ตอนที่ 390 ถูกเปิดโปง
ตอนที่ 390 ถูกเปิดโปง
แต่เมื่อมองไปที่พี่ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ นอกจากเขาจะไม่ฟังสิ่งที่เธอพูดแล้ว เขายังไม่ยอมออกจากที่นี่อีกด้วย นั้นทำให้เจียงถงรู้สึกหวั่น ๆ
ดูเหมือนว่าเขามีเรื่องที่ต้องสนใจมากกว่านี้
เธอไม่ใช่จุดสนใจในชีวิตของเขา และเขาไม่ได้อยู่เพื่อเธออีกต่อไป
เขารักแผ่นดินใต้ฝ่าเท้าของเขาอย่างสุดซึ้ง ที่แห่งนี้เป็นที่พึ่งของผู้คนที่นี่ และทุกคนก็มีความสุขกับชีวิตที่ดีที่นี่
เขาจะไม่ละทิ้งทุกสิ่งที่นี่เพื่อเธอ
เจียงถงรู้สึกสับสนและคับแค้นใจ
เธอพยายามอดทน แต่เธอก็ทนไม่ได้อีกต่อไปและผลักเจียงอวี่อย่างแรง
“ฉันเกลียดพี่!”
“ถง…” เจียงอวี่ถูกผลักจนเซถอยหลังไปสองก้าว
เจียงถงหันมามองเขา ในขณะที่รูม่านตาคู่หนึ่งเริ่มขยายออกกว้าง จากนั้นกลิ่นอายแห่งความตายก็พุ่งออกมาปะทะเข้าที่ใบหน้าของเขา
เจียงอวี่ยืนขาแข็งอยู่กับที่ และรู้สึกว่าเลือดในร่างกายของเขากำลังไหลย้อนกลับ
เจียงถงผลักเขาออกไปและวิ่งออกจากเถาหยางเข้าไปในตรอกร้างที่คุ้นเคย และเห็นคนที่เธอเกลียดอย่าง…ฮว่าผี
ฮว่าผีได้ผู้หญิงคนหนึ่งมาจากที่ไหนสักแห่ง เธอทำการฆ่าหญิงสาวคนนั้นและกินจนไม่เหลือซาก จากนั้นก็หยิบรองเท้าของศพขึ้นมา แล้วลองสวมใส่เข้าไป เท้าขาวเนียนไร้ที่ติของฮว่าผีสวมเข้าไปในรองเท้าของผู้ตาย จากนั้นก็แสดงท่าทีที่มีความสุขออกมา
“พอดีเลย!”
เธอเงยหน้าขึ้นมองเจียงถง
“ดูเหมือนพี่ชายของเธอ จะทำให้เธอผิดหวังใช่ไหม?”
เจียงถงไม่พูดแต่จ้องไปที่อีกฝ่าย
ฮว่าผีหัวเราะ “ทำไม อยากให้ฉันช่วยคิดไหม ง่ายนิดเดียว หากเธออยากให้เขาอยู่กับเธอ ก็แค่มัดเขาไว้พาเขามาอยู่ด้วยแล้วเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง ทำไมเธอต้องไปอยู่ที่นั่นด้วย บางทีคนที่นั่นอาจจะรู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเธอ”
หลังจากพูดจบฮว่าผีก็ยิ้มและมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างระแวดระวัง เมื่อเธอเห็นอีกาโฉบลงมา เธอจึงเลียเลือดจากมุมปากของเธอแล้วพูดว่า
“ดูเหมือนว่าเธอจะถูกเปิดโปงแล้วหล่ะ”
เจียงถงเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้า
ฮว่าผีกล่าวว่า “เธอควรลงมือตั้งแต่วันนี้ ไปพาตัวเขามา ไม่สำคัญว่าเขาจะคิดยังไง ถ้าเขาไม่ยอมรับเขาก็ต้องยอมรับ เมื่อวันเวลาผ่านไปเขาก็จะเคยชินกับมันเองและค่อย ๆ ยอมรับการเป็นสัตว์เลี้ยงของเธอ”
หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็มองไปที่อีกาอีกครั้ง พร้อมกับหรี่ตาของเธอลงเล็กน้อยและมองขึ้นไปอย่างมุ่งร้าย
……
หลังจากหลิงอวี่ทำการแอบฟังเสร็จ มันก็รีบบินหนีไป
ซูเถาไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้มาก่อน มันเอาแต่ซุกหัวไว้ใต้ปีกและซ่อนตัวอยู่ในบ้านของไป๋จือหม่าไม่ยอมออกมา หลังจากเกลี้ยกล่อมเป็นเวลานาน มันก็โผล่หัวออกมา และเล่าบทสนทนาทั้งหมดที่ได้ยินออกมา
มีคำหลายคำที่มันไม่เข้าใจ แต่หลังจากฝึกฝนก็สามารถจำการออกเสียงได้อย่างสมบูรณ์ในเวลาอันสั้นและสามารถพูดออกมาซ้ำ ๆได้
หลังจากฟังการบอกเล่าของมัน ซูเถาก็เหมือนถูกฟ้าผ่า
คีย์เวิร์ดที่ติดค้างอยู่ในใจ พี่ชายมนุษย์ โดนลักพาตัว ทำวันนี้…
การคาดเดาก่อนหน้านี้ และการสอดแนมในวันนี้ เกือบ 90% ทำให้เธอแน่ใจว่าเจียงถงเป็นโบนวิงส์ตัวที่สอง
ผู้หญิงอีกคนที่หลิงอวี่เล่าก็น่าจะเป็นประเภทเดียวกัน
เมื่อโบนวิงส์ทั้งสองปรากฏขึ้นพร้อมกัน ซูเถารู้สึกว่าหัวของเธอแทบจะระเบิด และจิตใจของเธอก็รู้สึกว่างเปล่า
หลังจากที่หลิงอวี่พูดจบ มันก็ถอยกลับเข้าไปในกรงแมวและส่งเสียงร้อง
“เธอต้องการฆ่าฉัน เธอต้องการฆ่าฉัน!”
ซูเถาถามว่ามันหมายถึงอะไร แต่หลิงอวี่ไม่สามารถพูดได้ มันได้แต่พูดประโยคนี้ซ้ำ ๆ อย่างกระวนกระวายและตื่นตระหนก
ซูเถาไม่มีเวลาถาม ดังนั้นเธอจึงตรงไปหาชีอวิ๋นหลันและขอให้เธอตรวจสอบกิจกรรมทั้งหมดของเจียงถงในเถาหยางอย่างเคร่งครัด
สำหรับเหตุผล เธอเลือกที่จะเงียบและไม่อธิบายอะไร
หากทุกคนรู้ว่ามีซอมบี้อันตรายอยู่ในเถาหยาง มันอาจทำให้เกิดความวุ่นวาย และเรื่องนี้อาจส่งกระทบต่อเจียงอวี่ที่เป็นคนพาเจียงถงกลับมา
นอกจากนี้เธอยังส่งเรื่องไปยังตงหยาง
หลังจากได้ฟังการคาดเดาของเธอ เผยตงก็ถอนหายใจหนัก
“ช่วงสองสามวันมานี้ มีคนหายตัวไป 5 คนแล้ว ซึ่งรายชื่อทั้งหมดถูกบันทึกเอาไว้กับทางการเป็นที่เรียบร้อย”
เกรงว่าจะยังมีอีกหลายชีวิตที่หายไปแล้วยังหาตัวไม่พบ
ไม่พบศพ ไม่มีบันทึกการออกนอกเมือง และกล้องวงจรปิดก็ไม่ได้จับภาพที่เป็นประโยชน์ใด ๆ
คนที่หายไปดูเหมือนจะหายไปจากโลก
ในเวลานั้นเผยตงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เธอคิดไม่ถึงว่ามันเป็นซอมบี้กลายพันธุ์ระดับสูงตัวที่สอง…
เหตุร้ายที่เกิดจากโบนวิงส์นั้นน่ากลัวมากจนไม่มีใครกล้าคิดถึงมัน
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะโทรหากองกำลังปกป้องเมืองเพื่อเริ่มแผนการจับกุม”
ซูเถาส่งเสียงห้ามทันที
“เดี๋ยวก่อน ฉันคิด ๆ ดูแล้ว เราอย่าทำให้งูตกใจเป็นดีที่สุด มันน่าจะมีวิธีที่นุ่มนวลและปลอดภัยกว่านี้”
หลังจากบทสนทนาที่หลิงอวี่เล่ารวมกับการแสดงออกของเจียงถงในวันนี้… ซูเถารู้สึกว่า เจียงถงดูเหมือนจะไม่ต้องการริเริ่มที่จะทำร้ายผู้อื่น อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องการทำร้ายเจียงอวี่
เจียงถงแตกต่างจากโบนวิงส์
เธอยังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีต่อมนุษย์อยู่บ้าง แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม ซึ่งแตกต่างจากโบนวิงส์โดยสิ้นเชิง ที่มันไม่ได้ลังเลในการลงมือฆ่าคน และไร้ซึ่งความละอาย
ในทางกลับกัน ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาที่เจียงถงอยู่ในเถาหยาง เธอไม่ได้ทำร้ายใครแม้แต่ต่อหน้าเด็กชายที่ขโมยแว่นตาของเธอ เธอก็ไม่ได้สังหารอย่างรุนแรงในทันทีเพื่อระบายความโกรธ
ซูเถาต้องการเข้าใจสิ่งนี้
“พี่เผย พี่ส่งคนไปตามซอมบี้กลายพันธุ์ตัวอื่น ส่วนเจียงถงให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง เธอจะถูกส่งตัวไปที่เถาหยางเป็นการชั่วคราว”
เผยตงเป็นกังวลมาก “ซูเถา เรื่องนี้สำคัญมาก เมื่อซอมบี้กลายพันธุ์จนไปถึงขั้นสูง มันจะเริ่มฆ่า และพวกเราคงไม่สามารถแบกรับสิ่งที่ตามมาได้”
ซูเถากล่าวว่า “ใช่ เราต้องป้องกันไม่ให้พวกมันลงมือฆ่า เราไม่สามารถทำให้พวกมันขุ่นเคืองได้ พลตรีสือก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ ดังนั้นเราจึงไม่มีต้นทุนพอที่จะเสี่ยงทำให้พวกมันโกรธ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เผยตงก็ค่อย ๆ สงบลง หากไม่ทำให้พวกมันโกรธ ก็อาจจะช่วยชีวิตคนได้ไม่น้อย
หากไปยั่วยุจนพวกมันโกรธ อาจจะเกิดโศกนาฏกรรมซ้ำอย่างฐานเหอคัง
หลังจากซูเถาวางสาย เธอก็ถูหน้าแรง ๆ และหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นเธอก็เดินทางไปทำงานที่ตึกเถาหลี่ด้วยสีหน้าลำบากใจ
และในช่วงเวลานี้ ผู้อาวุโสเหม่ยและลูกศิษย์ของเขาก็กำลังหารือเกี่ยวกับทิศทางการก่อสร้างบ้านหลังใหม่ให้กับเวินม่านภรรยาสาวของลั่วเหยียนราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ซูเถาทนอย่างอึดอัดใจและทรมานจนกระทั่งเลิกงาน เธอมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ค่อย ๆ มืดลงเรื่อย ๆ สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง
แน่นอนว่าหลังจากลงไปข้างล่าง เธอก็เห็นเจียงอวี่ยืนอยู่ในความมืด เป็นร่างที่ไร้ชีวิตชีวากับหัวใจที่แตกสลาย
เจียงอวี่ดูเหมือนจะรอเธอเป็นเวลานานแล้ว และเมื่อเขาเห็นเธอออกมา เขาก็ก้าวเข้ามากอดเธอทันที
กอดนี้ไม่มีเรื่องความรู้สึกระหว่างหนุ่มสาว
เจียงอวี่สั่นสะท้านไปทั้งตัวและไม่สามารถควบคุมความเจ็บปวดของเขาได้เลย
เขาพูดอย่างสะอึกอื้นด้วยความหดหู่ใจ “ตอนบ่ายผมไปหาคุณเสิ่นมา ถามเขาว่ามันเกิดอะไรขึ้นหากโรคประจำตัวที่แพทย์วินิจฉัยว่าไม่มีทางรักษาหาย กลับดีขึ้นอย่างประหลาด และเกิดการกลายพันธุ์บางอย่างที่น่ากลัว”
“แล้วคุณเสิ่นก็พาผมไปดูโบนวิงส์”