บทที่ 359 : บาปดั้งเดิมและมารผจญใจ
บทที่ 359 : บาปดั้งเดิมและมารผจญใจ
สำหรับชาร์ล็อตต์ หรือใครก็ตามที่อยู่ในงานเลี้ยงโลหิตแล้วถูกไวลด์บังคับให้อ่าน ‘นิกายกลืนศพ : พิธีกรรมและขนบธรรมเนียม’
ซึ่งหลินเจี๋ยเป็นผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ก็คือพระเจ้าที่แท้จริงของพวกเขา!
ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้แต่งหนังสือหรือผู้เผยแพร่ ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าตัวจริงหรือแค่ผู้เผยแพร่วจนะแห่งพระเจ้า
สำหรับพวกเขามันไม่มีความหมาย เพราะพระเจ้าอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว และแค่นั้นก็เพียงพอ…
ดังนั้นภาพก่อนหน้านี้ที่มากพอจะฉีกทุกการรับรู้เข้าใจของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทั่วไป ในสายตาชาร์ล็อตต์จึงเป็นแค่อภินิหารที่พระเจ้าสร้าง เป็นการสำแดงฤทธาของพระเจ้า ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ และควรค่าเพียงชื่นชมสรรเสริญ
และตอนนี้ จากหนังสือที่ทำให้พวกเธอได้พบพระเจ้า หนังสืออีกเล่มที่มีอำนาจและวาสนาก็มาปรากฏตรงหน้าเธออีกครั้ง!
‘ของขวัญจากพระเจ้า’ ‘พรศักดิ์สิทธิ์’ ‘ปาฏิหาริย์’ ไม่ว่าจะใช้คำใดมานิยาม นี่ก็เป็นหลักฐานว่าเธอเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปรานและมีคุณสมบัติครบถ้วนในการเป็นสาวก
ความคลั่งไคล้ในใจของชาร์ล็อตต์ลุกโชนราวคบเพลิง ทุกการเต้นของหัวใจเกิดขึ้นเพื่อตัวตนที่อยู่ตรงหน้าเธอเท่านั้น
มือที่ถือหนังสือของเธอไม่สั่นเลย เพราะมันเป็นของขวัญจากพระเจ้า และไม่ว่าเธอจะตื่นเต้นแค่ไหนก็ไม่อาจหมิ่นพระเจ้าได้ และเธอต้องรับมันมาด้วยกิริยาที่สำรวมที่สุด
‘บาปดั้งเดิมและมารผจญใจ’
ชาร์ล็อตต์อ่านชื่อของหนังสือในใจ ยื่นมือออกไปลูบปกหนังสือที่ทำจากหนังสีแดงเข้ม
ลวดลายวังวนที่ปกดูเหมือนเป็นดอกไม้ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนชนิดหนึ่ง ดอกไม้สีดำดอกนี้มีกิ่งก้านที่ดูเหมือนเส้นเลือด และเมื่อสัมผัสก็จะให้ความรู้สึกลวง ๆ เหมือนกับมันนูนขึ้นมา หรือกระทั่งเต้นตุบๆ
หนังสือเล่มนี้ดูเหมือนชิ้นเนื้อซึ่งถูกควักออกมาจากส่วนไหนสักส่วนที่มีเส้นเลือดเกี่ยวกระหวัดอยู่
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก…!
ชาร์ล็อตต์ได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้น และเส้นเลือดใต้นิ้วของเธอก็กำลังเต้นด้วยจังหวะใกล้เคียงกัน
และจังหวะการเต้นของทั้งสองก็ค่อย ๆ ประสานเป็นหนึ่งเดียวตามกาลเวลา
เสียงที่เด็กสาวไม่เคยได้ยินมาก่อนดังขึ้นในใจของเธอ เธอบอกว่าตัวเองเป็นวิญญาณแค้นของตัวตนหนึ่งที่ถูกเรียกว่าแม่มดแห่งบาปดั้งเดิมซึ่งล่วงลับไปแล้ว…
“นี่คือหนึ่งในหนังสือทดลองขายที่แต่เดิมผมวางแผนให้บริษัทโรลล์ขายแทนผม แต่ผมคิดว่ามันเหมาะกับคุณมาก อย่างไรเสียผมก็กะจะขายมันอยู่แล้ว คิดว่าคุณหนูจี้คงไม่คิดมากหรอกถ้าผมจะให้มันโผล่ขึ้นมาก่อนเวลา”
หลินเจี๋ยเริ่มขายหนังสืออย่างทุกที “คุณชาร์ล็อตต์ชอบอ่านหนังสือประเภทไหนครับ? คุณอ่านหนังสือนิยายเกี่ยวกับอารมณ์บ้างหรือเปล่า?”
แม้ว่าเธอจะเป็นผู้ดี แต่ชีวิตวัน ๆ คงไม่ได้มีแต่การสื่อสารเข้าสังคมอย่างเดียวหรอก แน่นอนว่าย่อมต้องมีกิจกรรมบันเทิงมากมายในเวลาว่าง อย่างน้อยเธอก็น่าจะเคยได้อ่านนิยายดัง ๆ หรือดูละครรักบ้างแหละ
จากการวิจัยตลาดที่หลินเจี๋ยเคยทำเพื่อขายหนังสือ ดูเหมือนว่าการอ่านหนังสือในยามว่างจะค่อนข้างแพร่หลายในหมู่ผู้ดี
สาวน้อยวัยแบบชาร์ล็อตต์ก็น่าจะเป็นผู้อ่านหนังสือประเภทนี้กันมากที่สุด
ทว่ามันก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าเธอจะไม่ใช่เด็กดีที่เอาแต่เรียน ดังนั้นหลินเจี๋ยจึงยังใช้คำพูดคลุมเครือแล้วถามสุ่ม ๆ
โชคดีที่ชาร์ล็อตต์ไม่ได้แหวกกระแสภาพรวม แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมเจ้าของร้านหลินถึงพูดแบบนี้ออกมา เด็กสาวผมบลอนด์ก็ได้สติแล้วพยักหน้าอย่างนอบน้อม ก่อนจะตอบอย่างซื่อตรง “เพราะฉันต้องสื่อสารกับผู้หญิงคนอื่น ฉันเลยอ่านหนังสือแบบนั้นมาบ้างเพื่อหาหัวข้อสนทนาที่ตรงกัน แต่ฉันไม่ได้สนใจมันจริง ๆ หรอกค่ะ”
หลินเจี๋ยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่ต้องสนใจก็ถูกแล้วครับ! หนังสือที่ไม่มีสาระพวกนี้ไม่ควรค่าให้อ่านเลย และคุณก็ไม่จำเป็นต้องไปเอาใจใครด้วย ผมเห็นนะว่าคุณเป็นคนแน่วแน่มาก และไม่อยากจะเป็นแค่ไม้ประดับฉาก”
เขามองไปที่เหล่าสตรีสูงศักดิ์ที่ดูเปล่งประกายงดงามรอบ ๆ ห้อง แต่ก็เป็นได้แค่แจกันประดับฉากแล้วพูดเสียงต่ำ “การเป็นเหมือนพวกเขาที่ใช้ชีวิตสวยงามธรรมดาไปวัน ๆ คงไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการใช่ไหมล่ะครับ?”
อันที่จริง จากข้อเท็จจริงที่สาวชั้นสูงฐานะดีอย่างชาร์ล็อตต์มาเป็นผู้ช่วยให้นักวิชาการไร้ชื่อจน ๆ อย่างไวลด์ ก็เห็นได้แล้วว่าเธอต่อต้านชีวิตดั้งเดิมของเธอแค่ไหน?!
ยิ่งกว่านั้น เธอยังเรียนสาขาวิชาที่ไม่แพร่หลายอย่างคติชนจากหลินเจี๋ยอีก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอมีความปรารถนาอันบริสุทธิ์ต่อความรู้อยู่ในใจ
ถ้าอยากประทับใจลูกค้า เราก็ควรพูดให้ตรงกับใจของพวกเขา
สีหน้าของชาร์ล็อตต์ดูตื้นตันใจจริง ๆ ท่าทางการเชิดหน้าแต่เดิมของเธอก็ดูราวกับเป็นแค่หน้ากาก แม้ว่าความรู้สึกของเธอจะลึกล้ำและอบอุ่น มันก็ดูเหมือนดอกทานตะวันที่หันมองดวงอาทิตย์เสมอ เธอหันหน้าสู้ดวงอาทิตย์เพื่อตามหาเงื่อนไขที่จำเป็นในการอยู่รอดของเธอเองเช่นกัน
ในตอนนี้ หน้ากากของเธอแตกสลาย เธอลดศีรษะลง ดวงตาของเธอก็อ่อนโยนขึ้นราวกับเป็นดอกไม้ที่หวังให้สายลมพัดมาเบา ๆ
“อืม…แค่ยิ้ม พูดเพ้อเจ้อคำเดิม ๆ หรือเสแสร้งเล่นละครกับทุกคนที่ดูไม่ต่างกันทุกวัน ฉันไม่ชอบชีวิตที่น่าเบื่อแบบนั้นหรอกค่ะ”
“ฉันเบื่อที่จะทำตัวเหมือนเดิมทุกวันทุกคืน ฉันไม่อยากเป็นเหมือนพวกเขา ฉันอยากเป็นคนที่ฉันอยากจะเป็นค่ะ”
นี่คือเหตุที่เธอมาเป็นนักเวทมนตร์ดำและเข้าร่วมกับงานเลี้ยงโลหิต
เธอไม่จำเป็นต้องยิ้มเพื่อรักษามารยาท หรืออดทนกับผู้ชายที่เธอไม่ชอบ…
การฆ่าและเดินบนเส้นแบ่งความเป็นความตาย ศัตรูที่น่าตื่นเต้นพวกนั้น การที่ผู้แข็งแกร่งกินผู้อ่อนแอและใช้กลอุบายร้ายกาจเพื่อสังหารผู้อื่น นี่แหละชีวิตที่เธอต้องการ!
บางครั้ง มนุษย์ที่ชื่อชาร์ล็อตต์คนนี้จะรู้สึกเหมือนเธอเป็นแค่ปีศาจในคราบมนุษย์ และเธอจะเป็นตัวเองได้แค่ในตอนที่เธออยู่ในนาม ‘เกล็ดหิมะ’ เท่านั้น
แต่เธอก็ไม่สามารถทิ้งตัวตนทางโลกของเธอได้โดยสิ้นเชิง เพราะเธอยังไม่แข็งแกร่งพอ ทรัพยากรทางการเงินและวัตถุดิบอื่นๆ จากครอบครัวของเธอก็ยังสามารถช่วยเหลือเธอได้มากอยู่
หลินเจี๋ยลูบหัวเธอด้วยรอยยิ้ม แล้วกล่าวว่า “ความคิดของคุณดีมากครับ ที่จริงแล้วทุกคนก็ล้วนใช้ชีวิตอยู่ในหน้ากาก คนบางคนเปลี่ยนเป็นเย่อหยิ่งเมื่อได้ขึ้นที่สูง และคนบางคนก็ใจแคบและดื้อด้านจนหยิ่งผยอง มันก็จะกลายเป็นอคติ และการทำลายสิ่งเหล่านี้เท่านั้นที่เราจะสามารถเป็นตัวเราที่แท้จริงได้”
ชาร์ล็อตต์ถาม “พวกนี้…เป็นบาปดั้งเดิมเหรอคะ?”
หลินเจี๋ยผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ใช่แล้วครับ ความหยิ่งผยองและอคติ หรือความปรารถนาอื่น ๆ ที่ก่อตัวขึ้นในใจของผู้คนคือบาปดั้งเดิมที่เกิดมาพร้อมกับตัวตน และตามติดมาด้วยปัญญา”
“มันเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ และยังหมายความว่าสิ่งที่คนอื่นเห็นจะไม่มีทางเป็นตัวคุณที่แท้จริง แต่คุณต้องรู้ความคิดของตัวเองให้ดี รู้และเข้าใจตัวเองให้ดี และไม่ถูกคนอื่นควบคุม ไม่อย่างนั้นหัวใจของคุณจะถูกหลอกครับ”
หลินเจี๋ยขยิบตาให้ชาร์ล็อตต์ “แต่ว่าปรากฏการณ์เหล่านี้ก็ยังเป็นหัวข้อที่ควรค่าแก่การศึกษา และเกี่ยวพันลึกซึ้งกับจารีตของมนุษย์ด้วยนะครับ ถ้าคุณต้องการ หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว คุณไปฝึกสิ่งที่ผมเพิ่งบอกกับใครสักคนก็ได้ ส่วนวิธีศึกษาก็คือดูว่าทำไมผู้คนจึงมีความรู้สึกเหล่านี้”
“ที่คุณเพิ่งบอกไป…ขุดมันออกมาแล้วย่อยมันเหรอคะ?”
ถ้าอย่างนั้น หน้าที่ในอนาคตของเธอก็คือการขุด ‘บาปดั้งเดิม’ ในใจของคนเหล่านั้นออกมากิน?
ชาร์ล็อตต์มองลวดลายที่เหมือนกับเลือดเนื้อบนหนังสือเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่พร่ามัวของผู้หญิงคนหนึ่ง และเมื่อเธอได้ยินเสียงตอบรับ เธอก็พยักหน้าในใจอย่างตื่นเต้น “ค่ะ ฉันจะทำ”
เด็กสาวถือหนังสือด้วยท่าทางว่านอนสอนง่าย ทำให้หลินเจี๋ยรู้สึกดีที่ทำตัวเป็นประโยชน์ เขาพูดต่อ “ถ้าระหว่างการเรียนมีอะไรที่คุณไม่เข้าใจ ถามผมได้เลยนะครับ”
ชาร์ล็อตต์กล่าว “เข้าใจแล้วค่ะ”
หลินเจี๋ยพอใจมากกับประสิทธิภาพการขายหนังสือของเขา เขาตบบ่าชาร์ล็อตต์แล้วกำลังจะลุกไปหาเครื่องดื่ม แต่ทันใดนั้นเสียงของบริกรก็ดังขึ้น
ปรากฏว่าในที่สุดงานช่วงเช้าก็จบลงแล้ว และได้เวลาอาหารเที่ยง ครั้งนี้จะจัดขึ้นที่ชั้นแรกของอาคารอีกหลังในคฤหาสน์
และที่สำคัญที่สุดคือ ได้เวลามอบของขวัญวันเกิดแล้ว!