บทที่ 321 ปัญหาเก่าของบ้านตระกูลเหยา

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 321 ปัญหาเก่าของบ้านตระกูลเหยา
บทที่ 321 ปัญหาเก่าของบ้านตระกูลเหยา

หลังจากไม่กี่วันที่หลินเหราและเหยาซูสามารถหาบ้านที่ถูกใจได้ ก็มีจดหมายส่งมาจากหมู่บ้านตระกูลเหยา

วันนี้หลินเหราและเหยาเฉาล้วนต้องเข้าเวรทั้งคู่ อาจื้อที่กลับมาจากข้างนอกก็ได้นำจดหมายมาให้เหยาซูด้วยท่าทางที่ตื่นเต้นและมีความสุข

“ท่านแม่ ท่านแม่! ท่านลุงเขียนจดหมายมา ท่านลุงเขียนจดหมายมา”

เหยาซูกำลังเล่นอยู่กับซานเป่า ก็พลันวางของเล่นลง “รีบเข้ามาเร็ว ไหนมาดูซิว่าในจดหมายว่าอย่างไรบ้าง”

  

อาซือก็วิ่งตามเข้ามา สายตาจับจ้องไปยังจดหมายที่กำลังจะถูกเปิดผนึก

อาจื้อเปิดจดหมายออก มองเห็นลายมือที่คุ้นเคย ก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “พี่รองเป็นคนเขียน”

อาซือเขยิบเข้าไปมองใกล้ ๆ พลางหัวเราะ “ตัวหนังสือของพี่รองพัฒนาขึ้นมากเลยเจ้าค่ะ”

เด็กทั้งสองผลัดกันพูด เจ้าพูดบ้าง ข้าพูดบ้าง พลางเอาจดหมายขึ้นมาอ่านหนึ่งรอบ

เหยาซูฟังจบก็อุ้มซานเป่าขึ้นมา หัวเราะและถามว่า “พี่รองจะมาเมืองหลวงแล้ว ต้าเป่า เอ้อเป่าดีใจไหม” สองพี่น้องพยักหน้าพร้อมกันทันที

อาซือดูจะมีความสุขมากกว่าใคร เด็กหญิงถือจดหมายที่พี่รองเขียนมาและอ่านมันวนไปวนมาหลายรอบ และเงยหน้าขึ้นมา “ท่านแม่ รอบต่อไปที่จะเขียนจดหมายส่งให้ท่านลุง ให้ข้าเป็นคนเขียนจะได้หรือไม่เจ้าคะ”

หญิงสาวผู้เป็นมารดาหัวเราะพลางพยักหน้า “ได้แน่นอน เขียนจดหมายกลับไปให้ท่านลุงรอบนี้ให้เอ้อเป่าเขียนแล้วกัน”

เนื้อหาที่เขียนลงในจดหมายไม่ได้ซับซ้อนอะไร อีกทั้งอักษรที่เอ้อเป่ารู้จักก็เริ่มมีมากขึ้น จึงวางใจให้นางเขียนได้ทั้งหมด

  

เมื่อสาวน้อยได้ยินดังนั้นก็ดีใจไปพักใหญ่ อีกทั้งยังขอยืมพู่กันของพี่ชาย และให้เขาคอยดูอยู่ข้าง ๆ เวลาตนเขียนจดหมาย

เหยาซูที่ฟังสองพี่น้องถกเถียงปรึกษากันไม่นาน จดหมายหนึ่งฉบับก็เขียนเสร็จสิ้น เหลือเพียงรอให้จดหมายส่งถึงหมู่บ้านตระกูลเหยาก่อนที่เหยาเฟิงและคนอื่น ๆ จะออกเดินทาง…

พอถึงเวลาที่หลินเหราและเหยาเฉากลับมาในตอนเย็น เหยาซูก็ได้พูดคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับจดหมายที่ทางบ้านเขียนส่งมา

พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ทั้งสองคงจะพาลูก ๆ ออกเดินทางในไม่กี่วันข้างหน้า นับวันที่จดหมายส่งมาถึง พวกเราก็ควรที่จะเก็บกวาดบ้านให้เข้าที่เข้าทาง เมื่อพวกพี่ใหญ่มาถึงจะได้ไม่ต้องไปหาที่พักที่อื่น

เหยาเฉาพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง บ้านหลังใหญ่แบบนี้ ในวันธรรมดาก็เพียงปัดกวาดเช็ดถู คนที่ดูแลเรื่องห้องครัวเองก็ควรจะเตรียมให้เสร็จเรียบร้อย”

เหยาซูเองก็ไม่ได้เห็นต่างกับพี่ชายของตน และหันไปฟังหลินเหราที่เอ่ยถามขึ้นมา “แล้วท่านพ่อ ท่านแม่จะมาถึงเมื่อไร”

หญิงสาวส่ายหน้า “น่าจะประมาณเดือนกว่า ๆ เกิดเรื่องในหมู่บ้านมากมาย ท่านพ่อเองก็คงไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้เร็วขนาดนั้น”

เหยาเฉาได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยขึ้นมา “ก็คงจะเป็นเช่นนั้น ช่วงนี้อากาศก็ค่อย ๆ ร้อนขึ้น หากฝนไม่แล้ง หมู่บ้านเหยาของพวกเราก็คงจะดีขึ้นไม่น้อย เพียงแต่กลัวว่าคนในหมู่บ้านหลินจะก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีกน่ะสิ”

เหยาซูทำได้แค่กะพริบตา นางเองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรมากนักเกี่ยวกับการติดต่อธุระทางการเกษตร จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “หมู่บ้านตระกูลเหยาก็คือหมู่บ้านตระกูลเหยา หมู่บ้านตระกูลหลินก็คือหมู่บ้านตระกูลหลิน ทำไมถึงจะมีปัญหาเรื่องน้ำเรื่องดินเล่า”

เหยาเฉาหัวเราะออกมาพลางใช้มือเคาะหัวน้องสาวของเขาเบา ๆ หนึ่งที แล้วกล่าวกับนางว่า “เจ้านี่วัน ๆ ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลยสินะ อาเหรายังรู้เยอะกว่าเจ้าอีก”

หลินเหราพยักหน้าแล้วอธิบายให้เหยาซูฟัง “ทั้งสองหมู่บ้านอยู่ติดกัน มีแม่น้ำสายเดียวกันไหลผ่าน ฤดูกาลนี้มีฝนตกไม่มากนัก น้ำในแม่น้ำก็มีไม่เพียงพอ เกรงว่าจะเกิดการแย่งชิงน้ำกัน”

เหยาซูครุ่นคิด “หมู่บ้านตระกูลเหยาตั้งอยู่ทางต้นน้ำ หมู่บ้านหลินตั้งอยู่ทางปลายน้ำ ”

“ใช่” เหยาเฉาตอบกลับ หลินเหราก็อธิบายต่อว่า “หมู่บ้านตระกูลเหยาของเรามีการเจาะบ่อน้ำ ถ้าเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำขึ้นมา ก็ยังมีน้ำเพียงพอต่อคนในหมู่บ้าน ซึ่งแตกต่างกับหมู่บ้านตระกูลหลิน ทั้งหมู่บ้านมีเพียงแค่สายน้ำสายเล็ก ๆ เกรงว่าวัน ๆ ก็คงจะทะเลาะกันแต่เรื่องน้ำ”

เหยาซูก็คิดว่ามันน่าขันนัก “แล้วทำไมพวกเขาไม่เจาะบ่อน้ำเล่า”

หลินเหราส่ายหัวแล้วมองตาหญิงสาว “อาซู เจ้ายังไม่เข้าใจ หมู่บ้านหลินไม่เหมือนกับหมู่บ้านเหยา ไม่มีใครยินยอมที่จะใช้เงินและแรงเยอะขนาดนั้นเพื่อเจาะบ่อน้ำให้กับคนทั้งหมู่บ้าน พอถึงช่วงฤดูร้อนก็เกิดเรื่องหัวร้างข้างแตก”

เหยาซูได้แต่นิ่งเงียบ

เมื่อพูดถึงหมู่บ้านตระกูลหลิน ในจดหมายที่เหยาเฟิงส่งมาก็ยังมีจดหมายที่ท่านแม่เขียนให้กับเหยาซูอีกหนึ่งฉบับที่ไม่ได้ให้เด็ก ๆ อ่าน

ในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่แม่เฒ่าเหยาส่งพวกเขามาเมืองหลวง เรื่องราวของตระกูลหลินก็ถูกอธิบายสั้น ๆ ให้เหยาซูฟัง

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ เหยาชูพูดกับหลินเหราว่า “ช่วงนี้ท่านแม่เข้าเมืองเพื่อช่วยพี่ชายใหญ่จัดการเรื่องจุกจิก นางได้พบกับแม่เฒ่าหวัง”

หลินเหราที่ได้ยินแบบนั้นพลันแสดงสีหน้าตกใจ

เหยาเฉาอดที่จะเอ่ยออกมาไมได้ “ช่วงนี้ไม่ได้ข่าวคราวของพวกเขาเลย ทำไมถึงเข้าเมืองไปเล่า”

  

เพราะหลินเหราอยู่ด้วยที่นี่ เหยาเฉาจึงไม่ได้พูดตรงไปตรงมาขนาดนั้น ด้วยกังวลว่าจะทำให้เข้าใจผิดได้ว่าเขาจะสื่อว่าตระกูลหลินจงใจจะหาเรื่อง

เหยาซูยิ้มและปลอบพี่ชายของตน “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ท่านแม่ได้ยินมาว่าตระกูลหลินใช้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อจ้างชายคนหนึ่งมาดูหลินหงเรียนหนังสือ”

หลินเหราไม่ได้พูดอะไร เหยาเฉากลับขมวดคิ้ว และกล่าวว่า “ไม่ทำไร่ทำนาแล้วหรือ ดูเหมือนว่าความหวังครอบของครัวนี้ล้วนอยู่ที่เจ้าเด็กที่เกียจคร้านคนนี้แล้วสิ”

เหยาซูส่ายหัว “ฝาแฝดสองคนก่อนหน้านี้สุดท้ายก็ไม่รอดชีวิต ตอนนี้บ้านรอง ลูกสะใภ้ทั้งหมดไม่มีใครอยู่แล้ว ลูกคนรองถูกทุบตีและถูกไล่ออกจากบ้าน ไม่รู้ว่าไปที่ใด พ่อเฒ่าหลินและภรรยาของเขาคงไม่สามารถทำไร่ทำนาได้ ทำได้เพียงเอาเงินทั้งหมดให้ลูกคนที่สามใช้เรียนหนังสือ”

เหยาเฉาถอนหายใจ

เมื่อเห็นหลินเหราที่ได้แต่นิ่งเงียบ เหยาซูก็ยิ้มและกล่าวขึ้นว่า “ทุกคนล้วนมีเหตุผลของตน ปล่อยพวกเขาไปเถิด ถ้าหากว่าหลินหงกลายเป็นคนที่รักเรียนขึ้นมา ไม่แน่บ้านตระกูลหลินก็อาจจะค่อย ๆ ดีขึ้นมาก็เป็นได้”

เหยาเฉาหวังอยู่ในใจให้หลินหงไม่มีความก้าวหน้าใด ๆ เขาจะได้ไม่ต้องสร้างปัญหาในภายหลัง

ทว่าเรื่องนี้ไม่ควรพูดต่อหน้าหลินเหราในตอนนี้

หลินเหราไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย ก็พยักหน้าและกล่าวกับเหยาซู “หลินหงไม่ใช่คนที่โง่เขลา เขาแค่ชินกับข้อบกพร่องของตน ถ้าหากว่าพยายามขึ้นมาอาจจะสำเร็จก็ได้ ”

เหยาเฉาเห็นสองสามีภรรยาพูดเกี่ยวกับตระกูลหลินอย่างตรงไปตรงมา ชายหนุ่มก็ยกมือขึ้นมาพูดว่า “ช่างเถอะ อย่าพูดถึงครอบครัวนี้เลย ที่สร้างปัญหาให้เราไม่หยุดยังไม่พออีกหรือ ข้าว่าพวกเจ้าใจกว้างกันมาก คนพวกนั้นเอาแต่สร้างปัญหาให้พวกเจ้าปวดหัว แต่พวกเจ้าสองคนกลับนึกถึงความดีของคนพวกนั้น”

หลินเหราส่ายหัว สีหน้าไม่ได้แสดงอาการใด ๆ “พวกเขาไม่ใช่คนสำคัญ ข้าจึงไม่ได้สนใจ”

เหยาเฉาพยักหน้ากล่าวเบา ๆ “สมแล้วที่เป็นอาเหรา”

เหยาซูเองก็หัวเราะออกมา นางได้เปลี่ยนหัวข้อสนทนาเป็นเรื่องของตู้เหิง “พี่รอง ความคิดของข้าช่างง่ายดาย ตอนนี้ชีวิตของพวกเราก็ดีมาก ไม่มีความจำเป็นที่จะไปคิดถึงเรื่องที่รบกวนจิตใจ”

เหยาเฉามองแววตาของเหยาซูก็เข้าใจความหมายในสิ่งที่น้องสาวของตนเอ่ย “เจ้าไม่คิดว่า ถ้าแม่นางตู้ยังอยู่แล้วนางยังจะสร้างเรื่องให้เราต่อหรือ?”

ดวงตาดอกท้อของเขาหรี่ลง ถ้าจะหาเรื่องต้องอย่าปล่อยให้เรื่องใหญ่

แน่นอนว่าสิ่งสำคัญก็คือต้องการรู้ว่าหลินเหรารู้สึกอย่างไร

เหนาซูส่ายหัว “ข้าไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น และก็ไม่เป็นไรถ้าข้าได้รับบทเรียนที่ควรจะได้ แต่ถ้านางยังไม่เรียนรู้บทเรียนของนาง และต้องการจะรังแกข้าอีก เช่นนั้นแล้วก็คงจะได้เห็นดีกัน”

หลินเหราไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เขาพยักหน้าให้กับภรรยาด้วยสีหน้าที่จริงจังและเคร่งขรึม

เหยาเฉาขมวดคิ้วและไม่ได้กล่าวอะไรออกมา

เขามองออกว่าตู้เหิงไม่ใช่คนที่จะยอมเลิกราง่าย ๆ จึงกลัวว่านางยังจะสร้างปัญหาต่อในอนาคต

เหยาซูที่ภายนอกดูอ่อนโยน แต่ภายในกลับมั่นคงและแข็งแกร่ง ถ้าต้องเผชิญหน้ากับตู้เหิง นางก็ไม่ได้ด้อยกว่าตู้เหิงเลยสักนิด

แต่ถึงอย่างไรก็ต้องระวังตัวอยู่ตลอด…

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

อะไรที่ควรตัดก็ตัดไปเถอะ เก็บมาใส่ใจแล้วเดือดร้อนเปล่าๆ

เชื่อในฝีมืออาซูค่ะว่าจะต้องกำราบนังตู้ได้แน่นอน นิยายเรื่องนี้อาซูเป็นนางเอก นางร้ายปลายแถวอย่างหล่อนน่ะไสหัวไปซะนังตู้

ไหหม่า(海馬)