บทที่ 349 เจ้าลงทุนเต็มที่จริง ๆ!
บทที่ 349 เจ้าลงทุนเต็มที่จริง ๆ!
ฉู่ชูเหยียนอึ้งกับคำพูดของซูอัน
สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของนาง? อะไรคือสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับผู้หญิง มันย่อมชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?
สองคนนี้มีอะไรกันแล้วงั้นเหรอ? เขาเพิ่งทำอย่างนั้นกับข้า…จากนั้นเขาก็ไปทำกับเสวี่ยเอ๋อร์ต่อทันที?
แม้ว่าฉู่ชูเหยียนจะเคยยกเฉียวเสวี่ยอิงให้กับเขาแล้ว แต่นางก็ยังรู้สึกไม่ค่อยดีเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้
ซูอันเดินนำโดยมีเฉียวเสวี่ยอิงอยู่ในอ้อมแขนของเขา “ทำไมเจ้าถึงเบาจัง? เจ้าควรกินเนื้อสัตว์ให้มากขึ้น ร่างกายจะแข็งแรงได้ยังไงหากวัน ๆ เจ้าเคี้ยวแต่เมล็ดแตง?”
“ข้าไม่ชอบเนื้อ อีกอย่าง…เคี้ยวเมล็ดแตงโมผิดตรงไหน?” เฉียวเสวี่ยอิง ประท้วงด้วยความไม่พอใจ
“อา ข้าลืมไปซะสนิทเลยว่าจริง ๆ แล้วเจ้าเป็นปีศาจต้นไม้!” ซูอันล้อเลียน
“เจ้าน่ะสิปีศาจต้นไม้! ทั้งครอบครัวเจ้าก็เป็นปีศาจต้นไม้!” เฉียวเสวี่ยอิงตอบโต้
…
ฉู่ชูเหยียนสังเกตว่าแม้ว่าทั้งสองคนจะทะเลาะกันเช่นเคย แต่ก็ไม่มีความตึงเครียดและความจริงจังในการโต้ตอบของพวกเขา นางหัวเราะเบา ๆ ก่อนที่จะตกอยู่ในความงุนงง นางพบว่านางไม่สามารถเข้าร่วมการสนทนาได้เลย
ความรู้สึกอึดอัดเมื่อมองดูพวกเขาสองคนนี่มันอะไรกัน?
“เจ้าจัดการวิญญาณพยาบาทเหล่านั้นได้ยังไง?” เฉียวเสวี่ยอิงถาม
“พวกมันตระหนักในคำพูดของข้า พวกมันเห็นพ้องกันว่าจะดำเนินชีวิตในลักษณะนี้ต่อไปย่อมไม่ใช่เรื่องดี ดังนั้นพวกมันจึงเต็มใจสลายตัวไป” ซูอันตอบด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าไม่อยากบอกข้าก็ไม่เป็นไร!” เฉียวเสวี่ยอิงบุ้ยปาก
ซูอันยักไหล่แทนคำตอบ เขาไม่ได้โกหกอะไรเพราะวิญญาณพยาบาทถูกหมี่ลี่หลอกให้พากันเดินเข้าประตูแห่งชีวิตแล้วสลายตัวไปจริง ๆ …
ทันใดนั้นเงาสีขาวก็แวบผ่านเข้ามา ฉู่ชูเหยียนวิ่งไปข้างหน้าพวกเขา
เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังมองอย่างสงสัย นางตอบอย่างเย็นชาว่า “ยังมีผีดิบทหารรออยู่ข้างหน้า ข้าจะไปเปิดเส้นทางให้พวกเจ้า!”
ซูอันเหลือบมองดาบกระบี่ไท่เอ๋อร์ขณะที่เขาพูด “อันที่จริงเจ้าไม่จำเป็นจะต้องช่วยข้า ข้าเป็นผู้ชายที่มีกลิ่นอายของความเป็นราชา ผีดิบพวกนั้นย่อมจะหนีไปเมื่อเจอข้า”
เขาจำได้ว่าหมี่ลี่กล่าวว่าดาบไท่เอ๋อร์มีผลในการป้องปรามทหารดินเผา และชายหนุ่มก็คิดว่ามันน่าจะใช้ได้กับผีดิบทหารที่อ่อนแอกว่าเช่นกัน
“…” ฉู่ชูเหยียน
“…” เฉียวเสวี่ยอิง
ไอ้คนนี้มันหยุดโม้ไม่ได้ใช่ไหม?
ขณะที่กลุ่มมุ่งหน้ากลับขึ้นไป ผีดิบทหารที่สัญจรไปมาในบริเวณนั้นก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็วราวกับฉลามได้กลิ่นเลือด ฉู่ชูเหยียนเหวี่ยงกระบี่ของนางใส่พวกมันด้วยความเย็นจัดที่ทำให้พวกมันกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็ง
ซูอันรู้สึกทึ่ง “ที่รัก เจ้าแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก! ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเจ้าอยู่ที่เท่าไหร่แล้ว?
“ตอนนี้ข้าอยู่ในจุดสูงสุดของระดับที่หก ต้องขอบคุณดอกบัวเร้นลักษณ์ที่เจ้าป้อนให้ข้า…” ฉู่ชูเหยียนสะดุ้งเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ นางหันกลับไปมองเขาในขณะที่คำพูดติดอยู่ที่ปลายลิ้น แต่ใบหน้าของนางก็แดงขึ้นทันที และพบว่าตัวเองไม่สามารถพูดต่อได้
ในทางกลับกัน เฉียวเสวี่ยอิงถามตรง ๆ ว่า “ถ้าพูดถึงเรื่องนี้ ตอนนั้นเจ้าน่าจะยังบาดเจ็บอยู่ เหตุใดเจ้าจึง ‘สามารถ’ ทำแบบนั้นต่อได้อีก?”
ฉู่ชูเหยียนหน้าแดง นางเริ่มกระสับกระส่ายเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้
“…” ซูอัน
ในฐานะผู้หญิง เจ้าไม่รู้สึกอายบ้างเหรอที่ถามเรื่องนี้?
“เจ้าหมายความว่ายังไงที่ข้า ‘ไม่สามารถ’ ทำได้? ข้าทำได้เสมอนั่นแหละ!” ซูอันคำรามอย่างโกรธจัด
“เฮอะ!”
เฉียวเสวี่ยอิงกลอกตาเมื่อได้ยินคำพูดของเขา โธ่เอ๊ย! พวกเราทุกคนที่นี่รู้ความจริงกันดีอยู่แล้ว!
ในที่สุดฉู่ชูเหยียนก็พูดขึ้นว่า “หมอเทวะจี้ได้ตรวจสภาพและสั่งยาให้เขา ส่วนผสมหลักของตัวยาคือดอกบัวเร้นลักษณ์”
“ท่านหมายถึงดอกบัวเร้นลักษณ์ที่สามารถยกระดับการบ่มเพาะได้ทีละขั้นต่อหนึ่งกลีบดอกของมันน่ะนะ?” เฉียวเสวี่ยอิงตกใจ “เขาให้สิ่งนั้นกับท่านงั้นเหรอ?”
ในฐานะผู้บ่มเพาะ นางรู้ดีว่าการก้าวข้ามการบ่มเพาะแต่ละขั้นนั้นยากลำบากและเหน็ดเหนื่อยอย่างยิ่ง เพียงหนึ่งกลีบของดอกบัวเร้นลักษณ์ก็สามารถทดแทนความพยายามหลายปีที่จำเป็นต้องสั่งสม หากผู้บ่มเพาะระดับสูงได้กิน มันสามารถชดเชยความพยายามในการบ่มเพาะหลายสิบปีหรือหลายร้อยปีได้อย่างง่ายดาย! นี่เป็นคุณสมบัติที่ยิ่งใหญ่ของดอกบัวเร้นลักษณ์ มันคือของวิเศษที่เป็นความฝันสูงสุดอย่างหนึ่งของผู้บ่มเพาะทั้งหลาย!
ฉู่ชูเหยียนพยักหน้าตอบขณะที่มองไปที่ซูอันด้วยสายตาที่อ่อนโยน
“มีข่าวลือว่าดอกบัวเร้นลักษณ์มีเก้ากลีบดอก เขาให้ท่านเท่าไหร่?” เฉียวเสวี่ยอิงถาม
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นางจำได้ว่าได้ยินเกี่ยวกับดอกบัวเร้นลักษณ์จากจางฮั่น เพียงแต่การทรยศของซือคุนทำให้ในตอนนั้นนางไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่
“เขา… มอบทั้งหมดให้ข้า…” เมื่อนึกถึงวิธีการที่ซูอันป้อนกลีบดอกบัวเร้นลักษณ์ให้นางแบบปากต่อปาก เสียงของนางก็แผ่วเบาลง
เฉียวเสวี่ยอิงเหลือบมองซูอันด้วยสายตาที่ซับซ้อน ในขณะที่นางกล่าวว่า “เพื่อเอาชนะใจคุณหนูฉู่ เจ้าลงทุนเต็มที่จริง ๆ!”
นางลงมาในสุสานใต้ดินพร้อมกับพวกเขา แต่นางลงเอยด้วยการใช้ทักษะลับสายสัมพันธ์ครึ่งชีวิต ที่มีค่าที่สุดของนางและสูญเสียอายุขัยไปครึ่งหนึ่งให้กับซูอัน ในขณะที่ฉู่ชูเหยียนได้รับดอกบัวเร้นลักษณ์จากเขา และเติบโตขึ้นเกือบหนึ่งระดับการบ่มเพาะ
ทำไมแตกต่างกันขนาดนี้? ทำไมชีวิตของข้าช่างรันทดนัก…
เมื่อสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ซึมเศร้าของเฉียวเสวี่ยอิง ซูอันก็กล่าวว่า “ข้าเสียสละเพื่อเจ้ามากเช่นกันอย่าคิดว่ามันไม่ยุติธรรมไปเลย”
ข้าใช้คะแนนความโกรธแค้นไปหลายหมื่นคะแนนเพื่อสุ่มน้ำยาศรัทธาพี่น้องให้เจ้า และนั่นยังไม่รวมถึงการสูญเสียที่ข้าต้องเผชิญกับผลของการอธิษฐานยอมรับ ‘สุ่มสามรอบที่ไม่ได้อะไรเลย’ ต่อสวรรค์! ไม่อย่างนั้นข้าอาจจะเพิ่งได้รับอุปกรณ์อันทรงพลังหรืออะไรบางอย่างที่เท่ ๆ ก็ได้!
เฉียวเสวี่ยอิงไม่พอใจขณะที่นางสงสัยว่าซูอันได้มอบอะไรให้กับนาง แต่ในทันใดนั้นนางจำยาฟื้นฟูลึกลับที่เขาเสกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้เอามาช่วยชีวิตนางไว้ได้
แม้ว่าเขาจะไม่ได้อธิบายให้นางฟังอย่างแจ่มแจ้ง แต่นางก็รู้ว่าน้ำยาฟื้นฟูที่อัศจรรย์แบบนั้นมันย่อมไม่ใช่สิ่งที่จะได้มาง่าย ๆ มันจะต้องเป็นของมีค่ามาก ๆ จนประเมินค่าไม่ได้ ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่ากว่าเขาจะได้มันมาคงต้องแลกอะไรไปมากมาย
ความทรงจำของนางเลือนรางไปเล็กน้อยในขณะนี้ แต่นางจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า ซูอันรีบมาอยู่ด้านหน้านางและปกป้องนางเมื่อกำลังเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ
ความทรงจำดังกล่าวทำให้ใบหน้าของนางดูอ่อนโยนขึ้น
แต่เมื่อนางมองฉู่ชูเหยียน สีหน้าของนางก็มืดมน
มันสายเกินไปแล้ว พวกเขาทั้งสองเป็นคู่กันแล้ว โชคชะตาพลิกผันอะไรเช่นนี้ ถ้าเพียงแต่พวกเขาสองคนไม่ได้ทำให้การแต่งงานสำเร็จโดยบริบูรณ์…
จู่ ๆ ความคิดก็แวบเข้ามาในหัวของเฉียวเสวี่ยอิงขณะที่นางกล่าวว่า “เดี๋ยวนะ คุณหนูฉู่เป็นคนกินดอกบัวเร้นลักษณ์ใช่ไหม? ถ้างั้นตอนนั้น ‘ไอ้นั่น’ ของเจ้าฟื้นขึ้นมาได้ยังไง?”
เขาไม่ได้ทำกับข้า แต่เขาทำได้เมื่ออยู่กับคุณหนูฉู่?