“คุณชายฉู่เหินโปรดอย่าเพิ่งเข้าใจผิด! พวกเราไม่รู้จักเจ้าหมอนี้ และก็ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงมาโผล่ที่นี่ได้ แต่ผู้อาวุโสบอกลงมาว่า คน ๆ นี้รู้จักคนที่ไม่เลวมาก ๆ อยู่คนหนึ่ง ดังนั้นเขาเลยแทรกมารวมกับหอเทียนซินของพวกเรา”