บทที่ 452 สู้ สู้ สู้

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 452 สู้ สู้ สู้

บทที่ 452 สู้ สู้ สู้

“คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ถ้าเมื่อกี้มิยาโมโตะ อิจิโร่ไม่อ้าปากพูดล่ะก็ ฉันก็คงไม่ได้สังเกต! ทว่าพอเขาพูดจะให้ฉันไม่สังเกตเห็นเขาก็คงเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้ฉันอยากจะขอให้พวกคุณช่วยทำให้เขาปิดปาก หรือไม่ก็เอามันไปไกล ๆ! ไม่งั้นคงไม่เป็นผลดีกับพรรคของพวกคุณ”

“เขารู้อยู่ชัด ๆ ว่าตอนนี้ตระกูลฉู่แข็งแกร่งแค่ไหน กลับกล้ามาเห่าที่นี่อีก ไม่รู้ว่าเขามีความแค้นอะไรกับหอเทียนซินของพวกคุณ หรือมีความตั้งใจทำร้ายพวกคุณหรือเปล่า!” พอได้ยินแบบนี้ คนของหอเทียนซินก็พากันหน้าดำคร่ำเครียด!

ตอนนี้ใบหน้าของมิยาโมโตะ อิจิโร่ดูไม่ได้แบบสุด ๆ คาดไม่ถึงเลยว่าเหตุการณ์จะกลายเป็นแบบนี้ เดิมทีเขากะว่าจะทำให้อีกฝ่ายขายหน้าจนไม่มีหน้าไปขึ้นเวที ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นตัวเองซะงั้น! แต่แม้ว่าถึงตอนนี้อยากหนีไปซะ ฉู่เหินก็คงไม่ให้เขาหนีอยู่ดี ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะอยู่ต่อ โอกาสที่จะแก้แค้นอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ ๆ เขาจะปล่อยให้หนีไปง่าย ๆ ได้ยังไง!

“มิยาโมโตะเอ๋ย คาดว่าแกก็คิดเหมือนกันสินะว่าจะเป็นสามอันดับแรกของการแข่งขันนี้ แต่สำหรับคนที่ไม่สนใจพวกพ้องตัวเองแบบแก แกว่าตอนนี้จะมีคนมากขนาดแค่ไหนละที่อยากจะฉีกร่างของแกเป็นชิ้น ๆ ทันทีที่พวกเขาได้โอกาส!” จบประโยคฉู่เหินก็ปล่อยเสียงหัวเราะอย่างสะใจ!

มิยาโมโตะ อิจิโร่เมื่อได้ยินที่ฉู่เหินว่าแบบนี้ เขาก็พลันมองรอบกายตัวเอง ก่อนจะพบว่าแต่ล่ะคนโดยรอบล้วนแล้วแต่มีดวงตาที่ไม่ประสงค์ดีกันทั้งนั้น! มิยาโมโตะได้แต่ยืนอย่างหวาดระแวงอยู่ตรงนั้น ซึ่งถ้าไม่มีทางเลือกจริง ๆ เขาก็จะหาจังหวะแล้วหนีออกไปในทันที!

เมื่อฉู่เหินเห็นฉากนั้นก็หรี่ตาเล็ก เขารู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องมีเบื้องหลังอยู่แน่! ดังนั้นแม้ว่าในที่แห่งนี้จะมียอดฝีมือมากมาย แต่ฉู่เหินก็เชื่อว่ามิยาโมโตะ อิจิโระจะต้องไม่โดนเล่นงานโดยง่ายอย่างแน่นอน คนผู้นี้เก็บงำความลับเอาไว้มากมาย อีกฝ่ายดูน่าสงสัยเสียจนฉู่เหินแอบคิดว่าคนผู้นี้น่าจะเป็นคนจากต่างโลก ซึ่งถ้าเป็นจริง การที่อีกฝ่ายมีของแปลก ๆ หรือวิชาแปลก ๆ ก็ดูจะสมเหตุสมผลแล้ว!

แต่หากจะพูดถึงการตัดสินบุญคุณความแค้นแล้ว การประลองภายในค่ายกลคงจะดีที่สุด เพราะเมื่อเป็นแบบนั้น ต่อให้อีกฝ่ายจะมีวิธีหนีอยู่ มันก็ล้วนแต่เปล่าประโยชน์

“ที่จริงฉันคิดว่าถ้าแกอยากแข่งต่อก็ได้นะ คาดไม่ถึงว่าบนตัวแกจะมีของล้ำค่าเยอะจนฉันอยากได้บ้าง! ถ้าสามารถฆ่านายได้งั้นของพวกนั้นก็จะตกเป็นของฉัน! เพียงแต่หวังว่าวันนี้แกจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง!”

เมื่อพูดจบฉู่เหินก็ไม่ได้สนใจเขาอีก ก่อนจะเดินขึ้นไปจับฉลาก ชายหนุ่มกับนิกายกิเลนคล้ายจะได้จับฉลากพร้อม ๆ กัน แม้แต่ทาปาหยิงหนานก็เช่นเดียวกัน มีบทเรียนมาจากมิยาโมโตะ อิจิโร่แล้วคนหนึ่ง เลยทำให้ตอนนี้ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา! ทุกคนรู้ว่าการจัดการกับฉู่เหินไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่เพียงแต่มีความสามารถเก่งกาจ ฝีปากเขายิ่งแล้วใหญ่ แน่นอนว่าที่สำคัญคือตระกูลฉู่นั้นเก่งกาจเกินไป!

หลังจากทุกคนจับฉลากครบแล้วก็พากันเดินขึ้นไปบนเวทีที่ตัวเองต้องขึ้นประลอง ขณะที่เดินผ่านมิยาโมโตะ อิจิโร่ ฉู่เหินก็พลันผ่อนฝีเท้า ก่อนจะพูดว่า “มิยาโมโตะ หวังว่าแกจะอยู่นานสักหน่อยนะ! ยังมีหุ่นเชิดที่แกใช้ครั้งที่แล้ว หวังว่าครั้งนี้แกจะพามาด้วยสัก 2-3 คน เพราะฉันละสนใจในหุ่นเชิดของแกเหลือเกิน ได้ข่าวว่าพวกมันช่วยให้แกมีมากกว่าหนึ่งชีวิตหนิ!”

หลังพูดจบฉู่เหินก็เดินจากไป อย่างไรก็ตามตอนนี้กลับไม่มีใครสามารถสงบใจได้แล้ว แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ต่างก็พากันหันมองไปที่มิยาโมะโต อิจิโร่ดวงแววตาลุกโชก! เมื่อกี้พวกเขาได้ยินที่ฉู่เหินพูดอย่างชัดเจน ว่าเจ้าหมอนี้มีหุ่นเชิดตัวตายตัวแทน นี้ต้องเป็นวิธีที่เขาใช้ป้องกันตัวเองแน่!

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ ๆ เหมาะสมแล้วล่ะก็ เกรงว่าเหล่าผู้อาวุโสเหล่านั้นคงจะพุ่งไปจัดการกับอีกฝ่ายแล้ว สำหรับเรื่องที่ว่ามิยาโมะ โตะอิจิโร่นั้นจะมีหุ่นเชิดจริงหรือเปล่า แม้แต่ฉู่เหินเองก็ไม่รู้ ที่เขาพูดไปแบบนี้ก็เพื่อเพิ่มศัตรูให้อีกฝ่ายเท่านั้นแหละ!

ผลลัพธ์คือหลังจากทุกคนลงไปแล้ว พวกเขาก็ถูกผู้อาวุโสของนิกายตัวเองเรียกไปกระซิบที่ข้างหู หลังจากลูกศิษย์ทุกคนได้ยินแล้วก็พยักหน้า ก่อนจะพากันหันมองไปทางมิยาโมโตะ อิจิโร่ด้วยดวงตาวูบวาบ กระทั่งแฝงไปด้วยความสนุกสนาน!

มิยาโมโตะ อิจิโร่ไม่ใช่ว่าไม่อยากอธิบาย แต่ตอนนี้ต่อให้อธิบายอะไรไปก็คงไม่มีประโยชน์ เขาทำได้เพียงนั่งอย่างโดดเดี่ยว ได้แต่กัดฟันอย่างแค้นเคืองที่ถูกฉู่เหินเล่นงานเข้าจนได้!

ที่จริงการปรากฏตัวของมิยาโมโตะ อิจิโร่นั้นทำให้ฉู่เหินรู้สึกแปลกใจมาก! ในการแข่งขันนั้นมีข้อกำหนดเกี่ยวกับเรื่องอายุ ใครที่อายุเกิน 50 ปีแล้วจะไม่ได้รับอนุญาตให้สมัคร แต่ถ้าบอกว่าคน ๆ นี้อายุยังไม่ถึง 50 ปีฉู่เหินยังไงก็ไม่เชื่อ ดังนั้นแล้วการที่มิยาโมโตะ อิจิโร่สามารถทำการสมัครได้นั้น มันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรแน่ ๆ

ฉู่เหินจับได้หมายเลข 98 คนที่ต้องประลองกับเขาก็คือหมายเลข 97 ตอนนี้ชายหนุ่มก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะได้สู้กับใคร ฉู่เหินเพียงยืนรอบนเวทีอย่างใจเย็น ซึ่งหลังจากผ่านไปไม่นาน ในที่สุดการจับฉลากก็สิ้นสุดลง

เห็นเพียงพิธีกรในการแข่งขันครั้งนี้ขึ้นมายืนบนเวที เขาไม่พูดพล่ามอะไรมากและทำการประกาศเลยว่า “หมายเลขหนึ่งและสองเวทีประลองอยู่ที่สนามที่หนึ่งฝั่งตะวันออก หมายเลขสามและสี่เวทีประลองอยู่ที่สนามที่สองฝั่งตะวันออก! หมายเลขที่เก้าสิบห้าและเก้าสิบหกเวทีที่หนึ่งฝั่งตะวันตก เก้าสิบเจ็ดละเก้าสิบแปดเวทีที่สองฝั่งตะวันตก!”

รอบแรกจะทำการประลองพร้อมกัน 50 เวที อย่างไรก็ตามฉู่เหินรู้สึกเศร้าที่มีเขาเพียงคนเดียวจากทั้งนิกายกิเลนและตระกูลฉู่ที่ประลองในรอบแรก คนอื่น ๆ ล้วนแต่ได้หมายเลขลำดับ 200 กว่ากันทั้งกัน! ด้วยเหตุนี้ตอนที่ฉู่เหินเดินขึ้นประลองเลยมีสมาชิกนิกายกิเลนและตระกูลฉู่คอยให้กำลังใจเขากับอย่างคับคั่ง!

“สู้ สู้ สู้ วันนี้พวกเราต้องชนะ! วันนี้ต้องแสดงความกล้าหาญและความภูมิใจของตัวเอง วันนี้พวกเราจะทำให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้ และยืนเหนือคนอื่นให้ได้!” ฉู่เหินได้ยินเสียงดังกล่าวดังเข้าหูเขามาแต่ไกล!

ฉู่เหินกระพริบร่างครั้งเดียวก็ขึ้นมายืนบนเวทีแล้ว ต่อมาตระกูลฉู่และนิกายกิเลนก็ยืนมองหน้าจอ ที่นี่เป็นที่ ๆ สามารถมองเห็นการแข่งขันได้ทั้งหมด!

เมื่อฉู่เหินเข้ามาที่เวทีประลอง ค่ายกลตรงหน้าก็พลันมีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น หลังจากนั้นชายหนุ่มก็พบว่าตัวเองในตอนนี้ยืนอยู่บนยอดเขาสูง! โดยรอบนั้นมีเพียงต้นสนอยู่ต้นหนึ่ง ลำต้นของมันเคลื่อนไหวไปตามสายลมราวกับอยู่ในโลกเทพนิยาย!

ฉู่เหินที่เพิ่งยืนตรงนี้ได้ไม่นาน ชายหนุ่มก็เห็นว่าฝั่งตรงข้ามกับเขาได้ปรากฏเงาร่าง ๆ หนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น! คน ๆ นี้เป็นผู้หญิงอายุราว ๆ 20 กว่าปี แต่ทันทีที่ฉู่เหินเห็นอีกฝ่ายคนนี้ ชายหนุ่มก็อดที่จะหรี่ตาอย่างประเมินไม่ได้

เพราะคน ๆ นี้ไม่ใช่ใครอื่น เธอก็คือเหม่ยซานเหนียง แน่นอนว่าขณะเดียวกันก็สามารถเรียกเธอว่าเหม่ยชิงก็ได้! ฉู่เหินไม่คิดไม่ฝันเลยว่า เขาจะได้มีเจอกับยัยแก่คนนี้ ดูภายนอกแล้วเหมือนคนอายุ 20 กว่า ๆ หากแต่วิญญาณที่อยู่ภายในน่ากลัวว่าจะอายุนับร้อยปีแล้ว

ไม่รู้จริง ๆ ว่าถ้าคนแบบนี้เข้าไปที่ต่างมิติแล้วจะเกิดผลลัพธ์อะไร ต่อมาใบหน้าของเขาก็อดที่จะเผยรอยยิ้มไม่ได้ ดูเหมือนว่าหนี้แค้นระหว่างเขากับเหม่ยซานเหนียงจะได้รับการสะสางก็วันนี้แหละ

“ไม่คิดว่าวันนี้จะได้มาสู้กับป้าที่นี่! แต่ก็ดีเหมือนกัน พวกเราสองคนจะได้คิดบัญชีเก่าไปเลย!” ฉู่เหินพูดจบดวงตาหรี่เล็กจ้องสำรวจอีกฝ่ายอย่างละเอียด พร้อม ๆ กับวางแผนการต่อสู้ไปด้วย

“หนุ่มน้อย เธอคิดว่าฉันจะเป็นเหมือนเมื่อก่อนงั้นเหรอ ขอบอกไว้ก่อนว่าฉันน่ะได้เปลี่ยนไปแล้ว อาศัยพลังวรยุทธ์ขั้นราชันดาราระดับต้นอย่างเธอกล้าทำตัวประมาทต่อหน้าฉัน ดูสิว่าฉันจะจัดการกับเธอยังไง!”

ตอนนี้ฉู่เหินทำการปกปิดพลังวรยุทธ์ของตัวเองไว้ เลยทำให้คนอื่นมองแล้วเหมือนเขามีพลังแค่ราชันดาราระดับต้น ดังนั้นเลยไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มได้เลื่อนเป็นขั้นราชันดาราระดับสูงแล้ว อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะเลื่อนเป็นขั้นสูงสุดอีกด้วย! การที่เขาไปทวีปลึกลับดูเหมือนจะไปเรื่องดีไม่น้อย!

“งั้นเหรอ เท่าที่ฉันเห็นความสามารถของแกมีอะไรบ้างล่ะ เห็บหมัดทำอย่างไรก็คือเห็บหมัด เพียงแต่ตัวโตกว่าหน่อยหนึ่ง ทว่ายังไงก็คือเห็บหมัด!”

ถึงตอนนี้เหม่ยชิงไม่ได้ไม่อารมณ์จะต่อล้อต่อเถียงแล้ว เธอพุ่งไปหาฉู่เหินด้วยความเร็วจนเกิดเสียงดัง!