บทที่ 350 ออกจากสุสาน
บทที่ 350 ออกจากสุสาน
“ข้าได้เจอกับของวิเศษอีกอย่างหนึ่งหลังจากนั้น ซึ่งมันบังเอิญปลดผนึกในร่างกายของข้าได้” ซูอันตอบอย่างคลุมเครือ “เอาล่ะ อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย ไม่ใช่เรื่องน่าอายหรอกเหรอที่หญิงสาวอย่างเจ้าจะพูดเรื่องนี้?”
เฉียวเสวี่ยอิงเบือนหน้านหนี คำพูดของซูอันทำให้นางรู้สึกอับอายเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม นางยังคงมีข้อสงสัยอยู่ในใจ
ข้าเองก็เข้าไปในผนึกกับเขาด้วยนี่นา แต่ทำไมข้าก็ไม่เห็นว่าเขาไปเจอของวิเศษอะไรนั่นตอนไหน?
สำหรับฉู่ชูเหยียน แม้ว่าหญิงสาวจะเป็นภรรยาของเขาอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ความสัมพันธ์ของนางกับซูอันยังคงกระอักกระอ่วน ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกนางเพิ่งทำอย่างนั้นด้วยกัน ดังนั้นไม่มีทางที่นางจะเอ่ยถามถึงเรื่องนี้ออกมา
จากนั้น ทั้งสามคนจึงเดินต่อไปอย่างครุ่นคิด ฉู่ชูเหยียนยังคงเฝ้าระวังและกังวลว่าจะมีทหารผีดิบโผล่ขึ้นมาอีกระหว่างทาง แต่น่าประหลาดใจที่ไม่พบเจอทหารผีดิบเหล่านั้นเลย ราวกับว่าพยายามหลบเลี่ยงพวกนาง
“พวกผีดิบซ่อนตัวล่วงหน้าเพราะรู้ว่าพวกมันไม่ใช่คู่มือของข้าเหรอ? ไม่น่าจะเป็นไปได้นะ พวกมันไม่ควรฉลาดพอที่จะคิดเช่นนั้น” ฉู่ชูเหยียน งงงวย
ตอนนี้เองที่นางได้ยินซูอันถามว่า “เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าคิดจะทำอะไรต่อไป?”
เฉียวเสวี่ยอิง ส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“เจ้าเองก็ได้เห็นธาตุแท้ของซือคุนแล้ว เจ้าควรกลับไปตระกูลฉู่กับพวกเรา ข้ายินดีต้อนรับเจ้ากลับมา” ฉู่ชูเหยียนกล่าว
ซูอันพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ เจ้าหมั้นกับข้าแล้ว มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่เจ้าจะอยู่ที่อื่น ความสัมพันธ์ของเราอบอุ่นขึ้นแล้ว ข้าเชื่อว่าในอนาคตเจ้าจะไม่มีปัญหาในการอุ่นเตียงของข้าเช่นกัน”
“…” เฉียวเสวี่ยอิง
“…” ฉู่ชูเหยียน
—
ท่านยั่วยุเฉียวเสวี่ยอิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 250!
—
—
ท่านยั่วยุฉู่ชูเหยียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 250!
—
ไอ้คนนี้… โดนลาเตะหัวมาหรือเปล่า?
เฉียวเสวี่ยอิงเพิกเฉยต่อเขา และหันไปหาฉู่ชูเหยียน พูดว่า “ขอบคุณสำหรับข้อเสนอของท่าน ข้าซาบซึ้งในความปรารถนาดีของคุณหนูฉู่ แต่มันยังมีอีกหลายสิ่งที่ข้าต้องทำหลังจากตัดสัมพันธ์ของข้ากับตระกูลซือ”
“เจ้าต้องการความช่วยเหลือจากข้าไหม?” ฉู่ชูเหยียนรู้ดีว่าพวกตระกูลที่มีอำนาจมีหลายวิธีที่จะควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชา เช่น การใช้เครือญาติเป็นตัวประกัน
เฉียวเสวี่ยอิงส่ายหัวและตอบว่า “ไม่เป็นไร ข้าจัดการเองได้”
ฉู่ชูเหยียนถอนหายใจ แล้วพูดว่า “เราสองคนห่างเหินกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เฉียวเสวี่ยอิงจำได้ว่าพวกนางสองคนเคยแทะเมล็ดแตงในขณะที่อ่านนิยายรักด้วยกันตลอดหลายปีที่ผ่านมา และนั่นทำให้นางโหยหาและอ่อนไหว ทันใดนั้นก็พบว่าตัวเองมีคำพูดมากมายที่อยากจะอธิบาย ทว่าคำเดียวที่ออกจากปากนางคือ “ข้าขอโทษ…”
“ในชีวิตมีหลาย ๆ อย่างที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา ข้าไม่โทษเจ้าเรื่องนี้หรอก เสวี่ยเอ๋อร์” ฉู่ชูเหยียนตอบอย่างอ่อนโยน
หลังจากนั้นทั้งสองก็เงียบไป
ซูอันไม่แน่ใจเหมือนกันว่าความสัมพันธ์ของพวกนางเป็นอย่างไร แต่ชายหนุ่มรู้สึกว่าพวกนางกำลังทำให้เรื่องราวมันใหญ่โตทั้ง ๆ ที่มันไม่ได้มีเรื่องอะไรเลย
ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้พวกเราเข้ากันได้ดีไม่ใช่เหรอ? ทำไมจู่ ๆ พวกนางก็ทำตัวเหมือนตัวละครในนิยายเศร้า? พวกเจ้ารู้ไหม? คนอื่นมักพูดเสมอว่าการโต้เถียงใด ๆ สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ เมื่ออยู่บนเตียงในตอนกลางคืน!
แต่แน่นอนว่า เมื่อพิจารณาถึงความห่างชั้นในระดับการบ่มเพาะของเขากับพวกนาง ซูอันจึงเลือกที่จะเพิกเฉยอย่างชาญฉลาดต่อเรื่องนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
ทันใดนั้น บริเวณโดยรอบก็เริ่มสั่นสะเทือนเมื่อเศษหินตกลงมาจากผนังสุสาน ครั้งสุดท้ายที่เกิดการสั่นสะเทือนเช่นนี้คือเมื่อวิญญาณพยาบาท 200,000 ดวงกรูกันออกจากผนึก แต่การสั่นสะเทือนครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งนั้นเสียอีก
ทหารผีดิบที่ซุ่มซ่อนอยู่บริเวณรอบ ๆ ได้พุ่งออกมาอย่างหวาดกลัวราวกับแมลงวันที่ตื่นตระหนก
“สุสานใต้ดินกำลังจะถล่ม! เราต้องรีบแล้ว!” ฉู่ชูเหยียนตะโกนด้วยความตื่นตระหนก นางสัมผัสได้ว่าพลังชี่บริเวณรอบ ๆ กำลังผันผวนอย่างหนัก ซึ่งเป็นสัญญาณว่าสถานที่นั้นกำลังจะพังทลาย
ซูอันคิดว่าอาจเป็นเพราะการปลดผนึกปราบปรามวิญญาณ รวมถึงการหายไปของดอกบัวเร้นลักษณ์ ดาบไท่เอ๋อร์ จางฮั่น และวิญญาณพยาบาท 200,000 ดวง ทั้งหมดนี้ทำให้ความสมดุลในสุสานใต้ดินตลอดหลายพันปีมานี้พังทลายลงอย่างกะทันหัน ส่งผลให้กระทบต่อรากฐานของมัน
“น่าเสียดาย” ซูอันพึมพำ ขณะที่ชายหนุ่มหันไปเหลือบมอง เขายังคงคิดที่จะกลับมาสำรวจที่สุสานใต้ดินนี้หลังจากที่เฉียวเสวี่ยอิงได้รับการรักษาแล้ว
นี่เป็นสุสานของจักรพรรดินีแห่งราชวงศ์ฉิน มันจะต้องมีสมบัติมากมายอยู่ที่นี่แน่นอน! การที่เส้นใยสุขสันต์ส่งผลก่อนหน้านี้มันเป็นเครื่องบ่งชี้ที่มากเกินพอที่จะแสดงให้เห็นว่ามีสมบัติที่มีค่าอย่างน้อยหลายแสนเหรียญเงินอยู่ที่นี่
แม้ว่าอาวุธของตระกูลฉู่จะมีชื่อเสียงในด้านคุณภาพ แต่แค่อาวุธและหมวกที่ทหารผีดิบใช้อยู่ก็มีคุณภาพสูงกว่าที่ตระกูลฉู่ขายหลายเท่าแล้ว
บัดซบ! ทำไมข้าต้องสูญเสียโชคลาภมหาศาลเช่นนี้? อ๊าก! ช่างมันเถอะ ข้าควรจะพอใจกับการปลดผนึก ‘ซูอันน้อย’ ได้รับกระบี่ไท่เอ๋อร์และเรียนรู้ครึ่งแรกของวิชาปฐมบทแรกเริ่ม อย่างน้อยที่สุดความพยายามและการเสียสละทั้งหมดของข้าก็ไม่สูญเปล่า!
นอกจากนี้ สมบัติที่มีค่าที่สุดในสุสานใต้ดินแห่งนี้น่าจะเป็นตัวของหมี่ลี่ นางไม่เพียงแต่รอบรู้ในทุกสิ่ง แต่นางยังมีรูปลักษณ์และเรือนร่างที่มีเสน่ห์อย่างน่าอัศจรรย์ซึ่งคู่ควรกับสติปัญญาของนาง…
ทันทีที่ความคิดเหล่านั้นผุดขึ้นในใจของเขา ซูอันก็รู้สึกผิดเล็กน้อย เขาเหลือบมองที่กระบี่ไท่เอ๋อร์อย่างไม่รู้ตัวและโล่งใจที่เห็นว่ามันยังคงอยู่นิ่ง ๆ ดูเหมือนว่าขณะนี้ หมี่ลี่กำลังหลับสนิท
ข้าสงสัยว่านางอ่านความคิดของข้าได้หรือไม่?…
ซูอันค่อนข้างประหลาดใจกับความสามารถของเขาในการคิดเรื่องไร้สาระทุกประเภทแม้ว่าสุสานกำลังถล่มลงมาใส่เขาในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม ด้วยการนำทางของฉู่ชูเหยียน พวกเขาทั้งสามก็เห็นจุดแสงอยู่ข้างหน้าพวกเขา เมื่อวิ่งไปทางแสงนั้น ในที่สุดพวกเขาก็สามารถหลบหนีออกจากสุสานได้
มันเป็นพล็อตเรื่องง่าย ๆ ของภาพยนตร์ผจญภัยทุกเรื่อง เมื่อใดก็ตามที่สุสานเริ่มถล่ม ตัวเอกและทีมของเขาจะสามารถหนีรอดออกไปได้อย่างหวุดหวิด แล้วก็เป็นจริงดังนั้น หลังจากพวกเขาวิ่งออกมาเพียงไม่กี่วินาที ก็มีเสียงดังครืนก้องอยู่ข้างหลังพวกเขาขณะที่สุสานใต้ดินพังถล่มลงอย่างสิ้นเชิง แม้แต่ประตูหินขนาดใหญ่ที่ทางเข้าก็ไม่สามารถทนต่อแรงถล่มและถูกทำลายลงเช่นกัน
กลุ่มควันลอยขึ้นไปในอากาศ ก่อตัวเป็นรูปเห็ดบนท้องฟ้า
จากนั้นพื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือนขึ้นและลง ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าจะมีคลื่นกระแทกบางอย่างที่กระเพื่อมออกไปทางด้านนอกอย่างรวดเร็ว
“ระวัง!”
ฉู่ชูเหยียนคว้าตัวซูอัน ก่อนที่จะหนีไปยังป่าอันห่างไกล ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของนางใกล้จะถึงระดับที่เจ็ดแล้ว ดังนั้นนางจึงสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าซูอัน
การใกล้ชิดอย่างกะทันหันทำให้ซูอันตื่นตัว เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมและความนุ่มนวลของร่างกายนาง
โว้ว…ได้โอบอุ้มสาวสวยคนหนึ่งไว้ในอ้อมแขนในขณะที่อยู่ในอ้อมแขนของภรรยาข้าอีกที นี่คือสิ่งสุดยอดอย่างหนึ่งของนิยายแนวฮาเร็มใช่ไหม? ข้าสงสัยว่าจะมีผู้ชายกี่คนในโลกที่ได้รับพรอย่างข้า!
บางทีอาจเป็นเพราะนางรู้สึกว่า ซูอันตั้งใจโน้มตัวเข้ามาใกล้นางให้มากที่สุด ทันทีที่มาถึงป่าที่ปลอดภัย ฉู่ชูเหยียนก็โยนเขาทิ้งไปด้านข้างด้วยสีหน้าหงุดหงิด
ซูอันพูดไม่ออก ข้ากอดเจ้านี่เรื่องใหญ่มากเลยเหรอ? ข้าหมายถึง ข้าเคยอยู่ในตัวเจ้ามาก่อนด้วยซ้ำ!
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าความสนใจของเขาก็เปลี่ยนไปอยู่ที่กลุ่มฝุ่นที่ลอยขึ้นไปบนอากาศจากการถล่มของสุสานใต้ดิน เขาพบว่าตัวเองประทับใจในอำนาจการทำลายล้างของธรรมชาติอีกครั้ง
ฉู่ชูเหยียนเอียงศีรษะไปด้านข้างก่อนจะพูดว่า “มีคนอยู่ที่นี่แต่ไม่มาก”
“มีคนมาทางเราเยอะไหม?” ซูอันพยายามมองหาที่ซ่อนตัว “เราไปหาที่ซ่อนและดูสถานการณ์กันก่อน เร็วเข้า!”
“ซ่อน?” เสียงของฉู่ชูเหยียนแสดงถึงความภาคภูมิใจ “ข้าได้ฟื้นฟูการบ่มเพาะของข้าแล้ว ทำไมข้าต้องหลบซ่อนด้วย?”