ภาค-2-ตำนานเฟิงอี้ ตอนที่ 28 นกขมิ้นอยู่ข้างหลัง (1)

ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ

วันเดียวกัน มือสังหารหนานฉู่ลอบบุกเข้ามา องครักษ์ของเจียงเจ๋อล้มตายสิ้น เจียงเจ๋อต้องธนูบาดเจ็บเกือบสิ้นชีวา ได้แม่ทัพเผยช่วยเหลือจึงพ้นภัย

…พงศาวดารฉู่ราชวงศ์หนาน บันทึกธาราเคียงเมฆ

เผยอวิ๋นตกตะลึง แม้เขาไม่ทันหมุนตัวกลับมา แต่ก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจของข้า เขาเอ่ยปากถาม ใต้เท้าเจียง ท่านเป็นอันใด

ข้าล้วงขวดหยกใบหนึ่งออกมาจากสาบเสื้อแล้วกินยาลูกกลอนด้านในลงไปหนึ่งเม็ด เลือดลมที่ปั่นป่วนอยู่ในอกจึงค่อยๆ สงบลง ข้าเงยหน้าเอ่ยเฉยชา ข้ารู้เจ้ารับใช้ชินอ๋องมาตลอด วันนั้นหากเจ้ามิได้ไปคุ้มครองท่านหรงที่เซียงหยางตามคำสั่ง ท่านอ๋องก็คงไม่ถูกสังหารจนสิ้นชีวิต

บุรุษวัยกลางคนผู้นั้นก้มศีรษะลงเล็กน้อย หางตามีหยาดน้ำตาแวววาวแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา ในอดีตใต้เท้าเจียงมีไมตรีให้ท่านอ๋องลึกซึ้ง ไม่หวั่นพันลี้เดินทางมาช่วยเหลือ น่าเสียดายท่านอ๋องบุญน้อย ก่อนสิ้นใจท่านอ๋องเคยสั่งข้าเป็นการส่วนตัวว่าหากใต้เท้าเจียงเข้ากับต้ายง หนานฉู่ย่อมอันตราย ท่านอ๋องให้ข้าสาบานว่าหากเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นต้องเอาชีวิตใต้เท้ามาให้จงได้ กล่าวว่าใต้เท้าจะเข้าใจท่าน การลอบสังหารใต้เท้าเป็นสิ่งที่ท่านอ๋องจำเป็นต้องทำเพื่อหนานฉู่ ท่านอ๋องขอให้ใต้เท้าอภัยคนตายคนหนึ่งด้วย

ข้าเอ่ยอย่างนิ่งสงบ ข้าไม่มีทางตำหนิท่านอ๋อง ท่านอ๋องภักดีต่อหนานฉู๋จวบจนสิ้นชีวา ข้ากลับมิได้มีใจภักดีสักเท่าใด ยามท่านอ๋องยังอยู่ เขายอมรับสุยอวิ๋นได้ ก็ทำให้สุยอวิ๋นซาบซึ้งยิ่งนักแล้ว ท่านโปรดวางใจ หากวันนี้มีชีวิตรอด สิ่งที่ท่านอ๋องฝากฝังไว้วันนั้น สุยอวิ๋นไม่มีวันลืม หากมีวาสนาจะไม่ทรยศสิ่งที่ฝากฝังไว้แน่นอน

บุรุษวัยกลางคนผู้นั้นมีสีหน้าตกตะลึง แต่จากนั้นก็กลับเป็นปกติแล้วเอ่ยเสียงราบเรียบ เจียงสุยอวิ๋นมีน้ำใจไม่ธรรมดาจริงๆ การสังหารท่านครั้งนี้เป็นความคิดของตัวข้าเอง แว่นแคว้นรุ่งเรืองหรือล่มจม ประชนล้วนมีส่วนรับผิดชอบ ข้ามิอาจทนมองหนานฉู่ล่มสลาย ยามนั้นท่านอ๋องทอดถอนใจต่อหน้าข้า กล่าวว่าหากใต้เท้าเจียงยอมทุ่มเทใจช่วยเหลือหนานฉู่ แผ่นดินย่อมสงบมั่นคง หากใต้เท้าเข้าหาต้ายง หนานฉู่ย่อมล่มสลายไร้อนาคต หนานฉู่ภายในขัดแย้งภายนอกมีศัตรูกล้ำกรายเช่นนี้ หากไม่สังหารท่าน วันหน้าจักต้องนึกเสียใจ

ข้าเหลือบมองเขาแล้วกำลังจะเอ่ยต่อ ถึงอย่างไรการยื้อเวลาก็เป็นวิธีที่ไม่เลว แต่เขากลับราวกับมองทะลุความคิดของข้า กระโจนเข้าหาข้าทันที เผยอวิ๋นพุ่งเข้าประจันหน้า ชั่วพริบตาทั้งสองประมือกันหลายกระบวน กระแสลมและจิตสังหารอันรุนแรงบีบให้ข้าถอยไปอยู่ที่มุมกำแพง

ขณะที่มองพวกเขาต่อสู้กันอย่างทรหด ในใจข้าจมดิ่งสู่ห้วงความทรงจำ ครั้งนั้นที่จากสู่จงหวนคืนเจี้ยนเย่ ข้าประสบพบความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อยู่ในช่วงพักรักษาอาการป่วย เสี่ยวซุ่นจื่อรู้ตัวนานแล้วว่าเต๋อชินอ๋องส่งคนมาเฝ้าจับตาข้า แม้รู้ว่าในช่วงเวลานั้นคงยังไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงอันใด แต่ก็ไม่อาจไม่ป้องกัน ดังนั้นหลังจากก่อตั้งค่ายลับ ข้าจึงเคยให้เสี่ยวซุ่นจื่อตรวจสอบคนข้างกายเต๋อชินอ๋องอย่างละเอียด

เพชฌฆาตใจทมิฬผู้นี้ก็เป็นหนึ่งในคนสนิทที่เต๋อชินอ๋องเชื่อใจที่สุด คนผู้นี้แฝงกายอยู่ในเงามืดเสมอ สิ่งที่เขาถนัดคือการลอบสังหาร แม้ด้วยนิสัยของเต๋อชินอ๋อง คนผู้นี้จะไม่ได้ทำประโยชน์มากนัก แต่ข้าก็จัดเขาอยู่ในรายชื่อบุคคลอันตรายมานานแล้ว วันนี้เขาปรากฏตัวในยามที่ข้าประมาท ผู้ใดจะคิดว่าหลังจากชินอ๋องสิ้นแล้ว เขายังจะมาลอบสังหารขุนนางเชลยธรรมดาสามัญคนนี้เช่นข้าในจวนยงอ๋องที่การคุ้มกันแน่นหนาเล่า

เฮ้อ ยามนั้นข้าก็รู้อยู่แล้วว่าเต๋อชินอ๋องจงรักภักดี แต่คิดไม่ถึงว่าก่อนสิ้นใจเขาจะยังทิ้งคำสั่งเสียให้จัดการข้าไว้อีก แม้ข้าจะเข้าใจ แต่หัวใจก็ยังเย็นเฉียบดุจน้ำแข็ง

ข้ายิ้มขมขื่นมองไปด้านหน้า เผยอวิ๋นกำลังประมือกับเพชฌฆาตใจทมิฬด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แม้แต่ละกระบวนท่าของเขาคล้ายเรียบง่ายเห็นกระจ่างชัด ทว่ากลับขวางกระบวนท่าสังหารที่ทะลวงทุกช่องโหว่ประหนึ่งปรอทซึมลงดินของเพชฌฆาตใจทมิฬไว้ได้ดั่งกำแพงเหล็กกล้า แม้ผลลัพธ์ยังคงเสมอกัน แต่เมื่อข้าเห็นความเคร่งเครียดบนใบหน้าของเผยอวิ๋นก็ทราบว่าคงตกเป็นรองอยู่

ข้ามองภายในห้อง มีเพียงหน้าต่างหนึ่งบาน ส่วนประตูถูกสองคนที่ต่อสู้กันอยู่ขวางไว้อย่างแน่นหนา ข้าลากสังขารอันอ่อนแอเดินไปถึงหน้าต่าง พยายามสุดกำลังผลักหน้าต่างให้เปิด น่าเสียดายมองออกไปด้านนอกมีแต่พุ่มกุหลาบ สวนแห่งนี้ของข้า แม้ได้รับการดูแลมาแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่ถึงวสันตฤดู ดังนั้นจึงมีดอกไม้ใบหญ้างอกสะเปะสะปะอยู่ไม่น้อย เช่นกุหลาบป่านอกหน้าต่าง แม้ยังไม่ออกดอก แต่หนามแหลมบนก้านมีไม่น้อย หากข้ากระโดดออกไป น่ากลัวว่าคงบาดเป็นแผลทั่วร่าง ข้าตัวสั่นสะท้าน ตัดสินใจว่าหากไม่ถึงที่สุดอย่ากระโดดออกไปจะดีกว่า

ยามนี้เพชฌฆาตใจทมิฬร้อนรนอยู่บ้างแล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะลักลอบเข้ามาในจวนยงอ๋องสำเร็จ แม้ว่าจะอยู่ในจวนอ๋องมาหลายวัน แต่ที่แห่งนี้กฎเกณฑ์เคร่งครัด เขาเข้าใกล้เจียงเจ๋อไม่ได้แม้แต่น้อย ยามปกติข้างกายเจียงเจ๋อมีองครักษ์มากมาย อีกทั้งทุกหนึ่งก้านธูปจะมีองครักษ์กลุ่มหนึ่งลาดตระเวนผ่านมาอีก หากทำให้พวกยงอ๋องรู้ตัว ต่อให้ตนมีสามเศียรหกกรก็หนีไม่รอด ยิ่งไปกว่านั้น แม้ไม่รู้ว่าเสี่ยวซุ่นจื่อที่อยู่ข้างตัวเจียงเจ๋อวรยุทธ์เป็นเช่นไร แต่ตัวเขาเพชฌฆาตใจทมิฬนับว่าเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่ง การมองตื้นลึกไม่ออกหมายความเช่นไร เขารู้ดียิ่งนัก

วันนี้มีโอกาสอย่างที่หาได้ยาก เสี่ยวซุ่นจื่อไม่อยู่ที่สวนเหมันต์ แล้ววันนี้ยงอ๋องยังจัดงานเลี้ยงฉลอง องครักษ์ส่วนใหญ่ล้วนไปอยู่ด้านหน้า การคุ้มกันสวนเหมันต์หย่อนยานลงมาก จากที่เขาสังเกต หลังจากนี้ครึ่งชั่วยามจึงจะมีองครักษ์ลาดตระเวนผ่านมา ดังนั้นเขาจึงกล้าสังหารองครักษ์ทั้งหมดแล้วซ่อนศพพวกเขาไว้ เช่นนี้ตนก็จะมีเวลามากพอสังหารเจียงเจ๋อ สิ่งที่คิดไม่ถึงเพียงอย่างเดียวก็คือข้างกายเจียงเจ๋อกลับมียอดฝีมือแห่งเส้าหลินที่สำเร็จวิชาหมัดอรหันต์อยู่คนหนึ่ง วิชาหมัดชุดนี้ของสำนักเส้าหลินป้องกันได้ยอดเยี่ยมเป็นที่สุดจึงฝืนขวางตนเอาไว้ได้

เหลือเวลาไม่มากแล้ว เพชฌฆาตใจทมิฬจึงตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว เขาพลันตวาดลั่น ใบหน้ากลายเป็นสีแดงก่ำ มุมปากมีเลือดซึมออกมา จากนั้นวิชาฝ่ามือก็เปลี่ยนไปในทันใด ลมปราณทวีขึ้นหนึ่งเท่า ขณะที่วิชาฝ่ามือยิ่งพิสดารขึ้นอีกหลายส่วน ปึง ฝ่ามือของทั้งสองปะทะกัน เผยอวิ๋นสีหน้าซีดเผือด ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ยังไม่ทันสวนกลับ เพชฌฆาตใจทมิฬก็โถมเข้าใส่อีกครั้งประหนึ่งเงาตามตัว

ปึง ปึง ปึง ปะทะกันสามหน เผยอวิ๋นถูกเพชฌฆาตใจทมิฬบีบให้ถอยสามก้าวจนเกือบจะชนกับโต๊ะ สายลมที่พัดจากฝ่ามือกวาดถูกสุราเพลิงดาบจนตัวไหแตกสุราสาดกระจายในพริบตา เผยอวิ๋นเกิดไหวพริบ เขาถอยหลังก้าวหนึ่ง วาดเท้าเตะไหสุราไปกลางอากาศ หลังจากนั้นฟาดฝ่ามือตบสายลมแรงออกมา ครานี้ทั้งห้องจึงเต็มไปด้วยน้ำสุรา สุราแต่ละหยดแฝงลมปราณของเผยอวิ๋น เพชฌฆาตใจทมิฬจำต้องใช้สองมือวาดเงาฝ่ามือนับพันหมื่นด้านหน้าเพื่อขวาง ‘อาวุธลับ’ เหล่านี้เอาไว้

ยามนี้เอง เผยอวิ๋นจึงพุ่งมาข้างกายข้าแล้วแบกข้าขึ้นบ่าพาทะลุหน้าต่างออกไปด้วยกัน เศษไม้ที่ปริแตกกระแทกใบหน้าของข้าจนเจ็บปวด รองเท้าหนังที่เท้าของเผยอวิ๋นสะกิดบนพุ่มกุหลาบป่าแห้งเหี่ยวอย่างไม่ลังเลสักนิด หลังจากนั้นข้าเวียนหัวอยู่วูบหนึ่งก็พบว่าตนเองมาอยู่กลางสวนแล้ว

เสียงตะโกนโกรธเกรี้ยวดังไล่มาด้านหลัง เพชฌฆาตใจทมิฬพุ่งออกมาแล้ว ร่างของเพชฌฆาตใจทมิฬโถมเข้ามาว่องไวปานสายฟ้าแลบหมายจะสังหารข้า แต่เผยอวิ๋นปกป้องข้าสุดกำลัง แม้สถานการณ์เลวร้ายกว่าเดิม เพราะวรยุทธ์ของเพชฌฆาตใจทมิฬเดิมทีก็ถนัดโจมตีจากรอบทิศ ทำให้เผยอวิ๋นป้องกันไม่ทัน แต่ชัยภูมิโล่งกว้างก็มีข้อดีเช่นกัน เผยอวิ๋นคุ้มกันข้าหลบซ้ายหลีกขวาจนปกป้องชีวิตน้อยๆ ของข้าไว้ได้ชั่วคราว แต่เป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ไหว ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น เมื่อครู่โรคของข้ากำเริบ ยามนี้มือไม้จึงไร้เรี่ยวแรง หลบไปหลบมาเช่นนี้ ข้าก็หอบหายใจแฮกแล้ว น่ากลัวว่าประมืออีกสักแปดกระบวนท่าสิบกระบวนท่า ข้าคงนอนแผ่

เผยอวิ๋นเองก็มองเห็นอันตราย ในใจคิดว่ามีแต่ต้องแลกชีวิตแล้ว ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสงบเคร่งขรึม ผิวแฝงสีทองอยู่เลือนราง เขาไม่หลบอีกต่อไปแต่โยนข้าทิ้งแล้วพุ่งเข้าใส่เพชฌฆาตใจทมิฬ เพชฌฆาตใจทมิฬเห็นสีหน้าสงบดุจพระพุทธรูปของเผยอวิ๋นพลันอุทาน วิชาร่างวชิระทองคำ

ไม่มีฝ่ายใดกล้าชักช้า ทั้งสองคนปะทะกันแล้วผละแยกทันใด เผยอวิ๋นโถมกลับไปใหม่ประหนึ่งไม่รู้สึกอันใด แต่เพชฌฆาตใจทมิฬสีหน้าซีดเผือดเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่แข่งกำลังภายในกับเผยอวิ๋นแล้วเขาเป็นฝ่ายเสียท่า เขากลับไม่รู้ว่าเผยอวิ๋นเองก็สภาพไม่ดีนัก วิชาร่างวชิระทองคำของเขาเพิ่งฝึกสำเร็จเพียงเจ็ดส่วน ครั้งนี้เขาทุ่มสุดกำลังใช้วิชาออกมาโดยไม่คิดถึงชีวิตเช่นนี้ หากผ่านพ้นเวลาหนึ่งก้านธูป เกรงว่าเขาคงบาดเจ็บภายในสาหัส ต่อให้ไม่ถึงชีวิต วันหน้าวรยุทธ์ก็คงไม่ก้าวหน้าอีก

แม้เสี่ยงอันตราย แต่เขาไม่คิดหันหลังกลับ ไม่ใช่เพื่อไมตรีที่ได้รับจากเจียงเจ๋อ ไม่ใช่เพื่อประจบยงอ๋อง ยิ่งไม่ใช่เพื่อปกป้องผลประโยชน์ที่ขุนนางเชลยจากหนานฉู่จะนำมาสู่ต้ายง ในใจเขาไม่คิดสร้างความดีความชอบแม้แต่น้อย ยามนี้ความคิดเดียวในใจของเขาก็คือคำสั่งสอนยามอาจารย์รับตนเป็นศิษย์…ปกป้องคนดีและผู้บริสุทธิ์ เขาไม่เคยคิดว่าการที่เจียงเจ๋อเข้ากับต้ายงมีตรงไหนเสื่อมเสียคุณธรรม

แม้ข้าไม่เข้าใจวรยุทธ์ แต่ก็รู้ว่าสิ่งที่มากเกินกว่าปกติย่อมมีผลร้ายตามมา จู่ๆ เผยอวิ๋นวรยุทธ์ร้ายกาจขึ้นอย่างฉับพลันย่อมไม่อาจคงสภาพอยู่ได้นาน ข้าเห็นเพชฌฆาตใจทมิฬถูกเขารั้งไว้จึงออกวิ่งไปทางประตูสวนเหมันต์ทันที ตรงนั้นน่าจะมีศพขององครักษ์อยู่ ขอเพียงหานกหวีดทองแดงบนร่างพวกเขาพบ ข้าก็ขอความช่วยเหลือได้แล้ว นกหวีดทองแดงเหล่านั้นเป็นผลงานชั้นเลิศ ต่อให้ข้าเป็นผู้เป่าก็ได้ยินทั่วทั้งจวน

เพชฌฆาตใจทมิฬต้องการไล่ตามมาสังหารข้าหลายครั้งแต่ถูกเผยอวิ๋นขวางไว้ทุกครา จิตสังหารของเขายิ่งลุกโชน สีหน้าแดงดุจโลหิตอีกครั้ง กำลังภายในเพิ่มขึ้นอีกหน ครั้งนี้เขาอดกลั้นไม่ไหวกระอักเลือดออกมา จากนั้นฟาดหนึ่งฝ่ามือโจมตีเผยอวิ๋นจนถอยไป เตรียมกระโจนเข้ามาสังหารข้า เผยอวิ๋นขวางสุดชีวิต ชั่วขณะนั้นเพชฌฆาตใจทมิฬนึกลังเล วิชามารฟ้าแยกร่างของเขาหากใช้เกินสามครั้ง ตนเองจะเลือดออกเจ็ดทวาร แม้กำลังภายในจะเพิ่มขึ้นสามเท่า แต่หลังจากนั้นเกรงว่าจะต้องพักรักษาตัวหลายปี เขาครุ่นคิดแล้วตัดสินใจว่ากำลังภายในของตนสูงกว่าชายหนุ่มผู้นี้ อีกสิบกระบวนท่าก็สังหารเขาได้แล้ว ถึงเวลาตนค่อยไล่ตามไปสังหารเจียงเจ๋อก็ยังทัน

ตอนต่อไป