บทที่ 360 เธออิจฉาฉันเหรอ

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 360 : เธออิจฉาฉันเหรอ?
บทที่ 360 : เธออิจฉาฉันเหรอ?

“ดูเหมือนว่าเวลาแห่งความสุขมักจะสั้น มื้อเที่ยงมาถึงไวจังนะครับ?”

หลินเจี๋ยวางเครื่องดื่มที่เขาเตรียมใช้ดับกระหายด้วยความเสียดายเล็กน้อย

เขากำลังเตรียมตักซุปไก่มาเยียวยาจิตใจอยู่แล้วเชียว แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะใช้เวลาตลอดช่วงเช้าในการแค่คุยเล่นกับว่าที่ลูกค้าทั้งสามอย่างเดียว

วันที่รื่นเริงแบบนี้หาไม่ได้ในร้านหนังสือ

มันทำให้เขารู้สึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าเขากำลังเข้าร่วมงานเลี้ยงอยู่จริง ๆ

“เอาล่ะ ไปให้ของขวัญกันก่อนดีกว่าครับ”

หลินเจี๋ยหันไปหาเฟจและเกร็ก จากนั้นก็เดินไปยังสถานที่จัดงานกลางวันด้วยกัน

ต้องพูดว่าคนรวยเละเหล่านี้ใช้คำว่าหรูหราและความเพลิดเพลินถึงขีดสุดจริง ๆ!

ความซับซ้อนของสิ่งปลูกสร้างในคฤหาสน์นี้กระจัดกระจายกันและคั่นด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติอันงดงามจากฝีมือมนุษย์ ดังนั้นแขกเหรื่อที่เดินทางไปมาระหว่างอาคารจึงไม่รู้สึกเบื่อ

…แม้การเดินไปเดินมาในคฤหาสน์ใหญ่ยักษ์นี้จะเหนื่อยเอาการ แต่บางทีนี่คงเป็นราคาที่สังคมชั้นสูงต้องจ่าย

แต่ว่าฉากหิมะตกที่หาได้ยากนี่ก็ควรค่าให้ชื่นชมจริง ๆ เหนื่อยไปก็ไม่เป็นไรหรอก

หลินเจี๋ยคิดอย่างอารมณ์ดี

เขายื่นมือออกไปรับหิมะที่ตกลงมาแล้วมองขึ้นไปบนฟ้าสีเทาที่ดูขมุกขมัว หิมะสีขาวขนาดใหญ่เสียจนเขาต้องถือร่ม เมฆหนามีร่องรอยราวกับพายุหิมะกำลังก่อตัวอยู่ไกล ๆ

ในฐานะเมืองที่สร้างโดยมนุษย์ นอร์ซินจึงแทบไม่มีความผันผวนของสภาพแวดล้อมอย่างมากมายนักเนื่องจากอยู่สูงจากพื้นดินมากและมีเครื่องควบคุมอุณหภูมิสร้างฝังไว้ในระบบเครือข่ายท่อระบายน้ำ

อย่างน้อยที่สุดก็ในช่วงสามปีที่ผ่านมา หลินเจี๋ยก็แทบไม่ได้เห็นหิมะตกมากมายอะไรเลย มีแค่หิมะตกในช่วงสั้น ๆ ของแต่ละปี…เขายังเคยนึกสงสัยด้วยว่าโลกนี้จะมีหิมะหรือเปล่า?

หลินเจี๋ยอดไม่ได้ที่จะคิดถึงฝนตกหนักเมื่อหลายเดือนก่อน และครุ่นคิดว่านี่จะเป็นผลที่ตามมาของฝนเมื่อครั้งนั้นหรือเปล่า?

“ชาร์ล็อตต์?” เสียงผู้หญิงเสียงหนึ่งพลันดังมาจากด้านข้าง

หลินเจี๋ยหันไปมองแล้วก็เห็นเด็กสาวในชุดเดรสคนหนึ่งเดินยิ้ม ๆ เข้ามาหาชาร์ล็อตต์ที่เดินอยู่ข้างกายเขา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรที่คำนวณมาอย่างดี “เป็นเธอจริง ๆ ด้วย ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกันที่นี่ เขาว่ากันว่าเธอเกือบถูกกักบริเวณในเร็ว ๆ นี้เพราะไปติดต่อกับใครก็ไม่รู้ แถมฉันก็ไม่เห็นเธอในงานเต้นรำเปิดงานเลี้ยงเมื่อวานด้วย ฉันเลยคิดว่าจะไม่ได้เจอเธอที่งานเลี้ยงนี้ซะแล้ว”

“ฉันได้ยินคนพูดว่าเจอเธอที่นี่ ฉันเลยมาหาทันทีเลย ดีแล้วล่ะที่เธอสบายดี…”

เด็กสาวในชุดเดรสประสานมือแล้วเอียงคอราวกับเพื่อนแสนดีที่โล่งใจ แล้วจากนั้นก็หันมามองหลินเจี๋ยที่ข้างตัว “ว่าแต่นี่ใครเหรอ?”

โอ้…ดูเหมือนว่าจุดประสงค์จริง ๆ จะเป็นเขาแฮะ?

หลินเจี๋ยลูบคางยิ้ม ๆ และไม่ได้พูด

แม้ว่ามันจะเป็นรอยยิ้มธุรกิจ แต่เด็กสาวตรงหน้าเขาก็ดูจะมีระดับทักษะเสแสร้งต่ำเกินไป เธอเดินมาคุยโดยอ้างความเป็นห่วง แต่ก่อนที่เพื่อนของเธอจะทันตอบกลับไป เธอก็ดันหันมาถามถึงคนแปลกหน้าข้าง ๆ ตัวเสียแทนว่าเป็นใคร

ในฐานะเพื่อนที่ดี เวลาที่เธอใช้เป็นห่วงเป็นใยกันดูจะสั้นเกินไป…

แต่แม้ว่าหลินเจี๋ยจะอดบ่นไม่ได้ อีกฝ่ายดูจะเป็นคนรู้จักของชาร์ล็อตต์อยู่ดี ดังนั้นการพูดออกไปจึงไม่สุภาพ

ปล่อยให้เด็กสาวไปจัดการกันเอาเองแล้วกัน

ชาร์ล็อตต์ได้รับสายตาให้กำลังใจและท่าทีสงบนิ่งจากหลินเจี๋ย แล้วเธอก็ข่มความเทิดทูนในสายตาต่อหลินเจี๋ยไว้ทันที

เธอไม่แม้แต่จะยิ้มเสแสร้งอย่างที่เธอเคยทำให้อีกฝ่าย แต่แค่พูดอย่างเฉยชา “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอเลยนะ ไดแอนน์”

เธอเข้าใจว่าเจ้าของร้านหลินหมายความว่าอย่างไร สิ่งแรกที่เธอต้องทำก็คือหาคนมาฝึกฝนหลังจากตั้งหัวข้อการศึกษา

ใช่แล้ว นี่ต้องเป็นการร้อยเรียงของเจ้าของร้านหลิน

สาวสูงศักดิ์นามว่าไดแอนน์ตรงหน้าเธอก็คือ ‘เพื่อนซี้’ ของตัวตนชาร์ล็อตต์ที่เธอเป็นในอดีต ไม่ว่าใครก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองดีมาก แต่…ทั้งคู่ต่างก็รู้ดีว่าต่างฝ่ายต่างหาผลประโยชน์จากกันและกัน

ชาร์ล็อตต์ ในฐานะสาวงามผู้เย็นชา ดอกไม้บนภูเขาสูง การที่เธอสามารถเข้ากับแวดวงสังคมได้ดีย่อมไม่ใช่เพราะรูปลักษณ์ของเธอ แม้ว่าเธอจะเย็นชาแต่ก็ไม่ได้หลีกสังคม จึงเป็นปกติที่เธอจะแสดงออกโดยการใช้ ‘เพื่อนสนิท’ อย่างไดแอนน์

ตราบใดที่มีสิ่งที่สามารถ ‘ทำให้ประทับใจ’ ได้ สองฝ่ายก็สามารถพูดคุยได้ตามปกติ และแสดงความ ‘น่ารัก’ ที่ต่างจากรูปลักษณ์ออกมาโดยไม่ทำลายภาพลักษณ์เดิมได้

ส่วนไดแอนน์ เธอก็แค่ใช้ชื่อเพื่อนสนิทของสาวงามผู้เย็นชาอย่างชาร์ล็อตต์เพื่อป่าวประกาศความใจดีและความงามของเธอที่สามารถทำให้แม้กระทั่งก้อนน้ำแข็งหวั่นไหวได้ให้คนอื่นรับรู้

การรวมตัวกันแบบนี้ถูกพูดถึงมากที่สุด และย่อมเพิ่มรัศมีแห่งชื่อเสียงให้ทั้งสอง

มันช่างเสแสร้ง น่าเบื่อ ส่อนัย และทุกคนก็แค่เต้นรำไปรอบ ๆ กับดักเท่านั้น

แต่ตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว ที่จริงแล้วเราก็ไม่เห็นต้องเสแสร้งเลย… ตราบใดที่เราแข็งแกร่งพอ เราก็เป็นตัวเองได้

ชาร์ล็อตต์สัมผัสได้ว่าหนังสือที่ตัวเองกอดไว้แนบอกกำลังสอดประสานกับอารมณ์ของเธอเอง มันเต้นอย่างมีชีวิตชีวา ทำให้สมองของเธอปลอดโปร่งและตื่นเต้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

นี่จะเป็นก้าวแรกของเธอในการกะเทาะเปลือกนี้ออกโดยสมบูรณ์…

สีหน้าของไดแอนน์แข็งค้างก่อนจะกลับเป็นปกติในทันที เธอพูดเบา ๆ ว่า “เธอจะบอกว่ามันไม่เกี่ยวกับฉันได้อย่างไรจ๊ะ? ฉันเป็นเพื่อนซี้เธอนะ… ฉันก็แค่เป็นห่วงและอยากรู้เท่านั้นเองว่าเธอไปเจอใครมา”

เอิ๊ก! กลิ่นสะตอแรงเว่อร์!

หลินเจี๋ยออกความเห็นอย่างเพลิดเพลินในใจ และสังหรณ์ว่านี่จะกลายเป็นละครมิตรภาพระหว่างเพื่อนสนิทสวมหน้ากากที่พังทลายลง

แต่สำหรับสาวน้อยผู้มีความสามารถและมีอุดมการณ์แน่วแน่อย่างชาร์ล็อตต์ การติดอยู่ในสถานการณ์กระอักกระอ่วนในสังเวียนสังคมไม่ใช่เรื่องดี และการออกจากสถานการณ์นี้ให้เร็วที่สุดก็คือทางออกที่ถูกต้อง

เธอต้องการยาขมที่จะตัดความยุ่งเหยิงนี้ออกไป

ชาร์ล็อตต์หันไปพูดกับหลินเจี๋ยอย่างนอบน้อม “ขออภัยที่รบกวนเวลาของคุณจริง ๆ ค่ะ ขอฉันจัดการเรื่องนี้เองที่นี่เถอะนะคะ”

หลินเจี๋ยตบบ่าเธอ แม้ว่าเขาจะอยากดูละครหลังข่าวแบบนี้จริง ๆ ก็ตาม แต่เขาก็เห็นได้ชัดว่าชาร์ล็อตต์ไม่อยากให้คนอื่นมาเห็นเรื่องส่วนตัวของเธอ เขาจึงพูดว่า “ให้ผมช่วยนำของขวัญไปส่งไหมครับ?”

ชาร์ล็อตต์ส่ายหน้า “ฉันให้คนใช้ของฉันนำไปให้ก่อนแล้วค่ะ”

หลินเจี๋ยพยักหน้าแล้วยิ้ม “จำที่ผมพูดได้ใช่ไหมครับ?”

ชาร์ล็อตต์มองตาหลินเจี๋ยแล้วกล่าวว่า “ความหยิ่งผยองและอคติ หรือความปรารถนาอื่น ๆ ที่ก่อตัวในใจของผู้คนคือบาปดั้งเดิมที่เกิดมาพร้อมกับตัวตน และตามติดมาด้วยปัญญา…”

“ต่อหน้าคนอื่น ฉันจะไม่มีทางเป็นตัวฉันจริง ๆ ได้ ฉันต้องรู้จักตัวเอง รักษาอาการ หาตัวตนที่แท้จริง และ…ขุดบาปดั้งเดิมพวกนั้นออกมาย่อย จากนั้นก็เติมเต็มตัวฉันเองค่ะ”

หลินเจี๋ยพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ดูเหมือนว่าคุณจะเข้าใจได้ดีมากเลยนะครับ นี่คือหัวข้อที่คุณจะเน้นศึกษาในอนาคต ผมหวังว่าคุณจะประสบความสำเร็จได้ และหวังด้วยว่าคุณจะกำจัดโซ่ตรวนของคุณเองได้…เอ่อ…เกือบได้เวลาแล้ว ผมต้องไปพบคุณหนูจี้ก่อนนะครับ”

ชาร์ล็อตต์ส่งเสียงรับในคอแล้วมองหลินเจี๋ยจากไป

เมื่อไดแอนน์ได้ยินบทสนทนา ตอนแรกเธอก็ไม่แน่ใจ แต่เมื่อเห็นบุคคลที่เธออยากติดต่อเดินจากไป เธอก็ร้อนใจแล้วอยากหยุดเขาไว้

ชาร์ล็อตต์ก้าวเข้ามาสองก้าว จ้องหน้าเด็กสาวแล้วถามเสียงต่ำ “ไดแอนน์ เธอ…อิจฉาฉันเหรอ? อิจฉาที่ฉันนำหน้าเธอหนึ่งก้าวอีกแล้ว ที่ฉันหาคู่สนทนาที่ลึกลับและมีเบื้องหลังมากกว่าได้ และเธอทำได้เพียงมองจากข้าง ๆ?”

สีหน้าของไดแอนน์บิดเบี้ยวไปครู่หนึ่ง แต่ก็ทำได้เพียงเผยรอยยิ้มอ่อนโยนจอมปลอม หัวใจของเธอก็เจ็บแปลบ

“เธอ…”

เธอเบิกตากว้างมองหนังสือที่ชาร์ล็อตต์กอดไว้แนบอกกำลังเปลี่ยนไปเป็นก้อนเนื้อก้อนเลือดรูปร่างแปลก ๆ รากเส้นเลือดฝังลึกเข้าไปที่ใจกลางร่างของชาร์ล็อตต์แล้ว และตรงกลางก็แยกออกเผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคมเต็มไปหมด

ลิ้นหนาที่แยกเป็นแฉกแลบออกมาจากใจกลางปากนั้น เสียบเข้าไปในหัวใจของไดแอนน์แล้วควงวนด้านใน

ราวกับกำลังพยายามขุดบางอย่างออกมา…