ตอนที่ 334

My Disciples Are All Villains

ความจริงลู่โจวเองก็อยู่ไม่ไกลในเวลาเมื่อมานานมานี้ ตัวเขาที่ยังติดเวลาคูลดาวน์อีก 10 นาทีจึงไม่มีประโยชน์ที่จะเปิดเผยตัวเองเร็วจนเกินไป ลู่โจวได้เดินเล่นไปรอบๆ เพื่อที่จะมองหาสีวู่หยา แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่พบกับสีวู่หยา และลู่โจวที่เห็นลั่วฉางชิงท้าประลองยู่ฉางตงในตอนนี้ก็ได้แต่สาปแช่งลั่วฉางชิง ตัวเขาที่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจึงรู้ดีว่ามีอะไรเกิดขึ้นกันแน่

ยู่ฉางตงและลั่วฉางชิงต่างก็ตกตะลึง ลั่วฉางชิงได้เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้ว ในตอนนี้ทั่วทั้งท้องฟ้าถูกพลังอันมงคลของวิซซาร์ดปกคลุมไว้หมดแล้ว ‘คราวนี้เนยอดฝีมือคนไหนอีกกัน?’

ยู่ฉางตงได้หันไปรอบๆ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองอย่างช้าๆ ร่างกายของตัวเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว นอกจากนี้จิตใจของเขาก็ยังว่างเปล่า แม้ว่าตัวเขาจะเป็นถึงดาบปีศาจ ผู้ที่สร้างชื่อให้กับตัวเองจนทำเป็นที่หวาดกลัวของคนทุกคน ยู่ฉางตงเคยท้าประลองยอดฝีมือมากแล้วมากมายในอดีต ตัวเขาไม่เคยรู้สึกเกรงกลัวผู้ใด แต่เมื่อเห็นชายชราที่อยู่บนท้องฟ้า ตัวเขาก็ได้สัมผัสกับความกลัวขึ้นมาอีกครั้ง ริมฝีปากของยู่ฉางตงสั่นเล็กน้อย “ทะ…ท่านอาจารย์?”

ลั่วฉางชิงได้เก็บตัวฝึกฝนตัวเองอย่างโดดเดี่ยวมาโดยตลอดเป็นเวลากว่าหลายปีในสำนักหยุน ตัวเขาเคยไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้ามาแล้วครั้งหนึ่งและมีโอกาสที่ได้เห็นจีเทียนเด๋ามาแล้ว แม้ว่าจะเห็นอยู่ในระยะไกลก็ตามแต่ตัวเขาก็ได้เห็นแล้ว ชายชราที่ลั่วฉางชิงได้เห็นในตอนนี้เอามือข้างหนึ่งลูบเคราข้างเดียวก่อนที่จะเอามือไขว้หลังไว้อีกข้าง ชายชราคนนี้ดูสงบเยือกเย็น เขาดูไม่เหมือนจากผู้ที่มาจากสำนักฝ่ายอธรรมแม้แต่นิดเดียว ลั่วฉางชิงรู้สึกตกใจมากเมื่อเห็นยู่ฉางตงพูดแบบนั้น ที่สำคัญกว่านั้นลั่วฉางชิงในตอนนี้รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่เป็นลางร้ายขึ้นมา ‘เขาคือปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า? มหาวายร้ายผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้าอย่างงั้นหรอ?’

ลู่โจวเหลือบมองดูเวลาที่เหลือก่อนที่จะมองไปยังเมนูระบบด้วยความพึงพอใจ ในตอนนี้เวลาคูลดาวน์เหลือเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น ตัวเขาเหลือบมองลั่วฉางชิงจากมุมสูง “เจ้ากำลังคิดซ้ำเติมคนที่ตกต่ำ แต่ถึงแบบนั้นเจ้าก็พูดถูกต้องแล้วล่ะ…ข้าเองก็คงจะปล่อยเจ้าไปไม่ได้ด้วยเช่นกัน”

ลู่โจวเคาะหลังของวิซซาร์ดด้วยปลายเท้าก่อนที่วิซซาร์ดจะพุ่งไปในอากาศ ตัวเขาได้ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา ในตอนนั้นเองอาวุธนิรนามก็ได้ปรากฏขึ้นบนมือ แสงแดดได้ส่องกระทบเข้ากับอาวุธนิรนามก่อนที่จะสะท้อนไปยังพื้นด้านล่าง

ลั่วฉางชิงและยู่ฉางตงต่างก็กลั้นหายใจ ในชั่วครู่ที่ได้เห็นทั้งสองคนก็ลืมไปเลยว่ากำลังต่อสู้กัน ดวงตาของทั้งสองกำลังจับจ้องไปที่ลู่โจวที่กำลังเดินทางมาหา

ลู่โจวได้โบกอาวุธนิรนามที่อยู่ในมือ แม้ว่าตัวเขาจะฟื้นฟูพลังวิเศษได้เพียง 2 ใน 5 ส่วนแต่ถึงแบบนั้นมันก็มากพอแล้วที่จะทำให้ตัวเขาสามารถใช้พลังนี้ได้ ลู่โจวพยายามนึกถึงวิชาดาบกุยหยวนที่มีอยู่ในความทรงจำ ในขณะนั้นเองตัวเขาก็พยายามใช้พลังพิเศษที่มาจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ออกมาด้วย…

‘ทุกสิ่งถือกำเนิดขึ้นมาจากความว่างเปล่า ทุกชีวิตเกิดและดับไปในสังสารวัฏ นี่คือพลังของชีวิตที่ผ่านพ้นมา’ ในตอนนั้นเองร่างแยกก็ได้ปรากฏขึ้น มันเป็นร่างแยกที่มีทั้งซ้าย, กลาง และขวา

มันเป็นหนึ่งในสุดยอดวิชาที่สร้างชื่อให้กับยู่ฉางตง วิชาดาบกุยหยวนหนึ่งร่างสามดวงวิญญาณ

ลั่วฉางชิงที่เห็นแบบนั้นรู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก ตัวเขาที่สัมผัสได้ถึงอันตรายได้ถอยกลับไปอย่างเร่งรีบ ดาบในมือของเขากำลังรวบรวมพลังของตน ในตอนนั้นเองดาบพลังงานนับพันก็ได้พุ่งไปโจมตีลู่โจวที่พุ่งเข้ามาแทน

ลั่วฉางชิงรู้สึกว่าทัศนวิสัยของเขากำลังพร่ามัวราวกับว่าอยู่ในความฝัน

ชิ๊ง!

ร่างแยกทั้งสามได้รวมกันเป็นหนึ่ง

ทุกอย่างได้จบลงในทันที

อาวุธนิรนามได้ฟาดฟันผ่านดาบพลังงานนับพันก่อนที่จะเชือดเฉือนไปที่กลางหน้าอกของลั่วฉางชิง

การเคลื่อนไหวของลู่โจวรื่นไหรราวกับสายน้ำที่ไม่มีวันไหลย้อนกลับ ไม่มีการเคลื่อนไหวไหนที่เสียเปล่าหรือใช้พลังมากไปแม้แต่นิดเดียว ลู่โจวได้โจมตีโดยที่ใช้กระบวนท่าเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

การต่อสู้จบลงแล้ว

ลู่โจวได้ปรากฏตัวอีกทีที่ด้านหลังของลั่วฉางชิง

ลั่วฉางชิงดวงตาเบิกกว้าง เมื่อดาบพลังงานของเขาหายไปดวงตาและสีหน้าของตัวเขาก็ว่างเปล่า ลั่วฉางชิงได้ก้มหน้ามองไปที่ดาบที่อยู่ในมือ ดาบเล่มนั้นได้แตกหักก่อนที่จะร่วงลงสู่พื้น ตัวเขาเหลือบมองไปที่หน้าอกของตัวเอง ที่หน้าอกของเขาในตอนนี้มีบาดแผลขนาดใหญ่อยู่ที่ใจกลางลำตัว เลือดของลั่วฉางชิงกำลังพุ่งออกมาจากร่างกาย ชีวิตของเขากำลังจะหลุดลอยไปอย่างน่าสะพรึงกลัว ลั่วฉางชิงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะลืมตา ตัวเขาหันไปมองยู่ฉางตงที่อยู่ไกลจากตัวเขาเพียงแค่ไม่กี่เมตรเท่านั้น

ดวงตาของลั่วฉางชิงเต็มไปด้วยความเคือบแคลงใจ ตัวเขาได้ยกมือซ้ายเอื้อมไปทางยู่ฉางตงก่อนที่จะพูดออกมา “ช่วยข้า…”

พรึ๊บ!

มือของลั่วฉางชิงได้ร่วงลงสู่พื้น “ติ้ง! สังหารเป้าหมาย ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 1,500”

ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะหันไปรอบๆ ตัวเขาได้เหลือบมองไปที่ยู่ฉางตงอีกครั้ง ในตอนนี้ลู่โจวได้ใช้พลังพิเศษของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ไปจนหมดแล้ว

แม้ว่าจะไม่มีพลังพิเศษอยู่แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่ติดสถานะคูลดาวน์อีกต่อไป ในตอนนี้การ์ดในมือของตัวเขากำลังส่องแสงประกายสีทองออกมา ประกายแสงที่ส่องสว่างเป็นสัญญาบ่งบอกว่าลู่โจวพร้อมที่จะใช้งานการ์ดแล้วนั่นเอง

“ทะ…ท่านอาจารย์?” สีหน้าของยู่ฉางตงตื่นตกใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตัวเขาไม่เข้าใจเลยว่าผู้เป็นอาจารย์มาอยู่ที่ป่าเมฆากระจ่างได้ยังไงกัน

ลู่โจวที่ลูบเคราของตัวเองได้มองไปที่ยู่ฉางตงก่อนที่จะสบถเสียงต่ำออกมา “เจ้าศิษย์ทรยศ!”

“คะ…ครับ?” ยู่ฉางตงที่ได้ยินแบบนั้นมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป

“ที่ผ่านมาข้าได้สอนอะไรไว้ให้กับเจ้าบ้าง? เจ้ายังจำมันได้ไหม?” ลู่โจวได้พูดออกมาในขณะที่เดินไปหายู่ฉางตง

หัวใจของยู่ฉางตงเต้นดังมากยิ่งขึ้น ตัวเขาได้ถอยไปหลายก้าวก่อนที่จะถอยกลับไปอีกครั้ง

“เจ้าได้ออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าไป ต่อสู้กับศิษย์พี่ของตัวเอง…” ลู่โจวได้พูดรอดผ่านฟันของตัวเองออกมา

ชิ๊ง!

ดาบยืนยาวของยู่ฉางตงได้บินออกมาจากด้านหลังของตัวเขา “ท่านอาจารย์…ท่านอยากที่จะฆ่าข้าอีกครั้งสินะ?”

‘อีกครั้งอย่างงั้นหรอ?’ ลู่โจวหยุดเดิน ตัวเขามองไปที่ยู่ฉางตงก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าไม่ควรที่จะฆ่าอย่างงั้นหรอ?”

ยู่ฉางตงพยายามตรวจสอบอาการบาดเจ็บที่ตัวเขาได้รับมา ในตอนนั้นรอยยิ้มที่ดูไร้ความหมายก็ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ตัวเขาได้เหยียดหลังตรงก่อนที่จะพูดออกมา “ในบ้านเกิดของข้ามีพืชชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่าดอกนางกวักหอมหวน มันเป็นดอกไม้ที่จะเบ่งบานในเวลากลางวันก่อนที่จะตายในเวลาค่ำคืน ท่านจะสามารถดมกลิ่นของมันได้ถึงช่วงเช้าเท่านั้น และในตอนค่ำมันก็ยะแห้งเหี่ยวไป…ข้าสงสัยจริงๆ ถ้าหากพวกเรารู้อยู่แล้วว่าดอกไม้นั่นกำลังจะตายไป แล้วเหตุใดพวกเราถึงต้องปลูกมันเอาไว้ด้วยล่ะ?” เกิดแก่เจ็บตายถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรชีวิต

เมื่อลู่โจวได้ยินแบบนั้น ตัวเขาก็ได้ส่ายหัวเล็กน้อย ศิษย์ยังไงก็เป็นศิษย์ ทุกคนในโลกล้วนแต่จะต้องตายในที่สุด ถ้าหากทุกคนทำตามสิ่งที่ยู่ฉางตงคิด ทุกๆ คนก็คงจะต้องจบชีวิตตั้งแต่เกิดไปหมดแล้ว ศิษย์คนนี้ไปเรียนรู้เหตุผลที่ไร้สาระเช่นนี้มาจากไหนกันแน่?

ลู่โจวได้ก้าวไปด้านหน้าก่อนที่จะพูดออกมา “การมีชีวิตอยู่นั่นแหละคือเหตุผล”

“ทุกๆ คนล้วนแต่อยากจะมีชีวิตที่ยืนยาว…แต่ไม่มีใครเลยที่จะรอดพ้นไปจากวัฏจักรชีวิตได้” ยู่ฉางตงจ้องมองไปที่ผู้เป็นอาจารย์

ลู่โจวขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมา “ไร้สาระ! เจ้าจะยอมจำนนและยอมรับความผิดรึยัง?”

ยู่ฉางตงส่ายหัว “ท่านอาจารย์…ท่านยังจะเหมือนกับพ่อของข้าตลอดไป แต่ได้โปรดอภัยให้กับข้าด้วย ศิษย์คนนี้ไม่อาจติดตามท่านอาจารย์กลับไปได้” คราวนี้ยู่ฉางตงได้ใช้คำว่าศิษย์เรียกแทนตัวเอง

“เจ้าคิดว่าจะหนีข้าไปได้อย่างงั้นหรอ?”

“ท่านประเมินข้าต่ำจนเกินไป…แม้ว่าท่านจะไม่ลงมือ แต่ลั่วฉางชิงก็ไม่ใช่คู่มือของข้าอยู่ดี” ยู่ฉางตงที่พูดเสร็จได้กระโดดขึ้นไปบนดาบยืนยาวก่อนที่จะลอยไป ตัวเขากำลังขี่ดาบลอยฟ้าอยู่นั่นเอง ยู่ฉางตงอาศัยความสัมพันธ์อันสูงส่งที่มีต่อดาบยืนยาวทำให้ตัวเขาสามารถลดพลังลมปราณในขณะที่เร่งความเร็วของดาบได้

น่าเสียดายที่มีคนไม่กี่คนที่สามารถทำแบบนี้ได้ ท้ายที่สุดแล้วอาวุธระดับสรวงสวรรค์ก็ยังเป็นอาวุธล้ำค่าที่หาได้ยากอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่ใช้อาวุธชิ้นนั้นจะต้องมีความสัมพันธ์อันดีหรือเข้ากันได้ดีกับมันด้วย

ลู่โจวยังคงดูไม่แยแส ตัวเขาได้ยกมือก่อนที่จะตะโกนออกมา “จะหนีข้าสินะเจ้าศิษย์ทรยศ!”

การ์ดกรงผนึกกักขขังที่อยู่ในฝ่ามือลู่โจวได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในตอนนั้นเองมันก็ได้ระเบิดพลังแสงสีทองออกมา เมื่อแสงสีทองจางหาย ในตอนนั้นพลังที่ดูคล้ายกับกระแสน้ำวนก็ได้ปรากฏขึ้นในทันที

ยู่ฉางตงได้ใช้ดาบของตัวเองบินไปอย่างรวดเร็ว ตัวเขาได้มุ่งหน้าเข้าไปในส่วนลึกของป่าเมฆากระจ่างด้วยความเร็วสูงสุด

พรึ๊บ!

พลังแสงสีทองได้ก่อตัวกันก่อนที่จะกลายเป็นอักษร ‘ผนึก’ ขนาดใหญ่ มันได้ร่วงตกมาจากบนท้องฟ้าก่อนที่จะพุ่งใส่ยู่ฉางตงด้วยความเร็วเต็มที่เช่นเดียวกัน

ตู๊ม!

ยู่ฉางตงโซเซ ตัวเขาได้บินโซเซไปมาอย่างไม่หยุดพัก ดาบยืนยาวเองก็กำลังพุ่งตัวลงสู่พื้น ตัวเขาได้อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “หืม? นี่มันผนึกมนตรา?” จุดตันเถียนที่ตัวเขาเคยมีว่างเปล่า ในตอนนี้ตัวเขาจึงไม่สามารถทรงตัวในขณะบินอีกต่อไป ยู่ฉางตงได้ล้มลงไปกับพื้น

ในตอนนั้นเองก็มีใครบางคนปรากฏตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ ต้วนชิงได้นำเหล่าสาวกของวหารปีศาจล้อมรอบตัวของยู่ฉางตงเอาไว้

“อย่าเข้าใกล้เขาจนเกินไป! ชายคนนี้คือดาบปีศาจ…รอให้ท่านผู้อาวุโสมาก่อน!” ต้วนชิงได้สั่งการให้ทุกคนรักษาระยะห่าง

ลู่โจวได้เดินมาหาในขณะที่เอามือไขว้หลังเอาไว้