ตอนที่ 635 ไปตำบลชานหลินอีกครั้ง (5) ตอนที่ 636 แหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณ (1)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 635 ไปตำบลชานหลินอีกครั้ง (5) / ตอนที่ 636 แหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณ (1)
ตอนที่ 635 ไปตำบลชานหลินอีกครั้ง (5)

หลังจากมู่เชียนฟานสงบใจได้แล้ว จวินอู๋เสียก็บอกเขาเรื่องการเดินทางไปยังผาสุดขอบฟ้า

เมื่อได้ยินเช่นนั้น มู่เชียนฟานก็ตกใจเป็นอย่างมาก!

“อย่าเด็ดขาดเลยนะขอรับ! คุณชายจวิน ไม่ใช่ข้าไม่เต็มใจพาท่านไปที่นั่น แต่ผาสุดขอบฟ้านั้นน่ากลัวเกินไปจริงๆ แทบไม่มีใครรอดชีวิตจากที่นั่นได้เลย ที่นั่นเต็มไปด้วยกับดักนับไม่ถ้วนและพิษที่น่ากลัว หากก้าวพลาดแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจจะไม่รอดกลับมา ได้โปรดตัดสินใจใหม่เถอะขอรับคุณชายจวิน!” มู่เชียนฟานรีบเกลี้ยกล่อม

“เราต้องไป เจ้าแค่นำทางก็พอ” จวินอู๋เสียพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

มู่เชียนฟานกัดฟันและพยายามเกลี้ยกล่อมต่อไป แต่เขาไม่สามารถเปลี่ยนใจจวินอู๋เสียได้แม้แต่น้อย เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นเขาจึงพูดต่อไปว่า “ถ้าคุณชายจวินจะไปที่ผาสุดขอบฟ้า เช่นนั้นข้าก็ต้องขอยืนกรานไปกับคุณชายด้วยขอรับ ไม่อย่างนั้นข้ารับใช้ของท่านจะไม่มีวันตกลงนำทางไปที่ผาสุดขอบฟ้าเด็ดขาด! อย่างน้อยข้าก็เคยไปที่นั่นมาก่อน ข้าคุ้นเคยกับสถานที่นั้นมากกว่าพวกท่าน”

มู่เชียนฟานตัดสินใจแน่วแน่แล้ว เขาเตรียมพร้อมเต็มที่ว่าหากพวกเขาพบเจอกับอันตรายใดก็ตาม เขาจะเสี่ยงทุกสิ่งทุกอย่างรวมถึงชีวิตของเขาเพื่อปกป้องคุณชายจวินของเขาให้ปลอดภัย

จวินอู๋เสียไม่ปฏิเสธคำขอของมู่เชียนฟาน

มู่เชียนฟานเริ่มบอกรายละเอียดที่ตั้งของผาสุดขอบฟ้าให้แก่พวกเขา

จากตำบลชานหลินไปที่ผาสุดขอบฟ้า ต้องใช้เวลาเดินทางอย่างน้อยสองอาทิตย์ และนั่นเป็นเวลาที่เพียงพอที่จะให้อาการบาดเจ็บของมู่เชียนฟานหายพอดี

เมื่อมู่เชียนฟานแน่ใจว่าจวินอู๋เสียกับสหายของนางจะไปที่ผาสุดขอบฟ้า เขาก็เริ่มตระเตรียมสิ่งของจำเป็นสำหรับการเดินทางทันที การที่เคยไปที่นั่นมาก่อน ทำให้เขารู้ว่าสิ่งของชนิดใดที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้ที่ผาสุดขอบฟ้า

อุณหภูมิด้านล่างผาสุดขอบฟ้านั้นต่ำมาก ถ้าพวกเขาไม่สวมใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่น ไม่ช้าแขนขาของพวกเขาก็จะเย็นจนแข็ง ยิ่งกว่านั้นหมอกที่ปกคลุมอยู่ด้านล่างผาก็เปลี่ยนอุณหภูมิต่ำของที่นั่นให้หนาวเย็นเปียกชื้นซึ่งจะทำให้เสื้อผ้าของพวกเขาเปียกชุ่มอย่างรวดเร็ว ทำให้อากาศที่หนาวยะเยือกอยู่แล้วยิ่งยากจะทนทานมากขึ้น

การวางแผนการเดินทางไปผาสุดขอบฟ้านั้น อย่างน้อยที่สุดพวกเขาต้องเตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะสมเพื่อที่จะรักษาความอบอุ่นให้ร่างกายและป้องกันพวกเขาจากความเปียกชื้น

ถึงแม้จะมีร้านเสื้อผ้าอยู่ในตำบลชานหลินเป็นจำนวนมาก ทุกร้านก็ตั้งเป้าหมายที่ศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัวเป็นหลัก ดังนั้นไม่ว่าจะใช้วัสดุอะไรและการออกแบบเป็นอย่างไร พวกมันก็ถูกทำออกมาอย่างดี แต่ทุกชิ้นนั้นมีราคาสูงมาก

มู่เชียนฟานคิดได้หลายอย่างที่จะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาที่ด้านล่างผาสุดขอบฟ้า แต่การซื้อของทั้งหมดนั่นจะต้องใช้เงินจำนวนมาก ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ทหารรับจ้างที่หมดตัวแล้วเช่นเขาจะหามาได้ ถ้าเมื่อก่อนเขามีเงินจำนวนนี้ พี่น้องทุกคนของเขาก็อาจจะไม่ตาย

เมื่อเห็นว่าพวกเขาต้องการเงิน จวินอู๋เสียก็ส่งฮวาเหยาไปที่โรงประมูลชานหลินเพื่อรับเงินจากการขายหินวิญญาณที่พวกเขาทิ้งเอาไว้เมื่อครั้งก่อน และส่งมอบโอสถที่นางเพิ่งหลอมเมื่อเร็วๆ นี้ไปลงประมูลต่อ

เมื่อเหอฉางเล่อเห็นฮวาเหยา ดวงตาของเขาก็ส่องประกายราวกับเห็นเทพแห่งความมั่งคั่งมาเองและเกือบจะคุกเข่าลงตรงหน้าฮวาเหยาเพื่อทักทาย ตลอดการเจรจา ฮวาเหยาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากเลย เหอฉางเล่อจัดการทุกสิ่งที่จำเป็นให้เขาทั้งหมด เพื่อรักษา ‘ลูกค้ารายใหญ่’ นี้ไว้กับพวกเขา เหอฉางเล่อถึงกับประกาศว่าทุกอย่างที่ฮวาเหยาเอามาให้พวกเขานำออกประมูลในอนาคตนั้น โรงประมูลชานหลินจะไม่คิดค่านายหน้าเลยสักตำลึงเดียว สินค้าที่ออกประมูลของพวกเขาจะไม่คิดค่าธรรมเนียมใดๆ โรงประมูลชานหลินไม่กลัวที่จะขาดทุนเนื่องจากผู้คนที่โอสถพวกนี้ดึงดูดมาจะชดเชยได้ทุกอย่าง ตราบเท่าที่มีคนมาที่โรงประมูลชานหลิน ด้วยพรสวรรค์ของผู้รับผิดชอบการประมูลของโรงประมูลชานหลิน พวกเขาจะได้รับมากยิ่งกว่าจากสินค้าอื่นๆ ที่พวกเขานำเข้าประมูล

เมื่อฮวาเหยากลับไปที่โรงเตี๊ยมและตบเงินปึกใหญ่ลงบนโต๊ะ เฉียวฉู่ก็จ้องเงินปึกนั้นตาเป็นมัน น้ำลายแทบจะหยดลงบนพื้น

“เจ้าโง่เฉียว เอานี่ไปรวบรวมของที่จำเป็นกับมู่เชียนฟานซะ” จวินอู๋เสียคว้าเงินขึ้นมายัดใส่มือของเฉียวฉู่โดยไม่มองค่าเงินบนนั้นด้วยซ้ำ เฉียวฉู่ตื่นเต้นเสียจนแทบจะเป็นบ้า

ตอนที่ 636 แหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณ (1)

นี่เป็นครั้งแรกที่มู่เชียนฟานเห็นเด็กหนุ่มใช้เงินง่ายและใจกว้างขนาดนี้ กระทั่งหลังจากที่เฉียวฉู่ลากเขาออกมาจากโรงเตี๊ยม สายตาของเขาก็ยังคงเหม่อลอย

พอฟ่านจัวกับหรงรั่วกลับมา เฉียวฉู่ก็ออกไปแล้วพร้อมกับมู่เชียนฟาน ศิลาดำก้อนใหญ่ให้แร่หยกดำขนาดเท่าฝ่ามือเล็กๆ เท่านั้น

“เจ้าโง่เฉียวออกไปซื้อของที่เราจำเป็นต้องใช้ที่ผาสุดขอบฟ้า แล้วเมื่อไรเจ้าจะเริ่มงานของเจ้าให้จบ” เฟยเยียนถามพลางมองแร่หยกดำชิ้นเล็กๆ ราคาของแร่หยกดำสูงมากที่สามโลกชั้นกลาง ถึงแม้จะไม่ใช่ของล้ำค่าจนประมาณค่ามิได้ แต่มันก็ยังเป็นสินค้าที่มีราคายากจะซื้อหาได้

พวกเขายังเด็กมากในตอนที่อยู่ในสามโลกชั้นกลาง พวกเขาได้ยินเรื่องแร่หยกดำจากผู้อาวุโส แต่ไม่เคยเห็นของจริงมาก่อน

“เสี่ยวจัว เจ้าหลอมแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณให้เราด้วยไอ้นี่ได้จริงๆ หรือ” ฮวาเหยาถามพร้อมกับหยิบแร่หยกดำขึ้นมา

ฟ่านจัวพูดยิ้มๆ ว่า “วิธีหลอมแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณในสามโลกชั้นกลาง แตกต่างจากที่ทำกันในสามโลกเบื้องล่าง คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถดึงเอาพลังที่แท้จริงในแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณออกมาได้ แต่ที่สามโลกชั้นกลาง มีผู้เชี่ยวชาญพิเศษที่เรียกว่าช่างหลอมแหวน มีเพียงช่างหลอมแหวนเท่านั้นที่มีความสามารถหลอมแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณที่แท้จริงได้ บังเอิญว่าท่านแม่ของข้าเป็นหนึ่งในนั้น เป็นช่างหลอมแหวน ในช่วงที่ท่านแม่อยู่ที่สามโลกเบื้องล่างตอนที่ท่านพ่อไม่อยู่ ท่านแม่ได้สอนข้ามาบ้างตอนที่นางมีเวลา”

“ช่างหลอมแหวนหรือ” จวินอู๋เสียเงยหน้ามองฟ่านจัว เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินชื่อนี้

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฟยเยียนก็เริ่มตื่นเต้น

“ข้าเคยได้ยินเรื่องช่างหลอมแหวนมาก่อน พูดกันว่าช่างหลอมแหวนนั้นมีจำนวนน้อยมาก สิบสองตำหนักแต่ละแห่งจ้างช่างหลอมแหวนของตัวเอง ยิ่งช่างหลอมแหวนแข็งแกร่งมากเท่าไร แหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณที่เขาหลอมก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น! แต่ข้าไม่เคยพบช่างหลอมแหวนมาก่อน ไม่คิดเลยว่าเสี่ยวจัวจะเป็นทายาทของช่างหลอมแหวน!”

ฟ่านจัวยิ้มเขินๆ แล้วพูดว่า “ประโยชน์ที่ช่างหลอมแหวนให้ได้มีมากกว่านั้น พวกเจ้าจะรู้ว่าข้าพูดถึงอะไรหลังจากข้าหลอมแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณของพวกเจ้าเสร็จแล้ว”

แค่สามารถเพิ่มพลังวิญญาณและความสามารถในการต่อสู้ได้ ไม่ได้ทำให้คนเป็นช่างหลอมแหวนได้

“เสี่ยวจัว ทำไมเจ้าไม่หลอมแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณของตัวเองเล่า” เฟยเยียนถามเมื่อเห็นแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณบนนิ้วของฟ่านจัว มันเป็นแบบเดียวกับของพวกเขา ธรรมดาทั่วไปและไม่ได้มีการทำอะไรกับมันเพิ่มเติม

ฟ่านจัวยกมือขึ้นและมองแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณบนนิ้วของเขาอย่างเศร้าใจ จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกนานเท่าไร ก็เลยไม่ได้คิดถึงการหลอมแหวนของตัวเองเลยสักนิด” เมื่อพูดจบ สายตาของเขาก็หันไปมองที่จวินอู๋เสีย

เขาได้ละทิ้งความหวังไปแล้ว แต่เขาก็ถูกลากออกมาจากหุบเหวแห่งความสิ้นหวัง เมื่อมีคนที่อยู่ด้วยความหวังตรงหน้าเขา ในที่สุดเขาก็เข้มแข็งขึ้นด้วยแรงจูงใจที่จะดำเนินชีวิตต่อไป

เฟยเยียนอ้าปากค้างและรู้สึกว่าเขาได้แตะหัวข้อที่ไม่ควรแตะเข้าแล้ว เขากระแอมเล็กน้อยแล้วตบบ่าฟ่านจัวเบาๆ เป็นการปลอบใจและพูดว่า “ต่อแต่นี้ไปเจ้ามีพวกเราแล้ว เส้นทางจากนี้ไปเราจะเดินไปด้วยกัน”

ฟ่านจัวพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มกว้าง

“ที่จริงแล้ว นอกจากปัญหาเรื่องความอยู่รอดแล้ว ข้าก็ไม่มีสิ่งใดเหมาะที่จะหลอมแหวนเลย การใช้โลหะธรรมดามาหลอมแหวนจะได้ผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถึงแหวนจะหลอมซ้ำได้ แต่ถ้าไม่มีวัตถุดิบดีๆ ก็ไม่สามารถดึงเอาความสามารถของช่างหลอมแหวนออกมาได้ แต่ตอนนี้เราไม่ต้องกังวลถึงเรื่องนั้นแล้ว เพราะเรามีแร่หยกดำอยู่ที่นี่ น่าเสียดายที่เราไม่มีแร่ทองดำ ถ้าเรามีแร่ทองดำ ผลที่ได้จะยิ่งดีกว่ามาก”

“แร่ทองดำ…” ฮวาเหยาชะงักนิ่งไป

“มีอะไรหรือ” จวินอู๋เสียถาม

ฮวาเหยาหรี่ตาลงแล้วพูดว่า “แร่ทองดำเป็นแร่ที่หายากมากและประเมินค่าไม่ได้ แม้แต่ในสิบสองตำหนักแห่งสามโลกชั้นกลาง ก็มีไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถหลอมแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณของพวกเขาด้วยแร่ทองดำได้ ข้าเคยได้ยินมาว่าเมื่อหลอมแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณด้วยแร่ทองดำ ผลที่ได้จะดียิ่งกว่าการเพิ่มพลังอำนาจ นอกจากการเพิ่มพลังวิญญาณและความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของวงแหวนภูติวิญญาณแล้ว ยังสามารถ…เปลี่ยนรูปร่างของวงแหวนภูติวิญญาณได้อีกด้วย”