บทที่ 203 เจ้ากุเรื่องใส่ร้ายข้า

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

ช่างสะใจจริงๆ ความคิดของแม่นางกับความคิดของนางช่างเหมือนกันมาก

โจวต้าซานเห็นฉากนี้เข้า ในใจก็เกิดความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา รู้สึกตื่นตระหนกในใจ แต่ก็รีบสะกดกลั้นเอาไว้

หลังจากควบคุมอารมณ์ของตนเองได้แล้ว เขาจึงเริ่มเปิดปากพูดขึ้นมาว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

“ท่านพี่ใหญ่ ที่นี่ล้วนเป็นคนในครอบครัว ข้าก็ไม่ขอปิดบังอะไรอีกแล้ว ชิวเซียงของพวกท่านให้ยากับหลิวเซียงถุงหนึ่ง ให้นางวางยาให้กุ้ยหลานกิน แล้วพรุ่งนี้จะหาคนมาปู้ยี่ปู้ยำกุ้ยหลานของข้า”

ตอนนี้เหล่าไท่ไท่ไม่สนใจเรื่องไว้หน้าไม่ไว้หน้าแล้ว พูดเรื่องที่เกิดขึ้นออกมาทันที

“อะไรนะ”

“ข้าไม่ได้ทำ”

หลี่ซิ่วยิงกับโจวชิวเซียงแทบจะร้องออกมาในเวลาเดียวกัน คนหนึ่งตกตะลึง คนหนึ่งทั้งอับอายทั้งโมโห

คนในบ้านโจวต้าซานคนอื่นๆต่างก็ตกใจเช่นเดียวกัน ต่างก็หันไปมองโจวชิวเซียงเป็นสายตาเดียวกัน

โจวชิวเซียงเห็นพวกเขาต่างก็มองมาที่ตนเอง ในใจก็ตื่นตระหนก แล้วก็นึกถึงเถ้าแก่เฉียนที่อยู่ในเรือนตลอดไม่ได้ออกมาข้างนอก ในใจก็ยิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้น

ไม่ได้ จะยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นนางคงจบเห่แน่

นางจับแขนของหลี่ซิ่วยิงไว้ทันที รีบพูดขึ้นมาว่า “ท่านแม่ข้าไม่ได้ทำ พวกเขาฟังผิด ข้าจะมีของพวกนั้นได้อย่างไร”

สีหน้าของหลี่ซิ่วยิงก็เปลี่ยนไปเช่นกัน รีบดึงตัวชิวเซียงไปไว้ทางด้านหลังของนาง เอ่ยอย่างโมโหว่า “น้องสะใภ้รอง อย่าได้พูดจาเหลวไหล ถ้าหากเรื่องนี้แพร่ออกไปชิวเซียงของข้าก็คงไม่ต้องมีชีวิตอยู่กันแล้ว นางเป็นหลานที่เจ้าดูแลมาตั้งแต่เด็ก ทำไมเจ้าจึงกล่าวหานางเช่นนี้”

นี่คนร้ายชิงฟ้องร้องก่อนอย่างนั้นหรือ

“ท่านป้า ท่านยังไม่ได้ทำความเข้าใจในเรื่องที่เกิดขึ้น ทำไมจึงกล่าวหาว่าเป็นความผิดของแม่ข้าเล่า”โจวกุ้ยหลานโต้กลับอย่างไม่เกรงใจ

สีหน้าของหลี่ซิ่วยิงยิ่งแย่ลงไปอีกหลายส่วน พูดด้วยความโมโหว่า “ที่นี่ไม่มีสิทธิ์ที่เจ้าจะพูด”

“ท่านป้าพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูกต้อง ชิวเซียงอยากจะทำร้ายข้า ทำไมท่านจึงไม่ยอมให้ข้าพูดเลยแม้แต่ประโยคเดียว ”โจวกุ้ยหลานก็มีสีหน้าไม่พอใจเช่นกัน

อยากจะปกป้องโจวชิวเซียงหรือ นั่นไม่เท่ากับนางปล่อยเสือเข้าป่าหรอกหรือ

เหล่าไท่ไท่ดึงเสื้อของโจวกุ้ยหลานหนึ่งที ให้นางไปยืนอยู่ทางด้านหลังของตนเอง จากนั้นนางก็หันไปเผชิญหน้ากับหลี่ซิ่วยิงด้วยตนเอง พูดเสียงเย็นขึ้นมาว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ชิวเซียงเป็นหลานสาวของข้า ข้าจะกุเรื่องใส่ร้ายนางได้อย่างไร ท่านดูต้าไห่ของข้า เขามีนิสัยอย่างไร ถ้าหากไม่เป็นเพราะพวกนางต้องการจะทำร้ายกุ้ยหลานของข้า เขาจะเป็นเช่นนี้หรือ แล้วกุ้ยหลานไม่ใช่หลานสาวท่านหรือไง ท่านจึงยอมให้นางถูกทำร้ายได้”

ตอนนี้โจวต้าไห่ยอมเปิดปากพูดตามแม่ของเขาแล้ว“ท่านลุง ท่านป้า พวกเราได้ยินอย่างชัดเจนด้วยกันทั้งบ้าน ชิวเซียงเป็นคนสั่งให้หลิวเซียงวางยาน้องสาวข้า ยังให้หลิวเซียงวางยาเสร็จแล้วไล่ท่านแม่ข้าออกไปด้วย เรื่องนี้ข้าไม่ได้พูดเรื่อยเปื่อย ตอนนี้ยายังอยู่บนตัวหลิวเซียง”

โจวต้าไห่เป็นคนที่ซื่อสัตย์มาตลอด ตอนนี้เขาเอ่ยออกมาแล้ว คนทั้งหมดต่างก็เชื่อไปตามๆกัน

โจวต้าซานก็รู้สึกโมโหมาก ก้าวเท้าเข้าไป ยื่นมือไปดึงตัวโจวชิวเซียง ชิวเซียงร้องออกมาอย่างตกใจ วิ่งไปหลบอยู่อีกทางด้านหนึ่งของหลี่ซิ่วยิง หลี่ซิ่วยิงก็ปกป้องนางราวกับแม่ไก่หวงลูกไก่ ก่นด่าโจวต้าซาน “ตาแก่ท่านจะทำอะไร นี่ท่านเชื่อพวกเขาหรือ ทำไมจึงไม่เชื่อลูกสาวตนเอง”

“เจ้าหลีกไปเลย”โจวต้าซานไม่ตอบหลี่ซิ่วยิง ได้แต่ตะคอกเสียงดังอย่างโมโหแค่ประโยคเดียว

หลี่ซิ่วยิงถูกเสียงตะคอกของโจวต้าซานทำให้หน้าขาวซีดลง รีบถอยหลังทันที โจวชิวเซียงจับเสื้อของนางเอาไว้แน่น น้ำเสียงสั่นเทา “ท่านแม่ ท่านต้องช่วยข้านะ”

นี่มันลูกสาวของตนเอง ลูกสาวที่กำลังจะแต่งงานไปอยู่ในเมือง ลูกสาวที่ภายหน้าจะนำพาความสุขสบายมาให้พวกเขาทั้งครอบครัวเชียวนะ ไม่ได้ จะให้พวกเขาใส่ร้ายนางในเรื่องสกปรกเช่นนี้ไม่ได้

เมื่อตัดสินใจแล้ว หลี่ซิ่วยิงก็ใช้สองมือเท้าที่เอว ยืดอกเดินไปข้างหน้า ต่อปากต่อคำกับโจวต้าซาน “ท่านตีเลย ตีข้าด้วยอีกคน ไม่ว่าอย่างไรข้าก็เป็นคนไร้ประโยชน์แล้ว ท่านตีข้าให้พิการแล้วหย่ากับข้าไปหาหญิงสาวที่อายุน้อยและงดงามกว่าได้เลย”

โจวต้าซานโมโหจนร่างสั่นเทา ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน เขาคงตีหลี่ซิ่วยิงด้วยอีกคน แต่ตอนนี้เอวของนางที่ใช้เวลารักษาอยู่นานเพิ่งจะหายดี ถ้าหากถูกแตะต้องอีก เกรงว่าคงจะไม่ดีแน่

เมื่อเห็นว่าโจวต้าซานถูกตนขู่จนนิ่งชะงักไป หลี่ซิ่วยิงก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้น เปิดปากพูดเสียงดังว่า “ข้าจะดูซิว่าใครกล้ารังแกชิวเซียงของข้า”

ว่าแล้ว ก็มองไปทางครอบครัวของโจวกุ้ยหลาน ตะคอกด้วยเสียงขุ่นเคืองอีกครั้งว่า “พวกเจ้ามันไร้น้ำใจ พอเห็นว่าชิวเซียงของข้าหาลูกเขยดีๆกลับมาได้ พวกเจ้าก็อิจฉาตาร้อน พากันมารังแกลูกข้าถึงบ้าน”

“ท่านแม่ ใครอิจฉาลูกเขยของท่าน เรื่องนี้เป็นความผิดของชิวเซียง ”ซานเฉียงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากพูดออกมา

ท่านแม่พูดอะไรกัน ลูกเขยของนางอายุอานามมากขนาดนั้นใครจะไปชอบลง มีแต่นางกับชิวเซียงเท่านั้นที่งี่เง่าสามารถชื่นชอบได้

“เจ้าเด็กสมควรตาย ในสายตาเจ้ายังมีแม่อยู่หรือไม่ หา เจ้าช่วยคนนอกแก้ตัวอย่างนั้นหรือ”หลี่ซิ่วยิงถลึงตาโต ด่าซานเฉียง

“ท่านแม่ เรื่องนี้ชิวเซียงทำไม่ถูกต้อง ท่านเองก็อย่าเอาแต่ปกป้องนาง”เอ้อร์เฉียงที่นิ่งเงียบมาตลอดก็เปิดปากพูดขึ้นมาเช่นกัน

เขารู้จักน้องสาวดี นิสัยเอาแต่ใจและไม่ยอมเสียเปรียบใคร เรื่องที่เกิดขึ้นแม้ว่าตอนแรกที่ได้ยินเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่พอมาลองคิดดู คนทั้งบ้านอาสะใภ้รองจะมาหาเรื่องใส่ร้ายชิวเซียงถึงบ้านในเวลาค่ำมืดเช่นนี้ทำไม

“เจ้า เอ้อร์เฉียง เจ้ายังเป็นลูกแม่อยู่หรือเปล่า นี่น้องสาวแท้ๆของเจ้านะ”หลี่ซิ่วยิงมองไปทางเอ้อร์เฉียงอย่างไม่อยากจะเชื่อ

นี่แต่ละคนเป็นอะไรไป พวกเขายังเป็นลูกของนางอยู่หรือเปล่า ทำไมแต่ละคนจึงช่วยแต่สวีเหมยฮวา

“เจ้าถอยไปเลยนะ ไม่อย่างนั้น ข้าจะจัดการกับเจ้าด้วย ”ตอนนี้โจวต้าซานรู้สึกแค่ว่าความโกรธที่อัดอั้นอยู่ในใจไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถสลายไปได้

ว่าแล้ว เขาก็ก้าวเท้าเดินเข้าไป
โจวกุ้ยหลานมองท่าทีของโจวต้าซาน ก็รู้สึกอบอุ่นในใจ ยังดี ท่านลุงของนางไม่ทำให้นางผิดหวัง ยังมีเอ้อร์เฉียงกับซานเฉียง ตอนนี้ก็ออกมาช่วยนางด้วย น้ำใจนี้นางจะจดจำเอาไว้

เป็นเพราะว่าสายตาของทุกคนต่างก็จับจ้องอยู่ที่โจวชิวเซียง ขณะเดียวกันหลิวเซียงก็รู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย เมื่อนึกถึงยาที่อยู่ในอกเสื้อตนเอง นางก็จ้องไปทางด้านโจวต้าไห่ ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดทันที หยิบยาออกมาจากอกเสื้อ ชูขึ้นสูง พลางพูดเสียงกังวานว่า “นี่เป็นยาที่น้องชิวเซียงให้ข้า ข้าไม่รู้ว่าคือยาอะไร เป็นนาง นางเป็นคนสั่งการทั้งหมด”

เมื่อพูดจบ ทุกคนต่างก็มองไปที่มือของนาง

หวังหยู่ชุนที่ดูละครฉากเด็ดอยู่ข้างๆก็ก้าวเข้าไปหา คว้าหมับไปทันที เปิดห่อกระดาษออกมาดม

โจวชิวเซียงร้องเสียงแหลม จากนั้นก็ยิ่งหดตัวเล็กลงไปอีก “ข้าไม่ได้ให้นาง นั่นเป็นของนางเอง ข้าไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร”

“โธ่เอ๋ยชิวเซียง ทำไมเจ้าจึงเสียงดังนัก ว่าที่สามีของเจ้ายังอยู่ในเรือนนะ ข้าดมกลิ่นนี้แล้ว รู้สึกไม่สบายตัวเลย เห็นทีจะเป็นยาอย่างว่าจริงๆ หญิงสาวอย่างเจ้าไปเอาของสิ่งนี้มาจากไหนกัน”

หวังหยู่ชุนมองโจวชิวเซียง ในสายตามีความสะใจจากการได้แก้แค้น

สองสามวันนี้นางประจบเอาใจโจวชิวเซียงมาตลอด แต่โจวชิวเซียงกลับยินดีที่จะให้ของดีกับจางเสี่ยวจุ๋ย แต่ไม่ยอมให้อะไรกับนางเลย ผ้าเช็ดหน้านั่นไง สุดท้ายก็ถูกนางขอคืนไป

ฮึ ช่างเป็นหญิงที่ต่ำช้าจริงๆ