ตาที่ขยับกับรอยยิ้มจางๆ ของเขา ไม่รู้ว่ามีสตรีหน้าแดงใจเต้นตั้งเท่าไรที่สังเกตเห็นทั้งหมดนี้ พวกนางพากันก้มหน้าลง จากนั้นก็เกิดความรู้สึกไม่ยุติธรรม พวกนางเก็บความเขินอายนั้นไว้และมองมาอย่างเงียบๆ
กำลังอยู่ในช่วงสาววัยรุ่นแรกแย้ม คนที่สามารถให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของตระกูลโดยเพิกเฉยต่อรูปลักษณ์ภายนอกนั้นยังคงเป็นแค่คนส่วนน้อยจริงๆ
เจียงซื่อมองดูสิ่งเหล่านี้ด้วยแววตาที่เย็นชา นางทั้งรู้สึกภูมิใจและไม่พอใจ แล้วนางก็เริ่มดูถูกตัวเอง เพียงแค่ภูมิใจก็เพียงพอแล้ว ก็ผู้ชายของตนเป็นคนที่โดนเด่นน่าภูมิใจ แต่นางไม่ใช่คนขี้หึงหวง จะไม่พอใจทำไม!
ถูกชักจูงให้มีความคิดผิดๆ เช่นนี้เพราะอวี้ชีคนเดียวทั้งนั้น
เจียงซื่อเม้มปากยิ้มอ่อนเมื่อคิดถึงสิ่งเหล่านี้
อวี้จิ่นอารมณ์ดีเช่นกัน
ในที่สุดก็สามารถไปหาอาซื่ออย่างเปิดเผยด้วยสถานะขององค์ชายเสียที
หลังจากผ่านพ้นวันนี้ไป นางก็จะกลายเป็นผู้หญิงของเขา
สู่อ๋องเกิดความรู้สึกเหมือนถูกน้องชายแย่งความสนใจ แต่ว่าเขาไม่ได้สนใจนัก
บุรุษคนหนึ่ง โดยเฉพาะผู้ที่เกิดในราชวงศ์ รูปลักษณ์ภายนอกคือสิ่งที่ไม่สำคัญที่สุด หากว่าเขาคิดจุกจิกกับเรื่องนี้ ก็จะเป็นการลดระดับตนเองลงทันที
เสียนเฟยยิ้มและกล่าว “เชิญท่านอ๋องทั้งสองนั่งลงก่อน มาทำความเข้าใจกับการวางตัวของหญิงสาวจากเมืองหลวงพร้อมกันเถอะ”
อวี้จิ่นกับสู่อ๋องนั่งลง
เมื่อมีท่านอ๋องวัยหนุ่มรูปงามสองคนอยู่ในงาน บรรดาหญิงสาวตื่นเต้นขึ้นมาอย่างทันทีทันใด แม้ว่าพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแสดงท่าทางที่พึงสงวน แต่ก็ยังสามารถเห็นความตื่นเต้นจากท่าทางของพวกนางได้
ถึงแม้อาจจะไม่ถูกเลือก ถึงแม้ท่านอ๋องที่อยู่ตรงหน้าทั้งสองท่านไม่มีสถานะเป็นองค์ชาย เป็นเพียงคุณชายตระกูลชนชั้นสูงทั่วๆ ไป ด้วยนิสัยที่มีมาแต่เกิดของผู้หญิง มีใครไม่อยากแสดงส่วนที่ดีที่สุดของตนเองออกมาบ้างเล่า!
แล้วคนที่อยู่ในงานก็มีบุญตาได้ชมสิ่งที่งดงามและมหัศจรรย์อย่างรวดเร็ว
ทั้งดีดพิณกู่ฉิน เป่าขลุ่ย ดีดขิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โค่วหลิงปัวคุณหนูสามแห่งจวนโส่วชุนโหวที่แสดงการรำหูสวน[1] ที่มองแทบไม่ทัน
หลังจากโค่วหลิงปัวร่ายรำเสร็จ บรรยากาศในงานพลันเงียบและไม่มีสตรีคนใดขึ้นมาแสดงอยู่ครู่หนึ่ง
ไม่มีใครอยากถูกโค่วหลิงกดทับจนกลายเป็นเพียงแจกันดอกไม้ธรรมดาและปูทางให้กับคนอื่น
เจียงซื่อปรบมือพร้อมกับทุกคนเพิ่งจะหยุดลง พลันรู้สึกมีสายตาคู่หนึ่งมองมาที่ตัวเอง
มันเอ่อล้นไปด้วยความประสงค์ร้าย
“เหนียงเหนียงเพคะ คุณหนูเจียงจากตงผิงปั๋วต้องการขึ้นไปแสดงเพคะ” เฉินฮุ่ยฝูตะโกนขึ้นอย่างดีใจ
เฉินฮุ่ยฝูมีอายุสิบสี่สิบห้า ดวงตาเรียวดุจเมล็ดซิ่งเหริน ยามยิ้มออกมาช่างดูไร้เดียงสาไม่มีพิษภัย ไม่มีใครรู้ได้ว่านางกำลังปั้นน้ำเป็นตัว
มีสายตาสองคู่ที่แปลกประหลาดมองมายังเจียงซื่อ คู่หนึ่งมาจากเสียนเฟย อีกคู่หนึ่งมาจากจวงเฟย
เสียนเฟยคิดในใจ เมื่อครู่นี้เจ้าเด็กคนนี้นั่งอยู่ตรงมุม ยังถือว่ารู้จักกาลเทศะ รู้ถึงความหนักเบา เวลานี้คิดจะทำตัวออกหน้าออกตา? ช่างไม่สำเหนียกตัวเองเสียจริง!
แต่ถึงอย่างไร ถึงแม้คุณหนูเจียงนางนี้จะแสดงได้โดดเด่นกว่าใครก็คงเป็นไปได้ยาก เพราะการรำหูสวนอันน่าชื่นชมเมื่อสักครู่ยังเป็นภาพจำของทุกคน หากคุณหนูท่านนี้เลือกแสดงในเวลานี้ ก็เป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเท่าไหร่นัก
แต่ถ้ามีความสามารถจริงๆ และเลือกแสดงในเวลานี้ ก็จะดูเป็นคนที่ชอบเอาชนะมากเกินไป
แต่ถ้าไม่มีความสามารถ ก็จะกลายเป็นเรื่องน่าอับอายขายหน้า
เหนียงเหนียงทั้งสองคนคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเฉินฮุ่ยฝูที่แลดูเป็นเด็กผู้หญิงไร้เดียงสาไม่มีพิษภัย จะพูดคำโกหกออกมาได้อย่างมั่นใจ ส่วนสตรีที่ห่างจากเฉินฮุ่ยฝูไม่ไกล และเข้าใจถึงการกระทำเล็กๆ ของนางนี้ ก็ไม่มีทางออกหน้าแทนเจียงซื่อเป็นแน่
เฉินฮุ่ยฝูมั่นใจในสิ่งนี้ นางจึงกล้าทำลงไปอย่างไม่เกรงกลัว
นางไม่เชื่อว่าเจียงซื่อจะกล้าเปิดโปงนาง
ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าใครเป็นคนถูกหรือใครเป็นคนผิด หากว่ามีการฉีกหน้ากันขึ้นมา ก็ไม่มีใครได้ผลดีกลับไปแน่
เฉินฮุ่ยฝูวางแผนได้ไม่เลว
เจียงซื่อถูกผลักให้ออกมาโดยไม่ทันระวังตัว แน่นอนว่าจะให้นางเป็นเต่าหัวหดก็เป็นไปไม่ได้
สิ่งที่นางเลือกได้ มีเพียงเดินออกไป
อวี้จิ่นบีบถ้วยน้ำชา แววตานั้นเข้มขรึมลุ่มลึก
หญิงคนนี้กล้าเล่นงานอาซื่อต่อหน้าเขา?
จะคว่ำโต๊ะตอนนี้ก็ยังทำไม่ได้ เพราะยังไม่ได้เลือกภรรยา
อวี้จิ่นอดทนเอาไว้ สายตาที่ทอดมองไปยังเจียงซื่อแฝงไว้ด้วยความเป็นห่วง
ถึงแม้ว่าเขาชอบอาซื่อมาหลายปี แต่เวลาที่ได้ทำความรู้จักกับอาซื่อจริงๆ ยังไม่ถึงหนึ่งปี ความถนัดของอาซื่อคืออะไรนะ…
มีความทรงจำกลุ่มหนึ่งแล่นผ่านเข้ามาในสมอง มีอยู่ไม่กี่คำที่ปรากฏขึ้นมา ฆ่าคน วางเพลิง ใช้ดาบทิ่มก้นของผู้ชาย…
อวี้จิ่นไม่กล้าคิดต่อ
แหะๆ ในสถานการณ์เช่นนี้ อาซื่อเก็บซ่อนความสามารถนี้ไว้ก่อนดีกว่า
เจียงซื่อแอบกระดกริมฝีปากขึ้น
นางไม่สนใจใครทั้งนั้น แต่สายตาของอวี้ชีนั่นหมายความว่าสิ่งใด!
หมายความว่านางไม่มีความสามารถใดจะนำออกมาแสดง เอ่อะ สิ่งที่นางถนัดไม่ใช่การดีดพิณกู่ฉิน การเล่นหมากล้อม การเขียนพู่กันหรือการวาดภาพจริงๆ แต่หากต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ นางไม่มีปัญหาเหมือนกัน
เจียงซื่อลุกขึ้นอย่างช้าๆ นางหันไปย่อตัวถวายความเคารพให้เสียนเฟยกับจวงเฟย นางยิ้มอ่อนและกล่าว “หม่อมฉันมิกล้าแสดง แต่เมื่อครู่นี้คุณหนูเฉินบอกแก่หม่อมฉันว่า หากหม่อมออกมาแสดงรอบนี้ นางจะแสดงต่อจากหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่อาจทนหากคุณหนูเฉินต้องสูญเสียโอกาสแสดงความสามารถส่วนตัว ดังนั้น จึงขออนุญาตความสามารถแสดงนะเพคะ”
เฉินฮุ่ยฝูกัดริมฝีปากทันใด ริมฝีปากสั่นระริกอยู่หลายทีถึงกลืนคำพูดกลับไป สายตาที่มองไปยังเจียงซื่อเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
นางสารเลวจอมหลอกลวง!
ความเกลียดชังที่เฉินฮุ่ยฝูมีต่อจวนตงผิงปั๋วไม่ได้เกิดจากพี่ชายเพียงเท่านั้น ยังมีเพื่อนสนิทชุยหมิงเย่ว์อีกคน
หมิงเย่ว์ถูกตระกูลจูกับจวนตงผิวปั๋วทำร้าย ไม่เช่นนั้น ในงานเลี้ยงแบบนี้เหตุใดถึงซุกซ่อนอยู่แต่ในเรือนไม่ยอมออกมา กลับให้พวกของประหลาด ไม่เป็นโล้เป็นพาย มาปรากฏตัวอยู่ในงานเลือกพระชายา
เฉินฮุ่ยฝูกำลังคิดถึงสิ่งเหล่านี้ ภายในใจรู้สึกเคียดแค้นและไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็เหมือนกับที่นางเล่นงานเจียงซื่อ แต่นางกลับถูกเจียงซื่อเอาคืนฟันต่อฟัน
นี่หมายความว่า หลังจากที่เจียงซื่อแสดงเสร็จ ก็ถึงครานางออกไปแสดง
เฉินฮุ่ยฝูรู้สึกวิตกกังวลเล็กน้อย
ศิลปะทั้งสี่แขนง พิณกู่ฉิน หมากล้อม พู่กันและวาดภาพ แน่นอนว่านางได้เรียนรู้มาทั้งหมด แต่หากให้นำออกมาแสดงในงานแบบนี้ อย่างไรเสียก็มีความกลัวอยู่บ้าง
เหล่าสตรีที่แสดงไปก่อนหน้านี้ โดดเด่นกว่านางอยู่หลายคน หากว่านางออกไปแสดง คงขายหน้าไม่น้อย
เจียงซื่อเห็นความลำบากใจของเฉินฮุ่ยฝูที่แสดงออกมาแวบหนึ่ง นางกระดกริมฝีปากขึ้นเบาๆ
เจ้าเด็กโง่ อีกครู่เดียวเจ้าถึงจะรู้ว่าสิ่งใดที่เรียกว่าดูไม่ได้
เจียงซื่อรู้สึกโกรธจริงๆ
หากจะแข่งขันกันอย่างส่วนตัว นางสามารถใจกว้าง มองว่าเด็กสาวทำไปเพราะความไม่รู้ ไม่เอาความกับนางได้ แต่นี่คือสถานการณ์ใด…
มีเหนียงเหนียงสองพระองค์อยู่ด้วย องค์ชายก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย หากว่านางเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง ถูกบังคับให้ออกไปแสดงจนต้องขายหน้า เกรงว่าต่อจากนี้ไปคงไม่กล้าทำสิ่งใดอีก
ทำลายอนาคตของคนๆ หนึ่งอย่างไม่เสียดายเช่นนี้ แล้วทั้งสองคนก็ไม่ได้มีความแค้นกันโดยตรง ถ้าเช่นนั้น นี่ไม่ได้ทำไปเพราะไม่รู้เรื่อง แต่เป็นความเลวทราม
ซึ่งในสายตาของเจียงซื่อ ความเลวทรามนั้นไม่มีการแบ่งแยกอายุ
ในเมื่ออยากถูกจัดการถึงเพียงนี้ ถ้าเช่นนั้น เวลานางสั่งสอนใครขึ้นมาก็จะไม่ออมมือเช่นกัน
ไม่มีการทะนุถนอมอ่อนโยนต่อสตรีหรือ หึ นางจะเป็นเช่นนี้ทั้งชาติ ก็ใครให้นางไม่ใช่บุรุษเล่า
เจียงซื่อเดินออกไปตรงกลางโดยผ่านสายตาจำนวนนับไม่ถ้วน
อวี้จิ่นเม้มปากแน่นและกลั้นความกังวลเอาไว้ ส่วนสู่อ๋อง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผยสายตาแห่งความตั้งใจมองออกมา
“ไม่รู้ว่าคุณหนูเจียงจะแสดงความสามารถด้านใด” เสียนเฟยเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา
เจียงซื่อยิ้มอย่างอ่อนโยน “เมื่อครู่นี้หม่อมฉันได้ชื่นชมความสามารถของเหล่าคุณหนูแล้ว ความสามารถของทุกท่านล้วนโดดเด่นกว่าหม่อมฉัน หม่อมฉันขอไม่ทำเรื่องหน้าอับอายต่อหน้าผู้มีประสบการณ์ จึงขอทำการแสดงมายากลแทน หวังว่าจะทำให้ทุกท่านมีความสุข”
แสดงมายากล?
เสียนเฟยขมวดคิ้ว
เหล่าหญิงสาวพากันส่งสายตาแห่งความสงสัยออกมา สายตาลึกๆ ซ่อนไว้ด้วยการหัวเราะเยาะเย้ย
แสดงมายากลในงานเลี้ยงเช่นนี้ ช่างเป็นการแสดงที่ธรรมดาเกินไปหรือไม่
“ช่วยไปเด็ดดอกเหมยตูมสองก้าน และเตรียมแจกันที่เติมน้ำเพียงครึ่งจำนวนสองใบให้ข้าที”
———————-
[1] การรำหูสวน เป็นการรำหมุนวนเป็นวงกลม