บทที่ 279.1 เจียวเจียวออกโรง (1)
หากเกิดเหตุจงใจทำร้ายร่างกายระหว่างพิธีประลองยุทธ์ ย่อมต้องถูกลงโทษตามธรรมนูญทหาร ยิ่งกู้ฉังชิงเป็นถึงผู้บัญชาการระดับตูเว่ย แถมตูเว่ยยังเป็นตัวต้นเรื่องอีกต่างหาก แล้วพลทหารใต้บังคับบัญชาจะคิดอย่างไร
เหตุการณ์ครั้งนี้กู้ฉังชิงขาดสติอย่างรุนแรง
เอาเป็นว่าอย่างน้อยก็มีท่านเหล่าโหวที่คิดเช่นนั้น
แต่เป็นเพราะอยู่ต่อหน้าคนนอก ท่านเหล่าโหวจึงไม่อาจสั่งสอนกู้ฉังชิงได้มากนัก เขาเหลือบตามองกู้ฉังชิงด้วยแววตาดุดัน “ยังไม่รีบลงมาอีก!”
กู้ฉังชิงค่อยๆ ลงมาจากกำแพง ดึงฝักดาบที่ฝังลึกออกมา
กู้เย่ว์ซานมองตามการเคลื่อนไหวของเขา หัวใจของเขาก็กระตุกโหวงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
เพิ่งจะอายุได้ยี่สิบต้นๆ แต่กลับมีวิชาแก่กล้าขนาดนี้เชียวหรือ…
หลังจากกู้ฉังชิงดึงฝักดาบออกมา ทุกคนก็คิดว่าเขาจะเดินตามท่านเหล่าโหวออกไปอย่างว่าง่าย
ทว่าเหตุไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้นในวินาทีนั้น ถังเย่ว์ซานพยุงร่างอาบเลือดของถังหมิงขึ้นมา ตั้งใจว่าจะอุ้มร่างเขาออกไป แต่ทันใดนั้นดาบอันคมกริบก็สะท้อนวาบขึ้นมา
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วยิ่งนัก ไม่มีผู้ใดเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ถังหมิงที่หมดสติก็ฟื้นขึ้นมาเพราะความเจ็บปวด ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวน แขนข้างหนึ่งลอยกระเด็นไปไกล!
เลือดสีแดงสดสาดกระเด็นบนใบหน้าของถังเย่ว์ซาน ถังหมิงมึนงงไปหมด!
วินาทีต่อมา ถังเย่ว์ซานได้สติกลับมา ก็ยกฝ่ามือฟาดเข้าที่ใบหน้าของกู้ฉังชิงอย่างจัง!
กำลังภายในมหาศาลนั้นทรงพลังยิ่งนัก พละกำลังที่มิอาจต้านทานนั้นทำเอาร่างของกู้ฉังชิงลอยกระเด็นออกจากสังเวียน!
ภาพนั้นพาให้ทุกคนต่างตกตะลึง แม้ท่านเหล่าโหวก็ไม่คาดคิดว่าหลานของตนจะทำเรื่องเช่นนี้ได้!
เซวียนผิงโหวเลิกคิ้ว “โอ้โห หลานท่านแน่ไม่เบานี่”
ท่านเหล่าโหวถลึงตาใส่เซวียนผิงโหว!
ถังหมิงร้องโหยหวนไม่หยุด
ถังเย่ว์ซานเดือดพล่าน เขาจับจุดชีพจรของถังหมิง สองตาแดงก่ำมองไปทางกู้ฉังชิงที่ลอยกระเด็นออกไป
เขาจะฆ่ากู้ฉังชิง!
กู้ฉังชิงที่โดนฝ่ามือนั้นเข้าก็นอนหมอบกับพื้น หน้าอกเจ็บปวด เลือดสดไหลย้อยเป็นสายจากมุมปาก
สีหน้าของท่านเหล่าโหวพลันเปลี่ยน ก้าวฉับเข้าไปขวางหน้ากู้ฉังชิงเอาไว้ ยกมือขึ้นต้านฝ่ามือของกู้เย่ว์ซาน!
กู้เย่ว์ซานหมายจะใช้ฝ่ามือนี้เอาชีวิตเขา ท่านเหล่าโหวจำต้องก้าวถอย ลมหายใจถี่รัวจนแทบผิดจังหวะ พอจินตนาการได้ว่าหากกู้ฉังชิงรับฝ่ามือนี้เข้า ผลที่ตามมาคงสาหัสเพียงใด
ถังเย่ว์ซานคำรามดั่งสายฟ้าพิโรธ “บังอาจทำเรื่องอาจหาญต่อหน้าข้าถึงเพียงนี้ หากวันนี้ข้าเอาชีวิตเจ้าไม่ได้ ความแค้นในใจข้าคงไม่อาจดับลง! ถอยไป! ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าเช่นกัน!”
แน่นอนว่าท่านเหล่าโหวนั้นรู้ว่าถังเย่ว์ซานไม่ได้ขู่เขา ถังเย่ว์ซานไม่มีลูก ถังหมิงเป็นหลานชายเพียงคนเดียวของเขา คือคนที่เข้าเฝ้าทะนุถนอมมาตั้งแต่ยังแบเบาะ
ไม่ต่างอะไรกับลูกชายแท้ๆ ของเขา
ทว่าวันนี้ถังหมิงถูกกู้ฉังชิงฟันแขนต่อหน้าต่อตาเขา จะให้เขายับยั้งความแค้นนี้ได้อย่างไร
เซวียนผิงโหวเอ่ยเสียงเนิบช้า “ใต้เท้าถัง ที่นี่คือค่ายทหาร ท่านฆ่าคนในค่ายทหารเช่นนี้คงไม่ดีกระมัง”
ใช่ กู้ฉังชิงฝ่าฝืนธรรมนูญทหาร แต่หากถังเย่ว์ซานฆ่ากู้ฉังชิง เช่นนั้นแล้วเขากับกู้ฉังชิงก็ไม่ต่างอะไรกัน
แต่เขาเพิ่งจะถูกแต่งตั้งให้เป็นจอมทัพหยวนไซว่ผู้ยิ่งใหญ่ สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องมาที่เขา เขาสามารถใช้อำนาจจากตำแหน่งอภัยโทษให้แก่ตัวเอง แต่ก็ไม่อาจฆ่าแกงซื่อจื่อท่านชายใหญ่แห่งจวนโหวต่อหน้าธารกำนัลได้
ถังเย่ว์ซานกำหมัดแน่นจนเสียงกรอบดังลั่น เขามองกู้ฉังชิงด้วยสายตาอาฆาตแค้น “ใครก็ได้ พาตัวกู้ตูเว่ยไปที่ห้องสำเร็จโทษ! ประเดี๋ยวข้าผู้นี้จะไต่สวนด้วยตนเอง!”
“ขอรับ!”
องครักษ์สองคนปลดดาบของกู้ฉังชิง กุมตัวกู้ฉังชิงไปยังห้องสำเร็จโทษของค่าย
ถังเย่ว์ซานพาร่างของถังหมิงที่หมดสติไปอีกครั้งออกไป ขณะที่เดินผ่านท่านเหล่าโหว เขาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉยชา “เขาทำหมิงเอ๋อร์ของข้าเจ็บ ข้าไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่!”
ท่านเหล่าโหวยกมือขึ้นคำนับอย่างสงบนิ่ง “ข้าก็ไม่ยอมให้ผู้ใดใส่ความหลานชายของข้าเช่นกัน!”
นั่นเป็นการบอกกับถังเย่ว์ซานให้เขาเลิกคิดที่จะเล่นตุกติกในกระบวนการสอบสวน
หลังจากถังเย่ว์ซานจากไป ท่านเหล่าโหวก็เหลียวไปมองเซวียนผิงโหว เขาทำตัวราวกับตนเองมิใช่เสนาอำมาตย์ ยื่นมือเข้ามาแส่เรื่องในกองทัพเสียอย่างนั้น
เซวียนผิงโหวโบกมือปัด “ข้ารู้หรอกน่า ยามสอบสวนข้าจะไปด้วย เพียงแต่ทางที่ดีต้องถามกู้ตูเว่ยให้แน่ชัดเสียก่อนว่ายินยอมหรือไม่”
ท่านเหล่าโหว “ข้าจะถาม”
ไม่นานเซวียนผิงโหวก็กลับไป
ท่านเหล่าโหวครุ่นคิดอยู่นานสองนาน ก่อนจะหันหลังกลับไปยังห้องสำเร็จโทษ
ห้องสำเร็จโทษมิใช่คุกเสียทีเดียว เหมือนกับห้องมืดห้องหนึ่งเสียมากกว่า ภายในนอกจากแท่นฟางแล้วก็ไม่มีสิ่งอื่นใด
เซวียนผิงโหวกำชับกับเหล่าคนที่เฝ้าเวรยามห้องสำเร็จโทษไว้แล้ว จึงได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมกู้ฉังชิง
ท่านเหล่าโหวจึงเข้าไปในห้องสำเร็จโทษได้อย่างง่ายดาย
หากถังหมิงคือลูกรักของกองทัพ แล้วกู้ฉังชิงเป็นอะไรไปได้ เขาเก่งกาจเสียยิ่งกว่าถังหมิง ทั้งยังเคร่งครัดในกฎระเบียบยิ่งกว่า เป็นที่เคารพนับถือมากกว่า
ทว่าวันนี้ คนที่ไม่เคยออกนอกลู่นอกทางกลับแหกกฎจนถูกจับเข้าห้องสำเร็จโทษ ภายในใจของท่านเหล่าโหวสับสนไปหมด
“คุกเข่าลง” ท่านเหล่าโหวเอ่ย
กู้ฉังชิงตลบชายชุดขึ้น ก่อนจะคุกเข่าลงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
กู้ฉังชิงเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาไม่ใช่คนเลือดร้อนมุทะลุ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ท่านเหล่าโหวถึงได้รู้สึกว่าตั้งแต่กลับเมืองหลวงมาคราวนี้ ระหว่างเขากับกู้ฉังชิงมีฉากมีที่มองไม่เห็นขวางกั้นอยู่
แม้แต่ยามที่คุกเข่าลงก็แผ่รังสีดื้อเงียบแม้จะทำตามอย่างว่าง่าย
ท่านเหล่าโหวขมวดคิ้วมุ่น กวาดสายตามองทั่วร่างของกู้ฉังชิงด้วยความสงสัย สุดท้ายก็เอ่ยถามเรื่องที่เกิดขึ้นในค่ายทหาร “เหตุใดถึงได้วู่วามเช่นนั้น เจ้าไปเอาความกล้ามาจากไหนกัน ทำร้ายถังหมิงต่อหน้าคนมากมายขนาดนั้น หากเมื่อครู่เซวียนผิงโหวไม่เข้ามาห้ามไว้ เจ้าคงถูกถังเย่ว์ซานฆ่าตายไปแล้ว!”
กู้ฉังชิงไม่เอ่ยคำใด เอาแต่ก้มหน้าหลบตามองต่ำ เหมือนกำลังจ้องมองพื้นอันเย็นเฉียบ แต่ก็เหมือนว่าสายตานั้นว่างเปล่า
“เจ้าบอกความจริงมา เพราะเหตุใดกันแน่ ถังหมิงเคยทารุณทหารตระกูลกู้จริงรึ”
เขาคือหลานที่ท่านเหล่าโหวปลุกปั้นมากับมือ นิสัยใจคอเป็นอย่างไรท่านเหล่าโหวย่อมรู้ดี กู้ฉังชิงมีสายใยผูกพันที่ตัดไม่ขาดกับทหารตระกูล แม้เขาจะไม่เคยอยู่ในกองทหารตระกูลกู้เต็มตัว แต่กู้ฉังชิงก็คลุกคลีกับที่นั่นมาตั้งแต่เล็ก เขาเห็นตัวเองเป็นหนึ่งเดียวกับทหารตระกูลกู้
ท่านเหล่าโหวยังจำได้ชัดเจน ตอนที่เขาส่งต่ออำนาจทหาร ยกกองทหารตระกูลกู้ให้แก่ผู้อื่น กู้ฉังชิงยังปาดน้ำตาอยู่ในห้องอยู่เลย
ตอนนั้นกู้ฉังชิงยังเป็นเด็ก
เมื่อเข้ามาในค่ายใหญ่หู่ซาน ท่านเหล่าโหวกำชับย้ำอยู่หลายหนว่าทำการอันอย่าได้วู่วาม ตลอดหลายปีที่ผ่านมากู้ฉังชิงก็รักษาคำพูดอย่างเคร่งครัด
ทว่าวันนี้เหตุใดเขาถึงอดทนไม่ไหว
คนภายนอกอาจจะเชื่อเช่นนั้น แต่ท่านเหล่าโหวไม่เชื่อ
ต้องมีเหตุผลอื่นอย่างแน่นอน
ท่านเหล่าโหวเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เจ้ากับถังหมิงมีความแค้นส่วนตัวอย่างนั้นหรือ”
กู้ฉังชิงยังคงเอาแต่นิ่งเงียบเช่นเดิม
ท่านเหล่าโหวก็พลันหงุดหงิดขึ้นมา ปลดแส้ข้างเอวก่อนจะสะบัดจนเสียงดังเพียะ สายแส้ยาวตวัดฟาดลงกับพื้นจนเกิดประกายขึ้นมา ราวกับจะติดไฟอย่างไรอย่างนั้น “เจ้าปีกกล้าข้าแข็งแล้วสินะ ไม่เห็นปู่อย่างข้าอยู่ในสายตาใช่หรือไม่ ถามก็ตอบสิ!”
กู้ฉังชิงเอ่ยเสียงเรียบ “ท่านปู่จะคิดว่าเป็นความแค้นส่วนตัวก็ได้ขอรับ”
หมายความว่าอย่างไร
ท่านเหล่าโหวกัดฟัน “เช่นนั้นเจ้าก็พูด ความแค้นส่วนตัวเรื่องอันใดกันแน่”
ชื่อเสียงในกองทัพของถังหมิงผู้นี้ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่ แต่ว่าแย่ขึ้นขั้นไหน คนทำเรื่องสกปรกโสมมอันใดบ้าง คนทั่วไปก็ไม่อาจรู้ได้
กู้ฉังชิงเองไม่มีทางพูดออกไป
หากเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของกู้เหยี่ยน เขาจะไม่พูดออกไปแม้แต่คำเดียว
ท่านเหล่าโหวโมโหอย่างหนัก “ไม่พูดใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็เท่ากลับว่าเจ้าทำการโดยพลการไม่สนกฎเกณฑ์ ไม่เห็นธรรมนูญทหารอยู่ในสายตา! เชื่อหรือไม่ว่าข้าก็ลงโทษเจ้าได้เช่นกัน!”
แส้ฟาดออกไป ผิวของกู้ฉังชิงปริเปิดเป็นแนวยาว!
แววตาของท่านเหล่าโหวคมกริบดั่งมีด “รู้หรือยังว่าเจ้าทำผิดอันใด!”
กู้ฉังชิงสีหน้านิ่งเรียบ “ไม่รู้ขอรับ”
ท่านเหล่าโหวสะบัดแส้เฆี่ยนอีกครั้ง เฆี่ยนลงบนบาดแผลเดิมของกู้ฉังชิงจนเลือดไหลออกมา
“ท่านปู่!”
“พี่ใหญ่!”
เป็นกู้เฉิงเฟิงและกู้เฉิงหลิน กู้เฉิงหลินสวมหมวกใบหนึ่ง
อันที่จริงขณะที่กู้ฉังชิงกำลังไล่ต้อนถังหมิงอย่างต่อเนื่องบนสังเวียนนั้น องครักษ์ลับของเขาก็สัมผัสได้ว่าเริ่มไม่ชอบมาพากล จึงรีบกลับไปรายงานท่านเหล่าโจวที่จวน
ทว่าเมื่อท่านโหวออกมา ประจวบเหมาะกับวันนี้ที่สำนักชิงเหอหยุดเรียน ทั้งสองพี่น้องจึงอยู่ที่เรือน ด้วยเหตุนี้จึงล่วงหน้ามาแอบดูลาดเลาก่อน
ทั้งสองบุกเข้ามาในห้องสำเร็จโทษ ช่วยกันรั้งแขนซ้ายขวาของท่านเหล่าที่กำลังอารมณ์เดือดพล่าน
กู้เฉิงเฟิงเอ่ย “ท่านปู่ พี่ใหญ่เพิ่งหายบาดเจ็บ ท่านอย่าตีเขาอีกเลย!”
กู้เฉิงหลินพยักหน้า “ใช่ขอรับ ท่านปู่ พี่ใหญ่มิใช่เหล็กกล้านะขอรับ ท่านจะตีเขาสามวันเว้นห้าวันเช่นนี้ ท่านอยากเห็นพี่ใหญ่ตายหรือ”
ท่านเหล่าโหวคำรามลั่นด้วยความโกรธ “พวกเจ้าสองคนถอยไป! ไม่เช่นนั้นข้าจะตีพวกเจ้าด้วย!”
“เช่นนั้นก็ตีเลยขอรับ!” กู้เฉิงเฟิงคุกเข่าลงข้างกู้ฉังชิง
กู้เฉิงหลินย่นคอ เขากลัวอยู่ไม่น้อย แต่พอเห็นพี่ชายทั้งสองคุกเข่า เขาก็กัดฟันทำใจสู้แล้วทรุดเข่าลงข้างพี่ใหญ่
ทว่ามีเพียงเขาคนเดียวที่ยกมือขึ้นกุมหัว “ผมข้าเพิ่งจะขึ้น ท่านปู่อย่าตีหัวข้าจะได้ไหมขอรับ”
ท่านเหล่าโหว “…”
สุดท้ายท่านเหล่าโหวก็ตวาดไล่กู้เฉิงเฟิงและกู้เฉิงหลินออกไป
ทั้งสองได้ยินเสียงแส้ที่ฟาดลงบนร่างของกู้ฉังชิงจากด้านนอกห้องสำเร็จโทษ ก็กลัวจนตัวสั่นขยับไปไหนไม่ได้
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ในที่สุดประตูห้องสำเร็จโทษก็เปิดออก ท่านเหล่าโหวเดินมาออกด้วยหน้าถมึงทึง ในมือของเขายังคงกำแส้หางยาวอยู่ เส้นเอ็นหลังมือและข้อนิ้วบวมเบ่งจนแทบจะระเบิดออกมา เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ออกแรงไปไม่น้อยเลยทีเดียว