ค่ำคืนนี้จบลงด้วยการที่ผมและเอลด้าได้สนุกสนานกันอย่างเต็มที่ เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน เราก็กลับมายังคฤหาสน์และเจอกับนอร่าที่กำลังครุ่นคิดก่อนจะยิ้มขึ้นมาเมื่อเห็นเรา 2 คน

ระหว่างที่ผมออกเดตกับเอลด้า เธอพูดถึงความเป็นไปได้ถึงบางสิ่งที่จะเกิดขึ้นระหว่างผมกับนอร่าและผมก็บอกเธอไปตามตรงว่าตัวเองได้นอนกับพี่สาวแล้ว ซึ่งทำให้น้องสาวคนนั้นอิจฉามาก แต่ถึงอย่างนั้นเอลด้าก็ยังยินดีด้วยกับพี่สาวของเธออยู่ดี

ความเก็บกดระหว่างผมกับเอลดานั้นสูงมาก ผมเคยเล่นกับร่างของเอลด้ามาหลายครั้งแล้ว แต่เราก็ไม่เคยก้าวข้ามเส้นใดๆ เลย ทำให้ตอนนี้ผมต้องค่อยๆ ชักจูงเธอให้ยอมรับผม เนื่องจากสายเลือดนางฟ้าของเธอทำให้มันยากสำหรับเธอที่จะเพลิดเพลินไปกับความสุขอย่างแท้จริง ผมต้องค่อยๆ ดึงตัณหาที่แท้จริงของเธอออกมา ซึ่งผมก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร

“พี่ดูมีอารมณ์ดีจังนะ” 

ผมพูดขณะเดินไปข้างหน้าและกอดนอร่า จากนั้นผมก็จูบริมฝีปากของเธอ ทำให้นอร่าเบิกตากว้างขณะที่เธอมองดูเอลด้าเมื่อผมถอนจูบออกมา

“ผมได้บอกทุกอย่างกับเธอไปแล้ว และผมก็ตัดสินใจที่จะไม่ต่อสู้กับความรู้สึกที่มีต่อครอบครัวของตัวเองอีกแล้ว” 

ผมพูด ทำให้สายตาของนอร่าจับจ้องไปที่เอลด้าที่เดินเข้ามาข้างหน้าและดึงผมเบาๆ พร้อมจูบริมฝีปากของผมขณะที่เธอมองนอร่าด้วยรอยยิ้มมีความสุข

“หนูรักพี่ออสตินค่ะ” 

เอลด้าพูดด้วยสายตาที่สงบขณะกอดแขนผมพร้อมกับความอิจฉาเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้น และผมก็เห็นความหึงหวงแบบเดียวกันนี้ถูกจุดประกายในตัวนอร่าเช่นเดียวกันในตอนที่เธอเห็นเอลด้าจูบผม พวกเธอทั้ง 2 มีการแข่งขันกันเล็กน้อย ซึ่งผมจะถือว่าดีในความสัมพันธ์ของเรา

อย่างมากสุดที่พวกเธอจะทำคือการแข่งขันกันว่าใครจะได้ใช้เวลากับผมมากขึ้น นั่นคือทั้งหมดที่พวกเขาอิจฉากัน เนื่องจากสุดท้ายแล้วพวกเธอทั้ง 2 ก็รักและห่วงใยกันในฐานะพี่น้องกัน ซึ่งแตกต่างจากคนรักคนอื่นของผมอย่างมากที่พวกเธอจะเริ่มวางแผนหาวิธีฆ่าอีกฝ่ายในทันทีที่พวกเธอเห็นผมอยู่กับผู้หญิงคนอื่น

“เรื่องที่ผมคุยกับแม่เมื่อวานเป็นเรื่องเกี่ยวกับเรา 3 คน” 

ผมพูดเพื่อดึงความสนใจมาที่ตัวเอง ด้วยรอยยิ้มผมจับมือทั้ง 2 คนไว้ข้างลำตัวก่อนจะพูดออกมา 

“และเธอก็อวยพรเราด้วย”

ทั้งนอร่าและเอลด้าพยักหน้าขณะที่เราเริ่มเดินกลับไปที่ห้องก่อนจะได้พบกับเกรซที่มีสีหน้าบูดบึ้งกำลังจิบชาอยู่ 

ทันทีที่เราเข้าไปดวงตาของเธอก็จ้องมองมาที่ผมและยิ้มออกมา แต่ผมสามารถเห็นความอิจฉาริษยาในดวงตาของเธอได้ในตอนที่เธอเห็นว่าผมเข้ามาอย่างไร

“เห้ออออ…ดูเหมือนจะไม่มีอะไรให้ปิดบังอีกแล้วสินะ” 

เกรซพูดขึ้นมาหลังจากเห็นพวกเรา 3 คนเข้ามาในห้อง 

ผมยิ้มกับคำพูดของเธอก่อนจะเดินไปข้างหน้าและหอมแก้มของเกรซพร้อมกระซิบบอกคำรักอันแสนหวานที่หูของเธอ

“ผมรักเธอที่สุดนะ”

“ฉันรู้” 

เกรซกระซิบกลับขณะที่หอมแก้มผมด้วย 

หลังจากนั้นผมก็นั่งลงข้างเธอก่อนที่ทั้งนอร่าและเอลด้าจะเข้ามานั่งประกบผม ความเงียบอันน่าอึดอัดแผ่ขยายระหว่างเราทั้ง 4 คนก่อนที่เกรซจะทำลายความเงียบ

“ตอนนี้เรามาพูดถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้กันดีกว่า” 

เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมาก แตกต่างจากรอยยิ้มแห่งความรักที่เธอมีอยู่เสมอ ตอนนี้เธอมีสีหน้าเคร่งครัดขณะมองมาระหว่างเราซึ่งเป็นลูกทั้ง 3 ของเธอ

“พวกลูกคงรู้ผลที่ตามมาจากการกระทำนี้ใช่ไหม?” 

เธอพูดและเรา 3 คนก็พยักหน้า 

เกรซหันหน้าไปทางนอร่าก่อนจะพูดต่อ

“นอร่า ลูกจะต้องสืบทอดตำแหน่งต่อจากแม่ในฐานะดัชเชสคนต่อไปเพื่อปกครองอาณาเขตแห่งไลออนฮาร์ท นั่นหมายความว่าความรับผิดชอบอันหนักหน่วงจะตกอยู่กับลูก รวมถึงการแต่งงานของลูกด้วย”

ขณะที่เกรซพูดคำเหล่านี้ สีหน้าของนอร่าก็เปลี่ยนไปจริงจังขณะที่เธอพยักหน้า

“หนูรู้ค่ะ หนูคิดมาหมดแล้วก่อนที่จะตัดสินใจเลือกเส้นทางนี้ และหนูจะไม่เสียใจเลย ส่วนการแต่งงานของหนู หนูมีแผนที่จะจัดการกับเรื่องนั้นแล้วค่ะ” 

นอร่ากล่าวอย่างมั่นใจ

เกรซเงียบไปขณะมองระหว่างนอร่ากับผม และในไม่ช้ารอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของเธอขณะพยักหน้า 

“ดี ดูเหมือนลูกจะเข้าใจสิ่งที่แม่พูดแล้ว” 

เธอกล่าว

เมื่อพูดจบเกรซก็หันศีรษะไปทางเอลด้าซึ่งสะดุ้งเมื่อเห็นสายตาจริงจังของเธอ 

“เอลด้า ลูกอยากแต่งงานกับพี่ชายของลูกในอนาคตไหม?” 

เธอถาม

“อยากค่ะ!” 

เอลดาตอบด้วยความมั่นใจ ดวงตาของเธอแข็งแกร่งและแตกต่างจากสายตาที่สงบและไร้เดียงสาของเธอมาก 

ในที่สุดหลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเกรซก็หันหน้ามาทางผม ดวงตาของเธอจ้องมองมาที่ผม ในขณะที่ผมยังคงมียิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า

“ลูกรู้ผลที่จะตามมาใช่ไหม?” 

เกรซถาม

“ผมรู้ดีครับ และผมจะแบกรับมันไว้เอง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ผมจะรักพวกเธอทั้ง 2 อย่างสุดหัวใจและความรู้สึกนี้จะไม่มีวันหวั่นไหวครับ” 

ผมตอบ

“ลูกจะจัดการกับลูกๆ ที่ตัวเองอาจจะมียังไง?” 

เกรซถามต่อ หันไปทางเอลด้าที่จู่ๆ ก็ชะงักกับคำถามนี้ นอร่าเองก็ตัวแข็งเช่นกันเนื่องจากการมีลูกกับคนที่มีพันธุกรรมใกล้ชิดกันอาจทำให้เกิดปัญหาทางพันธุกรรมได้ นอกจากนี้จะมีปัญหาเมื่อเด็กโตขึ้น

ความเงียบอันยาวนานเริ่มก่อตัวขึ้นภายในห้อง และผมบอกได้เลยว่าคำพูดของเกรซกระทบทั้งนอร่าและเอลด้าอย่างแรง เป็นหัวข้อหนึ่งที่ทั้ง 2 คนหลีกเลี่ยง เป็นความจริงที่พวกเธอไม่อยากยอมรับ พวกเราสามารถหลีกเลี่ยงการมีลูกได้ แต่ลึกๆ แล้วพวกเธอกลับปฏิเสธผลดังกล่าว 

เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มตึงเครียด ผมจึงจับมือของนอร่าและเอลด้าเพื่อยืนยันกับพวกเธอในขณะพูด

“ผมมีวิธีจัดการกับเรื่องนี้อยู่ครับ ลูกๆ ของเราจะไม่มีปัญหาใดๆ แน่นอนครับ” 

ผมตอบอย่างมั่นใจ

คำพูดของผมนั้นหนักแน่นและเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นขณะพูดต่อ 

“ผมไม่ได้กระโดดเข้าสู่ความสัมพันธ์แบบตาบอดนะครับแม่ ผมคิดมาดีพอแล้วและหลังจากหาวิธีแก้ปัญหาทั้งหมดได้แล้ว ในที่สุดผมก็ยอมรับความรักที่ตัวเองมีต่อนอร่าและเอลด้าครับ”

คำพูดของผมคลายความตึงเครียดในขณะที่นอร่าและเอลด้ายิ้มออกมา พวกเธอมั่นใจในตัวผม 100% ทำให้บรรยากาศตึงเครียดก่อนหน้านี้เบาบางลง ช่วยให้หัวใจของพวกเธอผ่อนคลายในที่สุด 

เกรซนิ่งเงียบขณะที่เธอมองดูพวกเราสามคนด้วยใบหน้าจริงจัง ซึ่งจู่ๆ ก็ผ่อนคลายลงขณะเอนกายลงบนเก้าอี้ ดวงตาของเธอปิดลงขณะที่เธอพึมพำ

“เห้ออออ…ดูเหมือนลูกสาวของฉันจะกลายเป็นลูกสะใภ้ของฉันซะแล้วสิ” 

เกรซพูด ทำให้พวกเราทั้ง 3 หัวเราะคิกคัก และเกรซก็ร่วมหัวเราะด้วย

“ตอนนี้แม่ไม่สนว่าพวกลูกทุกคนจะเป็นพี่น้องกันแล้ว ตราบใดที่พวกลูกรักกันและมีความสุขแม่ก็พอใจแล้ว พวกลูกเองก็โตกันแล้ว” 

เกรซพูดพร้อมกับมองระหว่างเรา 3 คนด้วยความคิดถึง 

ผมบอกได้เลยถึงความรักอันลึกซึ้งที่เธอมีต่อเราทั้ง 3 คน เรา 3 คนมองหน้ากันก่อนที่จะเขยิบไปข้างหน้าและกอดเกรซเบาๆ

“พวกเรารักแม่นะครับ/คะ” 

เรา 3 คนพูดขึ้นมาพร้อมกับกอดกัน น้ำตาเล็กๆ ไหลรินออกมาจากหางตาของเกรซขณะเธอกอดเรากลับและพูด

“แม่ก็รักพวกลูกเหมือนกันจ่ะ”

ด้วยเหตุนี้เราทั้ง 3 จึงอยู่ในอ้อมกอดนั้นสักพักหนึ่ง และเพลิดเพลินกับช่วงเวลาแห่งครอบครัวระหว่างเรา

…..

มุมมองบุคคลที่สาม:

ห้องถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังโดยตอนนี้เหลือเพียงเกรซและออสติน ออสตินนั่งอยู่บนโซฟาโดยมีเกรซแม่ของเขานั่งอยู่บนตักของเขา ซึ่งทั้งคู่นั้นต่างอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าโดยไร้ซึ่งเสื้อผ้าใดๆ พวกเขาต่างแลกกันสัมผัสความอบอุ่นจากร่างกายของกันและกันขณะที่พวกเขากอดกัน 

ผมสีบลอนด์ของเกรซหล่นลงมาพาดไหล่ขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นมองออสตินด้วยดวงตาสีเขียวที่เปล่งประกายราวกับอัญมณี ทำให้ออสตินอดไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นริมฝีปากอวบอิ่มของเธอขณะที่เธอยิ้มให้เขาด้วยออร่าของความเป็นแม่

ขณะที่พวกเขานั่งกันอยู่ที่นั่น ออสตินก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองตอบสนองต่อการสัมผัสของเธอ เขาสัมผัสได้ถึงมือของเกรซที่พาดผ่านหน้าอกของเขา และเขารู้ว่าเธอมีความกระตือรือร้นไม่แพ้เขาเลย พวกเขาทั้ง 2 รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ได้โดยไม่ต้องพูดอะไร

เกรซโน้มตัวเข้ามาจูบออสติน และเขาก็ประกบริมฝีปากของเธอด้วยริมฝีปากของเขาเอง ลิ้นของพวกเขาเต้นไปด้วยกันขณะที่มือของพวกเขาแลกกันสำรวจร่างกายของกันและกัน มือของออสตินตวัดไปตามส่วนโค้งเว้าของเกรซเพื่อสัมผัสทุกตารางนิ้วของร่างกายเธอ 

เกรซครางขณะที่เขาบีบหน้าอกของเธอ และเขารู้ว่าเธอต้องการมากกว่านี้

ด้วยการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ออสตินจึงพลิกเกรซกลับลงไปนั่งบนโซฟาและวางตัวเองไว้อยู่ตรงระหว่างขาของเธอ เมื่อรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของเธอที่ปะทะกับตัวเอง เขาก็ขยับเข้ามาหาเธออย่างช้าๆ เพลิดเพลินกับความรู้สึกที่รัดแน่นรอบส่วนล่างตัวเขา 

ออสตินเริ่มออกแรงกระเด้งเอวแรงขึ้นและเร็วขึ้นจนส่งผลให้ทั้งคู่ถึงฝั่งแห่งความสุข

เสียงครวญครางของเกรซดังไปทั่วทั้งห้องขณะที่พวกเขาเคลื่อนไหวประสานกัน ในขณะที่ร่างกายของพวกเขาเปล่งประกายไปด้วยเหงื่อ 

ออสตินไล่จูบตั้งแต่คอ, หน้าอกและริมฝีปากของเกรซพวกเขาร่วมรักกัน ส่วนทางด้านเกรซก็โอบขาของตัวเองรอบเอวของเขาเพื่อดึงเขาให้เข้ามาใกล้เธอมากขึ้นในขณะที่เขากระแทกใส่เธอ

เมื่อพวกเขามาถึงจุดสุดยอดกัน ทั้งคู่ก็ร้องเรียกชื่อของกันและกัน โดยที่ออสตินได้ฉีดเมล็ดแห่งชีวิตของตัวเองเข้าไปเต็มอยู่ในครรภ์ของเธอ

“คืนนี้ฉันไม่ให้เธอนอนหรอก~”

เกรซพูดด้วยสายตาแห่งรัก

“คิดเหมือนกันเลย”

ออสตินพูดขณะที่ทั้ง 2 เดินไปที่ห้องนอน 

ค่ำคืนนี้ยังไม่สิ้นสุด…

 

 

 

-Donate-

True Money Wallet ID : mraxzy 

ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต