ตอนที่ 399 เรื่องดีๆ ที่ได้รับโดยไม่ต้องเปลืองแรง (5)

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

ตอนที่ 399 เรื่องดีๆ ที่ได้รับโดยไม่ต้องเปลืองแรง (5)

หมัวมัวทำตามคำสั่ง ไม่นาน องค์หญิงอวี้เหอที่แต่งกายอย่างสง่างามเดินย่างกายเข้ามา

“อวี้เหอถวายบังคมเสด็จแม่เพคะ!”

“อวี้เหอมาดูเร็ว แม่ตัดแต่งดอกไม้นี้ได้งดงามหรือไม่” ฮองเฮาถึงขั้นโบกมืออย่างกระตือรือร้นให้องค์หญิงอวี้เหอเดินมาดูผลงานของตน

ตอนที่องค์หญิงอวี้เหอเห็นกระถางดอกไม้ที่เสด็จแม่ของนางตัดแต่ง รูม่านตาของนางหดเล็กครู่หนึ่ง แต่ยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม “เสด็จแม่ตัดแต่งได้งดงามยิ่งนักเพคะ หม่อมฉันไม่มีความสามารถด้านนี้แม้แต่น้อย”

เมื่อฮองเฮาได้ยิน ก็พอใจอย่างมาก!

หลังจากมองกระถางดอกไม้นั้นครู่หนึ่ง ฮองเฮาก็ยิ้มบางๆ

โดยไม่รู้เลยว่า ดอกโบตั๋นบานสะพรั่ง ที่เดิมทีงดงามยิ่งนัก เวลานี้ถูกฮองเฮาตัดแต่งจนเหลือแค่กิ่งที่เกลี้ยงเกลา เหลือเพียงดอกโบตั๋นดอกใหญ่ที่สุดด้านบนเพียงหนึ่งดอก!

หมายความว่าอย่างไร ฮองเฮาไม่เพียงไม่ต้องการดอกอื่นๆ ที่สีสันหม่นหมองคอยช่วยประดับ แม้แต่ใบไม้สีเขียว ฮองเฮาก็ไม่ต้องการ!

สิ่งที่ฮองเฮาต้องการ มีเพียงดอกโบตั๋นดอกเดียวเท่านั้น!

แต่เห็นชัดว่าเรื่องสำคัญของสองแม่ลูกไม่ใช่ดอกโบตั๋นเท่านั้น ทั้งสองเดินออกมาจากตำหนักข้าง ไปยังโถงหลัก หมัวมัวส่งสายตาไล่นางกำนัลที่คอยดูแลรับใช้ออกไปให้หมด ตัวนางเองก็เดินออกไป เปิดทางให้สองแม่ลูก…วางแผน!

เห็นคนออกไปกันหมดแล้ว องค์หญิงอวี้เหอรีบนั่งลงตรงหน้าฮองเฮา แล้วเอ่ยถาม “เสด็จแม่ เสด็จแม่รับสั่งให้ลูกมาเข้าเฝ้าในครั้งนี้ มีอะไรจะรับสั่งหรือไม่เพคะ”

“อืม แม่เพียงคิดถึงเจ้าก็เท่านั้น วันเข้ารับพิธีปักปิ่นของหญิงชั้นต่ำ เจ้าไปจวนกั๋วกง จัดการหญิงชั้นต่ำให้เรียบร้อย ไม่ต้องเกรงใจ!”

ฮองเฮาไม่ต้องพูดให้กระจ่างชัด องค์หญิงอวี้เหอก็รู้ว่าหญิงชั้นต่ำที่ฮองเฮากล่าวถึงคือใคร

นางครุ่นคิด หลังจากองค์หญิงอวี้เหอคิดพิจารณาครู่หนึ่ง นางก็พยักหน้ารับปาก!” “เสด็จแม่โปรดวางใจ ครั้งนี้ ลูกจะทำให้หญิงชั้นต่ำคนนั้นรับผิดชอบสิ่งที่นางกระทำ!”

มั่วเชียนเสวี่ยคนนี้ไม่เพียงน่ารังเกียจ ทั้งยังน่าเกลียดชัง! ไม่ว่าจะเพราะเรื่องส่วนตัวหรือส่วนรวม พวกนางก็ต้องกำจัดมั่วเชียนเสวี่ยทิ้ง!

ความเป็นจริงไม่อาจตำหนิที่ฮองเฮาและองค์หญิงอวี้เหอเห็นมั่วเชียนเสวี่ยเป็นหนามตำตา เป็นเสี้ยนหนามที่ทิ่มแทงหัวใจ!

เพราะเรื่องเมื่อคราวก่อนทำให้ฮองเฮาถูกฮ่องเต้ลงโทษโดยการคัดคุณธรรมสตรี คัดข้อห้ามสตรีและสตรีตัวอย่างสามร้อยจบ กระทั่งตอนนี้ฮองเฮาก็ยังคัดไม่เสร็จ!

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุด เรื่องสำคัญที่สุดคือเพราะเรื่องนี้ทำให้ฮองเฮาอับอายขายหน้า! ไม่ได้มีเพียงอวี้กุ้ยเฟยมาเย้ยยันถึงตำหนัก สนมคนอื่นๆ ที่ปกติไม่อยู่ในสายตาของนางก็อ้างว่ามาน้อมทำความเคารพนาง แต่ความเป็นจริงคือมาเย้ยหยัน…

ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้ เป็นเพราะหญิงชั้นต่ำมั่วเชียนเสวี่ย!

ความคิดขององค์หญิงอวี้เหอเรียบง่ายกว่ามาก นางแค่ริษยา แค่ริษยาเท่านั้น!

ริษยามั่วเชียนเสวี่ยที่ได้หน้าได้ตาในงานเลี้ยงดอกท้อ ริษยามั่วเชียนเสวี่ยที่ได้เป็นที่ชมชอบของหนิงเซ่าชิง! ส่วนนาง…กลับต้องสูญเสียหนิงเซ่าชิง!

ดังนั้น มั่วเชียนเสวี่ยจึงเป็นศัตรูอันดับหนึ่งของพวกนางสองคนแม่ลูกอย่างไม่ต้องสงสัย!

……

วันเวลาที่มีความสุข มักจะผ่านไปไว เพียงชั่วพริบตา ก็ถึงวันที่สิบห้าเดือนห้าซึ่งเป็นพิธีปักปิ่นของมั่วเชียนเสวี่ย

ในจวนกั๋วกง เตรียมพร้อมทุกอย่างตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว เพราะถึงอย่างไรนี่คืองานใหญ่งานหนึ่งในชีวิตของคุณหนูของพวกนาง เมื่อผ่านวันนี้ไป คุณหนูของพวกนางก็กลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว!

มั่วเหนียงตื่นแต่เช้า จุดธูปคำนับท่านกั๋วกงและฮูหยินกั๋วกงที่ล่วงลับไปแล้ว

แม้มั่วเชียนเสวี่ยไม่ถาม ก็รู้ว่ามั่วเหนียงจะอธิษฐานให้ท่านพ่อและท่านแม่ของนางที่ล่วงลับไปแล้วคุ้มครองให้นางปลอดภัย มีความสุขและสุขภาพแข็งแรง

ก่อนหน้านี้เพราะเรื่องเชิญคนมาร่วมพิธีปักปิ่น เชิญผู้ใดมาบ้างคนตระกูลมั่วและสามพี่น้องตระกูลมั่วเป็นคนรับผิดชอบ ดังนั้นมั่วเชียนเสวี่ยจึงไม่มีอะไรให้ต้องกังวล

โชคดี แม้คนตระกูลมั่วจะไม่อยากให้มั่วเชียนเสวี่ยได้ดิบได้ดี แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่กล้าเอาชื่อเสียงของตระกูลมาล้อเล่น

พวกเขายังพอพึ่งพาได้ เพราะถึงอย่างไรฐานันดรศักดิ์ของนางก็ตระหง่านอยู่ตรงนั้น คนที่พวกเขาเชิญ ล้วนเป็นบรรดาคุณหนูและบรรดาฮูหยินตระกูลชั้นสูงเลื่องชื่อของเมืองหลวง หลังจากผ่านหนิงเซ่าชิงและจย่าฮูหยินคัดกรองแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยจึงค่อยวางใจให้พ่อบ้านมั่วส่งเทียบเชิญ

สำหรับเรื่องนี้มั่วเชียนเสวี่ยเพียงแสดงความถ่อมตนเท่านั้น คนตระกูลมั่วมีแผนการอย่างไร นางย่อมรู้ดี!

นางมีมารดาบุญธรรมอย่างจย่าฮูหยินอยู่ คนเล่านั้นเดินมาแม้จะแสดงความสนิทสนม ประจบสอพลอต่างๆ นานา แต่แท้จริงแล้วภายในใจกำลังคิดอะไร ซ่อนเจตนาร้ายใดไว้ในใจ มั่วเชียนเสวี่ยรู้ดีกว่าใคร นางย่อมปฏิเสธ

นางไม่อยากให้วันสำคัญเช่นนี้ถูกคนทำลายจนอารมณ์ขุ่นเคือง

แขกเรื่อในจวนกั๋วกงมาอย่างคับคั่ง ผู้คนเดินกันขวักไขว่

ตอนใกล้เที่ยง พิธีปักปิ่นได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ!

งานใหญ่เช่นนี้ บรรดาฮูหยินชั้นสูงต่างมาร่วมยินดี แน่นอนว่าย่อมมีแขกที่เป็นบุรุษไม่น้อย

แม้มั่วเชียนเสวี่ยจะเป็นตัวเอกของงาน ทั้งยังเป็นนายหญิงของจวนกั๋วกง แต่วันพิเศษเช่นวันนี้นางไม่อาจอยู่ด้านนอกแล้วคอยต้อนรับแขกเรื่อได้

พิธีปักปิ่นดำเนินโดยจย่าฮูหยิน นอกจากนี้นางก็ยังเป็นมารดาบุญธรรมของมั่วเชียนเสวี่ย แน่นอนว่าจย่าฮูหยินย่อมช่วยมั่วเชียนเสวี่ยดูแลแขกเรื่อที่เป็นสตรี ส่วนแขกเรื่อที่เป็นบุรุษย่อมมีสามพี่น้องตระกูลมั่วคอยต้อนรับ

ด้านนอกงานยุ่งอย่างมาก แต่มั่วเชียนเสวี่ยกลับแต่งตัวอยู่ในเรือนเสวี่ยหว่าน รอเวลา

เมื่อถึงฤกษ์แล้ว มั่วเหนียงพูดเสียงดัง “พิธีเริ่มขึ้นแล้ว!” หลังจากนั้น ทั่วทั้งห้องโถง ก็ไม่มีเสียงใดๆ แม้แต่น้อย

เหตุเพราะบิดาและมารดาของมั่วเชียนเสวี่ยล่วงลับไปแล้ว ดังนั้นคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ย่อมเป็นจย่าฮูหยิน มารดาบุญธรรมของนาง!

ส่วนบรรดาผู้อาวุโสตระกูลมั่ว มั่วเชียนเสวี่ยไม่เคยแม้แต่จะคิดที่จะคุกเข่าให้พวกเขา!

อันดับแรก หลังจากมั่วเชียนเสวี่ยคำนับบิดามารดาที่ล่วงลับไปแล้วสามครั้ง นางก็คุกเข่าลงบนหมอนทรงกลม คำนับจย่าฮูหยินสามครั้ง

เมื่อมั่วเชียนเสวี่ยคำนับ จย่าฮูหยินก็เริ่มม้วนผมให้มั่วเชียนเสวี่ย เอาผมด้านหลังของมั่วเชียนเสวี่ย ทำเป็นช่อ แล้วม้วนขึ้น

นี่คือขั้นตอนทั่วไปในพิธีปักปิ่นของตระกูลชั้นสูง ขอเพียงปักปิ่น ก็บรรลุนิติภาวะแล้ว สามารถแต่งงานออกเรือนได้แล้ว

จย่าฮูหยินม้วนผมขึ้น รับกล่องมาจากสาวใช้ที่อยู่ข้างๆ

ผ้าต้วนสีน้ำเงิน มองดูแล้วทำให้คนรู้สึกเคร่งขรึม สง่างามนัก!

ผู้ดำเนินพิธีต้องปักปิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของสตรีจึงจะคู่ควร ปิ่นนี้ต้องให้ผู้ดำเนินพิธีมอบให้ด้วยตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นมั่วเชียนเสวี่ยกับจย่าฮูหยินไม่ได้แค่มีสายสัมพันธ์กันเพียงเบื้องหน้า ระหว่างพวกนาง ยังมีสัมพันธ์เป็นมารดาบุญธรรมและบุตรีบุญธรรม

ทว่า แม้จะเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่ตอนนี้จย่าฮูหยินหยิบปิ่นหยกขาว ด้านบนประดับด้วยทัมทิมออกมาจากกล่อง ทุกคนในพิธีต่างอุทานให้กับความใจกว้างจ่ายหนักของจย่าฮูหยิน

—————————–