บทที่ 351 รายล้อมไปด้วยหญิงงาม

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 351 รายล้อมไปด้วยหญิงงาม
บทที่ 351 รายล้อมไปด้วยหญิงงาม

ซูอันตกอยู่ในห้วงความคิด ตอนนี้ฉู่ชูเหยียนอยู่ในจุดสูงสุดของระดับหกแล้วนี่นา

เขาเคยชินกับการทำตัวให้ไม่เป็นจุดเด่นมานานจนกลายเป็นนิสัย มันสะดวกที่จะวางแผนโจมตีผู้อื่นจากในเงามืด แต่ด้วยระดับการบ่มเพาะในปัจจุบันของฉู่ชูเหยียน ต่อให้อาจารย์ของสถาบันจะนำนักศึกษามาด้วยก็ยังไม่ใช่คู่มือของนางแน่นอน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่เขาและนางจะต้องระวังตัวกันอีกต่อไป

ปัจจุบันหมี่ลี่ไม่อยู่ จางฮั่นก็ตายแล้ว ทหารผีดิบ วิญญาณพยาบาท และกองทัพทหารดินเผาถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ ในมิติลับนี้คงไม่มีใครแข็งแกร่งกว่านางอีกแล้ว อย่างแรก มิติลับนี้ได้รับการประเมินว่ามีความเสี่ยงต่ำ ดังนั้นสถาบันจันทร์กระจ่างจึงส่งอาจารย์ผู้บ่มเพาะระดับหกเข้ามาด้วยเพียงสองคน

การปรากฎของสุสานใต้ดินนั้นคือเหตุไม่คาดฝันอย่างแท้จริง

หืม? นี่เป็นโอกาสที่ข้าควรจะรีดคะแนนความโกรธแค้นอีกสักหน่อยดีไหม?

ซูอันสบช่องทางทำธุรกิจอย่างรวดเร็ว แต่ในที่สุดเด็กหนุ่มก็ระงับความอยากที่จะเก็บเกี่ยวคะแนนความโกรธแค้นลง

ลืมไปเถอะ ข้าควรรักภรรยาของข้าให้มาก ๆ ไม่ใช่เอาแต่จะใช้นางเพิ่มคะแนนความโกรธแค้นให้แก่ตัวเอง

แม้ว่าฉู่ชูเหยียนจะพูดจาอย่างทะนงตัว แต่นางก็ยังคงจ้องมองอย่างระมัดระวังไปยังทิศทางของเสียงฝีเท้าที่กำลังใกล้เข้ามา

“หืม? คุณหนูใหญ่ฉู่!”

ร่างสองร่างพุ่งมาข้างหน้าพร้อมกัน คนหนึ่งมีท่าทางเย้ายวน ในขณะที่อีกคนมีจุดหัวล้านขนาดใหญ่บนศีรษะ

ซูอันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นกลุ่มคนที่กำลังเดินเข้ามา “สวัสดีอาจารย์ลู่และอาจารย์ไป๋!”

แน่นอน พวกเขาคือไป๋ซู่ซู่และลู่เต๋อ อาจารย์ที่สถาบันจันทร์กระจ่างได้ส่งเข้ามามิติลับเพื่อนำทางนักศึกษา

“เฮ้อ…พวกเจ้าสบายดี โล่งอกไปที!” ไป๋ซู่ซู่และลู่เต๋อพูดพร้อมกัน เมื่อพวกเขารู้ตัวว่าพูดคำเดียวกัน พวกเขาจึงชำเลืองมองกันและกันด้วยสายตาที่เย็นชาก่อนจะหันหลังให้กัน

ต่อจากนั้นก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งตามมาด้วย

คนหนึ่งคือเพ่ยเหมียนหมาน ที่มาพร้อมหน้าอกขนาดมหึมาที่ดึงดูดสายตาของซูอันในทันที ผู้หญิงคนนี้ควรเรียนรู้ทักษะธาตุน้ำจริง ๆ มันดูเข้ากับนางมากกว่าธาตุไฟเสียอีก

เพ่ยเหมียนหมานเห็นว่าซูอันกำลังมองมาที่นาง จึงยิ้มให้เขาอย่างเย้ายวน จากนั้นนางก็เดินไปจับมือฉู่ชูเหยียนแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น ชูเหยียน? ทำไมบนเสื้อผ้าของเจ้าถึงมีเลือดมากขนาดนี้? ขอข้าดูแผลของเจ้าหน่อยสิ”

“ข้าไม่ได้เป็นอะไร เลือดพวกนี้ไม่ใช่ของข้า…” ใบหน้าของฉู่ชูเหยียน แดงเล็กน้อย คราบเลือดพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นของซูอัน แต่มีบ้างที่เป็นของนาง…

เมื่อคิดถึงว่าตัวเองไม่ใช่หญิงพรหมจรรย์อีกต่อไป นางก็ขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกขัดแย้งในใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อนางนึกถึงภาพที่ซูอันปกป้องนางอย่างไม่คิดถึงชีวิตตัวเองในสุสานใต้ดิน คิ้วที่ขมวดขึงก็ค่อย ๆ คลายลง

“ไม่ใช่ของเจ้า…” เพ่ยเหมียนหมานตกตะลึง นางรีบหันไปมองทางซูอัน คิ้วของนางยกขึ้นด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นเฉียวเสวี่ยอิง

หืม? ผู้หญิงคนนี้คือคนที่ติดอันดับที่สิบของการจัดอันดับสิบสุดยอดสาวงามนี่นา…ใช่ไหม? การโอบกอดผู้หญิงอีกคนต่อหน้าภรรยาของตัวเอง และภรรยาไม่แสดงอะไรทางสีหน้า… ดูเหมือนว่าเขาจะจัดการอะไร ๆ ได้ดีจริง ๆ

เฉียวเสวี่ยอิงกระซิบบอกซูอันอย่างเร่งรีบว่า “สวมผ้าคลุมหน้าให้ข้าเร็ว ๆ!”

ซูอันรู้ว่านางไม่ต้องการให้คนในสถาบันเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของนาง ดังนั้นเขาจึงถามว่า “ผ้าคลุมหน้าของเจ้าอยู่ไหน?”

เฉียวเสวี่ยอิงหน้าแดง “มันอยู่ในเสื้อคลุมของข้า”

ขณะนี้นางได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นร่างกายของนางจึงอ่อนแออย่างมาก แม้แต่การขยับนิ้วก็ยากแล้ว ดังนั้นการหาผ้าคลุมหน้าจึงเป็นเรื่องที่ลำบากสำหรับนาง

หากเป็นชายอื่น นางจะไม่มีวันยอมให้อีกฝ่ายหนึ่งหยิบของจากเสื้อคลุมของนาง แต่ถ้าเป็นซูอัน…

เมื่อนึกถึงว่านางและเขาได้กอดกันเป็นเวลานานในขณะที่ร่วมต่อสู้ด้วยกันในสุสานใต้ดิน รวมถึงการที่นางใช้ทักษะลับสายสัมพันธ์ครึ่งชีวิต กับเขา นางยิ่งรู้สึกใกล้ชิดกับอีกฝ่ายอย่างอธิบายไม่ถูก

นอกจากนี้ ซูอันยังเคยเห็นและสัมผัสนางสมัยที่อยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฉู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่รับไม่ได้กับการที่จะให้เขาสัมผัสนางอีกครั้ง

เมื่อได้ยินคำพูดของนาง ซูอันก็สอดมือเข้าไปหยิบผ้าคลุมหน้าในเสื้อคลุมของนางทันที เมื่อผ้าคลุมได้ปกปิดใบหน้าแดงก่ำของนาง เฉียวเสวี่ยอิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าซูอันไม่ได้ฉวยโอกาสเอาเปรียบนาง

เพ่ยเหมียนหมานที่เห็นการกระทำเหล่านี้ของซูอัน ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เดี๋ยวนะ นี่เรื่องจริงเหรอ? เขาเอามือเข้าไปในเสื้อคลุมของนางอย่างนั้นเหรอ?

นางเหลือบมองฉู่ชูเหยียนโดยไม่รู้ตัวและเห็นว่าเพื่อนของนางได้เห็นเหตุการณ์นี้ด้วย น่าแปลกที่ฉู่ชูเหยียนไม่มีปฏิกริยาใด ๆ เลย

เพ่ยเหมียนหมานตกตะลึงอีกครั้งหนึ่ง

นี่มันเกิดอะไรขึ้น? แม้ว่าฉู่ชูเหยียนจะไม่ชอบซูอัน แต่เขาก็ยังเป็นสามีของนาง นางคงไม่ยอมให้เขานอกใจต่อหน้าต่อตาตัวเองใช่ไหม?

แล้วซูอันไปยุ่งอะไรกับผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าภรรยาตัวเองล่ะ? เขาเป็นเขยตระกูลฉู่นะ! เขากล้าทำแบบนี้ได้ยังไง?

แล้วสาวงามอันดับที่สิบ นางชื่ออะไรนะ? เฉียวอะไรสักอย่างใช่ไหม? นางควรจะรู้สึกละอายใจต่อฉู่ชูเหยียนบ้างสิ!

เพ่ยเหมียนหมานไม่รู้ว่าทำไมผู้ชมเช่นนางถึงเป็นกังวลมากกว่าผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงในเรื่องนี้ จะต้องมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับตัวนางแน่ ๆ!

“อาซู…”

ทันใดนั้น เสียงที่ฟังดูยินดีก็ดังขึ้นและร่างเล็กของหญิงสาวผู้หนึ่งก็พุ่งออกมาข้างหน้า ทว่าเมื่อนางเห็นว่าซูอันกำลังโอบอุ้มผู้หญิงไว้ในอ้อมแขน นางก็หยุดฝีเท้าพร้อมกับใบหน้าที่แข็งค้างทันที

“เสี่ยวซี!” เมื่อเห็นอีกฝ่าย ดวงตาของซูอันก็เป็นประกาย เขารีบวิ่งไปหานางทั้ง ๆ ที่อุ้มเฉียวเสวี่ยอิงอยู่ในอ้อมแขนและถามว่า “เจ้ามียาฟื้นฟูไหม? เร็วเข้า นางต้องการการรักษาทันที!”

“ห…หา? อ…เอ่อ ใช่ ข้ามียาอยู่บ้าง…” จี้เสี่ยวซีรีบตั้งสติและเริ่มค้นหาภายในกระเป๋าใบเล็ก ๆ ของนาง ในไม่ช้าก็พบยาหนึ่งขวดและป้อนให้กับเฉียวเสวี่ยอิง

ในขณะเดียวกัน มีผู้คนมาสมทบมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อพวกเขาเห็นเฉียวเสวี่ยอิงอยู่ในอ้อมแขนของซูอัน ฝูงชนก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงและเสียงซุบซิบก็เริ่มดังขึ้น

“ผู้หญิงที่เขาอุ้มอยู่เป็นอันดับที่สิบของสิบสุดยอดสาวงามใช่ไหม?”

“ใช่ นางนั่นแหละ!”

“ให้ตายสิ ทำไมเจ้านั่นโชคดีอย่างนี้!”

“เอาจริง ๆ นะ ข้าทึ่งกับการที่เขาทำให้ผู้หญิงทุกคนพึงพอใจได้มากกว่าวิธีหาผู้หญิงของเขาซะอีก ข้าหมายความว่าไม่มีใครดูไม่พอใจเลยทั้ง ๆ ที่เขาทำตัวเจ้าชู้กับผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าต่อตาพวกนาง!”

“ใช่! เพ่ยเหมียนหมานและฉู่ชูเหยียนกำลังกระซิบกันอยู่ และจี้เสี่ยวซี กำลังรักษามารหัวใจของนางโดยไม่ออกอาการหึงหวงเลยแม้แต่น้อย นี่มันเรื่องปาฏิหาริย์! เขาเป็นแบบอย่างของผู้ชายทุกคนจริง ๆ!”

“ข้าเคยคิดว่านายน้อยเซี่ย เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความรักในสถาบันจันทร์กระจ่าง แต่ดูเหมือนว่าตำแหน่งจะเปลี่ยนมือซะแล้ว!”

เมื่อได้ยินการสนทนาของฝูงชน เซี่ยซิวก็ยิ้มอย่างขมขื่นและบ่นว่า “เทียบกับเขาแล้ว ข้ายังขาดอะไรไปเนี่ย?”

เพื่อที่จะได้เพลิดเพลินกับเหล่าดอกไม้งามแรกแย้มโดยไม่ผูกมัด เขาจึงระมัดระวังไม่เลือกดอกไม้ที่สวยที่สุด เขารู้ว่าผู้หญิงที่โดดเด่นมักจะเย่อหยิ่งและไม่ยอมให้เขานอกใจพวกนางอย่างเด็ดขาด

เพื่อประโยชน์ของผืนป่าทั้งหมด เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องละทิ้งดอกไม้บางส่วน

ทว่าซูอันสามารถบรรลุสิ่งที่เขาไม่สามารถทำได้

ในขณะเดียวกัน เจิ้งตานก็มองซูอันอย่างสงสัย

ทั้ง ๆ ที่ซือคุนตั้งใจจะฆ่าเขา แต่ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ถ้าวัดจากสติปัญญา เขาไม่ควรมีวิธีรับมือกับซือคุน แล้วเขาเอาชีวิตรอดมาได้ยังไง? ฉู่ชูเหยียนเป็นคนช่วยเขาไว้หรือไม่?

แล้วผู้หญิงที่เขาอุ้มอยู่ล่ะ?

สายตาของนางมองสลับไปมาระหว่างฉู่ชูเหยียนและเฉียวเสวี่ยอิง ก่อนที่จะมองไปที่จี้เสี่ยวซีและเพ่ยเหมียนหมาน ในท้ายที่สุด นางทำได้เพียงสรุปว่า…มีเรื่องลึกลับซับซ้อนเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!

ไม่ไกลเกินไป หงซิงอิงถอนหายใจด้วยความผิดหวัง ไอ้นี้มันโชคดีจริง ๆ

เขารีบวิ่งไปหาฉู่ชูเหยียนและถามว่า “คุณหนู ท่านเป็นอะไรมากไหม?”

“ข้าไม่เป็นไร” ฉู่ชูเหยียนตอบกลับด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย เขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลฉู่ ดังนั้นนางจึงไม่ได้ทำตัวห่างเหินกับเขาจนเกินไป