เมื่อได้ยินคำขอของเจียงซื่อ นางกำนัลจึงมองเสียนเฟยกับจวงเฟย
จวงเฟยไม่มีท่าทีอื่นนอกจากยิ้มอ่อน
เสียนเฟยพยักหน้าอนุญาต
นางอยากดูเหมือนกันว่าหญิงสาวคนนี้จะเล่นลูกไม้อะไร
แล้วนางกำนัลสองคนก็ถือแจกันแก้วที่มีดอกเหมยหนึ่งก้านเข้ามา
แจกันแก้วใสปากแหลมทรงอ้วน มีก้านดอกเหมยที่ยาวพ้นปากขวดออกมาสามนิ้ว ประดับไว้ด้วยดอกตูมเล็กๆ อยู่ด้านบน
ท่ามกลางดอกเหมยที่บานสะพรั่ง การหาก้านดอกเหมยตูมไม่ใช่เรื่องง่าย
“เหนียงเหนียง” นางกำนัลสองคนยืนข้างกัน จากนั้นย่อตัวต่อเสียนเฟยกับจวงเฟยพร้อมกัน
เสียนเฟยเงยหน้าไปทางเจียงซื่อพร้อมกับเอ่ยเสียงนิ่ง “เอาไปให้คุณหนูเจียงเถอะ”
นางกำนัลสองคนถือแจกันแก้วเดินมาถึงตรงหน้าเจียงซื่อ จากนั้นย่อตัวต่อเจียงซื่ออย่างหน้านิ่ง
สำหรับนางกำนัลที่ได้พบสตรีชั้นสูงมาแล้วมากมาย คุณหนูจากจวนปั๋วก็เพียงแค่นั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนตรงหน้าท่านนี้ ที่ดูแล้วไม่มีอนาคตใดๆ
จะแสดงมายากล?
งานเลี้ยงชมดอกไม้ทั้งงานเล็กงานใหญ่ พวกนางเคยร่วมงานมาแล้วไม่รู้ตั้งเท่าไร ยังไม่เคยเจอสตรีชั้นสูงคนใดแสดงความสามารถตนเองด้วยการเล่นมายากล
จะเล่นมายากลอย่างไรรึ จะทำให้ดอกเหมยก้านนี้หายไปรึอย่างไร…
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ต่างก็รู้สึกว่าเป็นการแสดงที่ไม่คู่ควรกับงานเช่นนี้เลยสักนิด ช่างน่าขำสิ้นดี
สองสาวนางกำนัลนึกคิดอยู่อย่างนั้น แต่สีหน้าไม่แสดงอาการใดๆ พวกนางยื่นแจกันให้กับเจียงซื่อโดยไม่เหลียวมอง
เจียงซื่อยิ้มและกล่าว “พี่สองคนถือไว้ดีกว่า”
นางกำนัลสองคนจับแจกันนิ่ง
เจียงซื่อก้าวไปข้างหน้าสองก้าว จนทำให้ได้ยืนใกล้กับนางกำนัลคนหนึ่งมากขึ้น
นางยกมือขึ้น นิ้วเรียวยาวแตะลงที่ดอกตูมดอกหนึ่ง
ดอกตูมดอกนั้นเล็กมาก มันถูกห่อหุ้มไว้อย่างแนบสนิท จนดูน่าสงสาร
สาวๆ เห็นท่าทางนั้นก็ยิ่งไม่เข้าใจ แม้ว่าในใจจะดูถูกเพียงใด แต่เวลานี้ความสงสัยก็ได้ถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมด ทุกคนกลั้นลมหายใจมองดูอย่างจดจ่อ บางคนถึงกระทั่งเขย่งเท้าขึ้น
“คุณหนูเจียงจะแสดงมายากลอะไรหรือ” เสียนเฟยเอ่ยถาม
เจียงซื่อยิ้มเบาๆ “ที่จริงก็ไม่ถึงกับเป็นมายากลอะไรเพคะ เพียงแค่ดอกเหมยเต็มสวน ระยะเวลาผลิบานกำลังจะผ่านไป แต่สองก้านนี้กลับไม่ผลิบานเสียที หม่อมฉันรู้สึกเสียดาย จึงอยากกระตุ้นมันให้บานออกเร็วๆ เพียงเท่านั้นเพคะ”
ว่าอย่างไรนะ จะกระตุ้นให้ดอกตูมผลิบาน?
ไม่ได้มีเพียงสตรีชั้นสูงที่รู้สึกว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นไม่น่าเชื่อ แม้แต่เสียนเฟยกับจวงเฟยก็ยังเผยสีหน้าตกใจออกมา และทั้งสองคนก็สบตากันและกันอย่างไม่ตั้งใจ
จวงเฟยเองก็รู้สึกตระหนกตกใจไม่ต่าง
หากว่าคุณหนูเจียงสามารถทำให้ดอกตูมนั้นผลิบานได้จริงๆ นี่จะไม่ใช่การแสดงธรรมดา แต่จะกลายเป็นเรื่องที่สง่างามและน่าอัศจรรย์
แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรเล่า
นางเป็นผู้คงแก่เรียน แม้กระทั่งหนังสือทั่วไปก็เคยอ่านมาแล้วมากมาย แต่ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีมายากลเช่นนี้ด้วย
ชั่ววินาทีที่เหนียงเหนียงสองคนสบตากัน สตรีชั้นสูงพากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“หรือว่าคุณหนูเจียงเป็นโรคอี้เจิ้ง[1]”
“ใครจะรู้เล่า เมื่อครู่นี้ข้าได้ยินชัดเจน คุณหนูเจียงต้องออกไปแสดงเพราะถูกคุณหนูเฉินบังคับ คงไม่มีความสามารถใดจะแสดงจนต้องทำเช่นนี้กระมัง”
“ถึงจะถูกบังคับ ก็ไม่ควรโยนขวดที่แตกแล้วทำให้แตกเพิ่ม[2] อีก พูดเกินจริงเช่นนี้ อีกประเดี๋ยวไม่ขายหน้าแย่เอาหรือ”
มุมปากของเฉินฮุ่ยฝูกระดกสูงขึ้นเรื่อยๆ
นางผลักเจียงซื่อออกไป ก็เพื่อให้การแสดงของเจียงซื่อที่ไม่ว่านางจะแสดงอะไรก็ตาม ดูธรรมดามากยิ่งขึ้นเมื่อทำการแสดงต่อจากการแสดงอันเยี่ยมยอดของโค่วหลิงปัว แต่ก็คิดไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะกล้าหาเหาใส่หัวถึงเพียงนี้
ทำให้ดอกตูมผลิบาน? ฮ่าๆๆ นังคนแซ่เจียงตัวดีมีความบกพร่องทางสติปัญญาแน่ๆ
จี้ฟังหวาที่นั่งด้านข้างเสียนเฟยมองหญิงสาวกลางเวทีแล้วขมวดคิ้วเบาๆ แต่พอหญิงสาวคนนั้นขยับตาคู่สวย วินาทีที่ได้สบตาคู่นั้น ท่าทางอันนิ่งสงบของฝ่ายตรงข้ามก็พลอยทำให้นางวางใจลงได้อย่างน่าประหลาดใจ
จี้ฟังหวายิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
เจียงซื่อยิ้มกลับ จากนั้นดึงสายตากลับ
สายตาของอวี้จิ่นจับจ้องคนกลางเวทีตลอดเวลา เขาเห็นทุกช่วงท่าของฝ่ายตรงข้าม พอเห็นเจียงซื่อสลับตามองกับคนอื่น เขาก็รู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาทันที
เขานั่งอยู่ตรงนี้ อาซื่อไม่มองเขา แต่มองผู้หญิงคนอื่น?
ผู้หญิงที่ไม่รู้กาลเทศะคนนั้นมันเป็นใคร
อวี้จิ่นจับจ้องจี้ฟังหวาไม่ขยับไปไหน
หน้าคุ้นๆ…ได้นั่งด้านข้างเสียนเฟย คงมีที่มาไม่เลวน่าดู
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของอวี้จิ่น จี้ฟังหวาจึงหันมองและพยักหน้าให้เบาๆ ถือว่าเป็นการทักทาย แต่นางกลับรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ท่านพี่มองนางทำไมกัน
เดี๋ยวก่อน อย่าบอกนะว่าถูกใจนาง?
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ทันทีที่จี้ฟังหวารู้สึกร้อนใจ สีหน้าพลันหมองลงทันควัน แล้วนางก็กลอกตาขาวให้อวี้จิ่นหนึ่งที
อวี้จิ่นชะงัก จากนั้นโมโห ผู้หญิงคนนี้สบตากับอาซื่อยังไม่พอ ยังกล้ายั่วยุเขาอีก!
คำพูดเสียงค่อยดังขึ้น “น้องเจ็ด เจ้าว่าคุณหนูเจียงจะทำให้ดอกตูมผลิบานได้จริงๆ หรือไม่”
อวี้จิ่นดึงสติกลับมาแล้วมองตาที่แวววาวเล็กน้อยของสู่อ๋อง ทันใดนั้น เขาส่งสัญญาณเตือนออกมา ด้วยการกล่าวอย่างไร้สีหน้าใดๆ “ข้าจะรู้ได้อย่างไร”
สู่อ๋องหัวเราะออกมา “หึๆ ข้าเองก็สงสัยเหมือนกัน”
ที่แท้ น้องเจ็ดชอบคุณหนูจวนอันกั๋วกงนี่เอง
จะว่าไปแล้ว จวนอันกั๋วกงเป็นจวนของท่านตาของน้องเจ็ด หากว่าน้องเจ็ดได้แต่งงานกับคุณหนูจวนอันกั๋วกง จวนอันกั๋วกงก็จะสนับสนุนน้องเจ็ดอย่างเต็มที่ แล้วความสัมพันธ์ที่จืดจางของน้องเจ็ดกับเสียนเฟยก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปโดยไม่จดจ่ออยู่กับน้องสี่ทั้งหมด
หากเป็นเช่นนี้ น้องเจ็ดก็ฉลาดไม่เบา
ในใจของสู่อ๋องกำลังคิดถึงสิ่งเหล่านี้ แต่สายตานั้นตกอยู่ที่หญิงสาวตรงกลางเวที
ถึงตำแหน่งพระชายาเอกของสู่อ๋องกับหญิงผู้มีโฉมงดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้อย่างคุณหนูเจียงจะไม่มีพรหมลิขิตต่อกัน แต่ในฐานะบุรุษคนหนึ่ง ย่อมมีความยินดีอย่างแน่นอนหากได้มองหญิงงาม
ปฏิกิริยาการตอบสนองและเสียงวิจารณ์ของทุกคนไม่ส่งผลใดกับเจียงซื่อ
นางหย่อนตามองก้านดอกเหมยในแจกันแก้วด้วยสายตาที่อ่อนโยน “อย่าแอบขี้เกียจ ผลิบานได้แล้ว”
หลังจากพูดจบ ปลายนิ้วนวลขาวที่เปล่งปลังปัดผ่านดอกตูมหนึ่งดอก
ดอกตูมที่ปิดแนบสนิทถูกปัดด้วยมือของหญิงสาว และภายใต้จำนวนดวงตาที่นับไม่ถ้วน เพียงแตะลงที่กลีบดอกเบาๆ มันก็เริ่มผลิบานออกอย่างช้าๆ
มือของหญิงสาวปัดดอกตูมทีละดอก แล้วดอกตูมที่ถูกปัด ก็บานออกอย่างช้าๆ ราวกับได้รับสารอาหารชั้นดี ในไม่ช้าดอกเหมยสีแดงสดใสก็ผลิออกเต็มกิ่งก้าน
ภาพอันน่าอัศจรรย์นี้ทำให้ทุกคนในงานตะลึงงันนิ่งไปราวกับถูกฟ้าผ่า วินาทีที่เงียบสงัด มีเพียงเสียงดอกไม้ที่ผลิบาน แม้มันอาจไม่มีอยู่จริงก็ตาม แต่มันดังก้องอยู่ในใจของทุกคน
ช่างเป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก
ทุกคนที่อยู่ในงาน ล้วนเคยร่วมงานชมดอกไม้มาแล้วมากมาย เคยเห็นดอกไม้ประหลาดต้นไม้แปลกๆ มาแล้วนับไม่ถ้วน แต่พูดได้เลยว่า ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ประหลาดหรือต้นไม้แปลกๆ ที่แม้ว่าจะพบได้ยากแค่ไหน มันก็ยังไม่ประทับใจเท่าภาพที่งดงามเช่นนี้มาก่อน
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกนางได้เห็นว่าดอกไม้ผลิบานทีละนิดนั้นเป็นอย่างไร
ช่างน่าอัศจรรย์ น่าทึ่ง…อย่างที่สุด
ช่วงเวลาที่ทุกคนยังไม่ได้สติกลับคืนมา ดอกเหมยสองดอกได้ผลิบานออกเต็มที่แล้ว
ดอกเหมยสีแดงสด กับหญิงสาวที่สวยสดยิ่งกว่าดอกไม้
สู่อ๋องลุกขึ้นยืนอย่างอดไม่ได้
เจียงซื่อย่อตัวให้เสียนเฟยกับจวงเฟยพร้อมเอ่ยขึ้นอย่างเสียงดังชัดเจน “หม่อมฉันเป็นผู้ไร้ความสามารถ มีเพียงดอกเหมยนี้ที่จะขอมอบให้เหนียงเหนียงทั้งสองพระองค์ ขอให้เหนียงเหนียงทั้งสองทรงพระเยาว์ตลอดไปเพคะ”
เมื่อเสียนเฟยได้สติกลับมาคืน นางบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรไปชั่วขณะ นางพยักหน้าให้กับนางกำนัล “ส่งขึ้นมาเถิด”
แล้วนางกำนัลสองคน ก็นำแจกันแก้วที่ปักไว้ด้วยดอกเหมยขึ้นมาให้พระสนมทั้งสองพระองค์
เสียนเฟยมองแล้วมองอีก พลางถอนหายใจ “ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ที่ทำให้ดอกไม้ผลิบานได้ ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลยจริงๆ”
———————–
[1] อี้เจิ้ง โรคฮิสทีเรีย
[2]ขวดที่แตกแล้วทำให้แตกเพิ่ม อุปมาว่า ทำให้เรื่องราวแย่ลงกว่าเดิม