บทที่ 396 บุตรนอกสมรสในตระกูลขุนนาง
บทที่ 396 บุตรนอกสมรสในตระกูลขุนนาง
“คนพวกนั้นกล้าดีอย่างไร!”
ขุนนางที่มาเข้าร่วมประชุมวันนี้ส่วนใหญ่เป็นขุนนางฝ่ายบู๊ ส่วนขุนนางฝ่ายบุ๋นมีเพียงไม่กี่คน ซึ่งก็เป็นขุนนางจากครอบครัวยากจนที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากหนานกงสือเยวียนโดยตรง
“ฝ่าบาท เราจะทำอย่างไรดี!”
ขุนนางฝ่ายบุ๋นส่วนใหญ่ในราชสำนักถูกควบคุมโดยขุนนางตระกูลใหญ่ แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันอย่างเห็นได้ชัด การศึกษาเป็นเรื่องที่คนยากจนเข้าถึงได้ยาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชนชั้นที่ต่ำกว่านั้น
อืม… ในยุคสมัยนี้สามัญชนยังมีการแบ่งชนชั้น คนยากจนที่ไม่ได้อยู่ในชนชั้นต่ำสุดมักถูกเรียกว่าชาวบ้านทั่วไป แต่คนที่ไม่มีที่ดินทำกิน ไม่มีทรัพย์สินเป็นของตนเองเรียกว่าคนจรจัด
หนานกงสือเยวียนรู้อยู่แล้วว่าสถานการณ์เช่นนี้จะต้องเกิดขึ้นเข้าสักวัน ดังนั้น… เขาจึงวางแผนไว้นานแล้วว่าต้องจัดการอย่างไร
“เราจะจัดสอบเพื่อคัดเลือกผู้มีความสามารถทั่วทั้งต้าเซี่ย ขอเพียงมีความสามารถ อ่านออกเขียนได้ ล้วนสมัครสอบได้ทุกคน หากสอบผ่านก็จะได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ทางการทันที”
ตอนนี้ยังจัดสอบเคอจวี่ไม่ได้ เนื่องจากคุณสมบัติของผู้เข้าสอบจะต้องเป็นบัณฑิต
ไม่เพียงแต่ขุนนางยากจนที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเท่านั้นที่ตกใจ แม้แต่ขุนนางฝ่ายบู๊ยังตกตะลึง
“ฝ่าบาท…”
“เราใคร่ครวญดีแล้ว พวกท่านไม่สังเกตกันบ้างหรือว่าสามัญชนคนธรรมดาที่ไร้การศึกษายังเชี่ยวชาญเรื่องการเกษตร งานฝีมือ หรือแม้แต่มีกิจการเป็นของตัวเองได้ บางครั้งผู้มีการศึกษายังต้องขอความรู้จากคนเหล่านั้น ฉะนั้นหลังจากได้ผู้สอบผ่านแล้ว เราจะให้พวกเขาเข้ารับตำแหน่งในกรมคลัง กรมโยธา บางส่วนก็ให้รับผิดชอบเรื่องการเกษตร รวมทั้งขุนนางในราชสำนักด้วย”
เอ่ยจบหนานกงสือเยวียนพลันยกยิ้มเยือกเย็น
“ข้าย่อมมีวิธีของข้า”
ผู้มีการศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในตระกูลขุนนางก็จริง แต่อย่าลืมว่านอกจากบุตรในกฎหมายแล้ว พวกตระกูลชนชั้นสูงยังมีบุตรนอกสมรสอีกนับไม่ถ้วน
และด้วยความหยิ่งยโสโอ้อวด หลงระเริงเหลวไหลที่ถ่ายทอดกันมารุ่นสู่รุ่น บุตรสายตรงส่วนใหญ่ถูกตามใจจนเสียนิสัย กลายเป็นคุณชายเสเพลไร้การศึกษา
แต่ด้วยการผูกขาดตำแหน่งขุนนางของพวกตระกูลใหญ่ บุตรสายตรงแม้จะไร้การศึกษา ไร้ความสามารถอย่างไร พวกเขาก็ยังพึ่งพาคนในตระกูลฝากฝังให้เข้ารับตำแหน่งสักตำแหน่งในทางการได้
ช่างตรงกันข้ามกับบุตรนอกสมรสส่วนใหญ่ที่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก สถานะน่าอับอาย คนที่มีพรสวรรค์ก็ถูกแม่ใหญ่และพี่น้องกดขี่
คนเห็นแก่ตัวพวกนั้นจะยอมให้บุตรนอกสมรสผู้น่ารังเกียจปีนข้ามหัวได้อย่างไร
ในสายตาตระกูลใหญ่ บุตรนอกสมรสเป็นเพียงเครื่องมือในการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น
แต่บางครั้ง เครื่องมือก็ไม่อยากเป็นเพียงเครื่องมืออีกต่อไป
สิ่งที่หนานกงสือเยวียนต้องทำคือสร้างโอกาส เพื่อปลดปล่อยพวกเขาจากความทุกข์ทรมานที่ต้องถูกกดขี่ข่มเหง ให้พวกเขาได้มีชีวิตที่ดีขึ้น
ขอเพียงมีความสามารถ เขาไม่รังเกียจที่จะช่วยเหลือบุตรนอกสมรสเหล่านั้นให้ได้เป็นอิสระ และจะหยิบยื่นโอกาสทางหน้าที่การงานให้พวกเขายืนได้ด้วยลำแข้งและความสามารถของตนเอง
เนื่องจากเขาได้คาดการณ์แผนการของเหล่าขุนนางตระกูลใหญ่ไว้อยู่แล้ว จึงส่งองครักษ์เงาออกไปสืบหาความลับที่คนพวกนั้นพยายามปกปิด เป็นเหตุให้ค้นพบผู้มีพรสวรรค์จำนวนไม่น้อย
ช่วงค่ำภายในคุกใต้ดิน
ตระกูลหวังที่ถูกจับกุมทั้งตระกูลถูกขังมาหลายวัน พวกเขาเฝ้ารอคอยความช่วยเหลือจากคนข้างนอกอย่างใจจดใจจ่อ และแล้วผู้คุมก็เดินเข้ามา
“ผู้ใดคือหวังอวี้อัน”
มุมอับในคุกใต้ดิน ชายหนุ่มร่างผอมคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นมอง
เขาไม่ได้ตะโกนด่าทอสาปแช่งคนในราชวงศ์เฉกเช่นคนอื่น เขาเอาแต่ก้มหน้าเงียบอยู่ตรงมุมอับของห้องขังพร้อมกับน้องชายและมารดาผู้เป็นเพียงอนุคนหนึ่ง
ตัวเขานั้นสิ้นหวังกับชีวิตนี้ไปตั้งนานแล้ว ตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลหวังนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าทาส แต่บัดนี้คนทั้งตระกูลตกต่ำไปพร้อมกับพวกเขาแล้ว ฉะนั้นต่อให้ต้องตายก็ไม่เสียดายชีวิต
แต่ที่น่าเศร้าก็คือน้องชายของเขายังเด็กนัก เพิ่งได้ลืมตาดูโลกเพียงไม่กี่ปีก็ต้องจากโลกนี้ไปทั้งที่ยังไม่ได้มีชีวิตดี ๆ เหมือนคนอื่นเขา
ในขณะที่หวังอวี้อันตกอยู่ในห้วงความคิด ทันใดนั้นผู้คุมก็เรียกชื่อเขา หวังอวี้อันถึงได้เงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความสงสัยพร้อมหัวใจที่บีบรัด
“เจ้าคือหวังอวี้อันใช่หรือไม่ มากับเราเถิด”
หวังอวี้อันเผลอจับมือน้องชายแน่นขึ้นทันที
“ท่านพอจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าอวี้อันของเราไปก่อเรื่องอันใดไว้หรือ”
มารดาของหวังอวี้อันคุกเข่าบนพื้น คนสุดท้ายที่ถูกนำออกมากลับมาพร้อมกับเลือด จะให้นางไม่กังวลได้อย่างไร
“ข้าว่าเจ้าถามเจ้าตัวเอาเองดีกว่า แต่ต่อให้เขาก่อเรื่องจริง มันก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกเจ้าจะสอดมือเข้ามาแทรกได้”
“ท่านพี่ ท่านพี่ ได้โปรด อย่าเอาตัวพี่ชายข้าไปเลย”
“ใต้เท้า หวังอวี้อันของเราเป็นเพียงบุตรนอกสมรส ซ้ำยังไม่เป็นที่โปรดปราน เขาไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องใด ๆ เลยจริง ๆ นะเจ้าคะ!”
“เหอะ อนุเจิ้งหมายความว่าอย่างไร เจ้าคิดว่าหากเป็นบุตรสายตรงจะต้องมีส่วนรู้เห็นทุกเรื่องเช่นนั้นหรือ ข้าว่าคนชั้นต่ำอย่างพวกเจ้าต่างหากที่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องชั่วช้าพรรค์นี้!”
ฮูหยินใหญ่ตระกูลหวังถ่มน้ำลายใส่อนุเจิ้ง บรรดาบุตรสายตรงต่างมองนางด้วยสายตาเหยียดหยามและเกลียดชัง
“คนชั้นต่ำอย่างพวกเจ้าสมควรถูกทุบตีให้ตาย!”
“แก แกมันสารเลว คนอย่างแกจะต้องไม่ตายดี!”
อนุเจิ้งผู้อ่อนแอมีบุตรชายทั้งสองเป็นเสมือนเกล็ดใต้คอมังกร*[1] ตลอดเวลาที่พวกเขาสามแม่ลูกอาศัยอยู่ใต้ชายคาจวนตระกูลหวัง แม้พยายามอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวอย่างไรก็มิวายถูกรังแกอยู่บ่อยครั้ง คนพวกนั้นจะยกเหตุผลต่าง ๆ นานามาลงโทษบุตรชายของนาง แม้มีขาแต่ก็ไม่อาจเดินหนี
บนเนื้อตัวบุตรชายของนางมีบาดแผลจากแส้ทั้งเก่าและใหม่ บ้างก็ถูกบุตรชายสายตรงทุบตี หากไปเผลอทำสิ่งใดให้ไม่พอใจ บhางก็ถูกคนในจวนลงโทษด้วยแส้
ทั้ง ๆ ที่บุตรชายของนางความสามารถโดดเด่น แต่เพราะกลัวว่าหากฮูหยินใหญ่กับลูก ๆ รู้เข้าจะเป็นภัยต่อตน เขาจึงต้องเก็บซ่อนมันไว้และไม่มีวี่แววว่าจะได้เปิดเผยให้ผู้อื่นได้เห็น
ทั้งหมดเป็นเพราะนางเป็นแม่ที่ไม่ดี ไม่มีความสามารถ หากบุตรชายของนางเกิดในครอบครัวยากจนคงจะดีกว่านี้
นางเข้ามาเป็นอนุโดยไม่เต็มใจด้วยซ้ำ ความเคียดแค้นที่ถูกกักเก็บมานานจึงระเบิดในทันที นางกระโจนเข้าไปคว้าหัวหวังฮูหยินด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ใช้มืออีกข้างข่วนหน้าอีกฝ่าย
เนื่องจากอนุเจิ้งข่วนสุดแรงเกิด ผิวหนังบนใบหน้าของอีกฝ่ายจึงถลอกจนเห็นผิวเนื้อชั้นใน
“กรี๊ด!!!”
หวังฮูหยินไม่คิดว่าอนุเจิ้งที่มักจะเก็บกดความเคียดแค้นไว้ในใจจะระเบิดออกมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้ นางจึงไม่ทันตั้งตัวจนกระทั่งรู้สึกเจ็บปวดแสบร้อนบนใบหน้าถึงได้กรีดร้องสุดเสียง
“จับตัวนังคนชั้นต่ำนี้เอาไว้ ข้าจะฆ่านางทิ้งเสีย!”
ทั้งบุตรชายบุตรสาวสายตรงของตระกูลหวังเห็นว่ามารดาของตนถูกกระทำก็พลันสาวเท้าเข้าไปหมายจับตัวอนุเจิ้งไว้
แต่ผู้คุมเข้ามาเสียก่อน “เอะอะโวยวายอันใดกัน เด็ก ๆ พาตัวสองคนนั้นไปขังที่อื่น”
ผู้คุมหมายถึงอนุเจิ้งและบุตรชายคนเล็ก
น้ำเสียงดุดันของผู้คุมช่วยชีวิตสองแม่ลูกไว้ก็จริง
ทว่าอนุเจิ้งกลับตื่นตระหนกและหวาดกลัวเมื่อได้ยินประโยคถัดมา แม้ยามนี้นางจะสิ้นหวัง แต่นางยังเป็นห่วงบุตรชาย ในขณะเดียวกันนางก็ตื่นเต้นที่ตนเองจัดการนังสารเลวนั่นได้
แค่นี้มันยังไม่สาสมกับสิ่งที่หวังฮูหยิน รวมถึงคนตระกูลหวังทั้งตระกูลกระทำกับนางและลูกเลยด้วยซ้ำ
อีกด้านหนึ่ง หวังอวี้อันคิดว่าตนต้องถูกนำตัวไปทรมานเป็นแน่ ทว่าความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น กลับกันห้องที่เขาก้าวเข้ามานั่นทั้งสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย
ระหว่างที่กำลังเดินเข้าไป คนข้างในก็เปิดปากถามทันที “เจ้าอยากเป็นอิสระจากตระกูลหวัง อยากมีชีวิตที่ก้าวหน้า อยากหลีกหนีจากความอัปยศอดสูทั้งหมดที่เจ้าเคยได้รับ อยากเลี้ยงดูมารดาและน้องชายให้สุขสบาย และไม่ต้องทนอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ อีกหรือไม่”
ทุกคำถาม ทุกคำพูด วนเวียนอยู่ในใจหวังอวี้อันจนหนักอึ้ง
[1] เกล็ดใต้คอมังกร หมายถึง เกล็ดย้อนกลับ เชื่อว่าหากผู้ใดสัมผัสเกล็ดนี้ มังกรจะโกรธ และสังหารคนผู้นั้นทันที