แม่ของเจียงซื่อเกิดในตระกูลจวนอี๋หนิงโหว นางมีรูปโฉมที่โดดเด่นกว่าใคร หากเป็นเเมื่อสิบปีก่อน นับว่าเป็นหญิงรูปงามที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
ไม่ว่าจะเป็นเสียนเฟยหรือจวงเฟย ก็นับว่าเป็นรุ่นเดียวกันกับซูซื่อทั้งหมด แม้ว่าเสียนเฟยโตกว่าซูซื่อไม่มาก แต่ก็รู้จักกันตั้งนานแล้ว
ไม่เพียงแค่รู้จัก แต่ยังมีความทรงจำที่ลึกซึ้งอีกด้วย
ในตอนนั้น นางเข้าวังมาแล้ว แต่มีตำแหน่งเป็นแค่เจี๋ยอวี๋ มีช่วงเวลาหนึ่ง ข่าวแพร่งกระจายออกไปว่าฮ่องเต้พอพระทัยในซูซื่อ จะรับซูซื่อเข้ามาอยู่ในวัง
นางกังวลใจกับเรื่องนี้อยู่นาน ภายหลังเรื่องที่ซูซื่อจะเข้าวังก็เงียบหายไป มีข่าวลือว่าซูซื่อไม่ยอมเข้าวังเพราะว่ามีว่าที่สามีที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก
เสียนเฟยไม่ได้รู้สึกซูซื่อดูสูงส่งขึ้นเพราะเหตุนี้ แต่กลับรู้สึกขยะแขยงมากขึ้นกว่าเดิม
สิ่งที่นางอยากได้มาตลอด ซูซื่อมีสิทธิ์อะไรที่ไม่ยินยอม
ภายหลังจากนั้น งานมงคลของซูซื่อกับชุยซวี่ถูกองค์หญิงหรงหยางพังจนล้มไม่เป็นท่า นางรู้สึกสะใจมาก
หึๆ ซูซื่อช่างเป็นเสมือนคนจับปลาสองมือเสียจริง
เมื่อมีจวนอันกั๋วกงซึ่งเป็นครอบครัวฝั่งมารดาเป็นที่พึ่งพิง เสียนเฟยจึงยิ่งไต่ยิ่งสูง นางคอยสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นภายหลังจากนั้นของซูซื่อตลอดเวลา ดั่งเช่น ซูซื่อชิงสุกก่อนห่ามกับชุยซวี่ สูญเสียความบริสุทธิ์จนไม่สามารถแต่งงานได้ ดั่งเช่น สุดท้ายซูซื่อได้แต่งงานกับซื่อจื่อของจวนปั๋วที่สืบทอดไม่ถึงสามชั่วอายุคน ดั่งเช่น ซูซื่อเสียชีวิตก่อนวัยอันควร…
หลังจากที่เสียนเฟยได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ นางจึงคิด ช่างเป็นหญิงที่มีชะตาชีวิตอาภัพยิ่งนัก เทวดาฟ้าสวรรค์นั้นยุติธรรมจริงๆ
เจียงซื่อมีรูปหน้าที่เหมือนแม่ของนาง และโฉมงามของสองแม่ลูกคู่นี้เหมือนดั่งไข่มุกแวววาว ที่ชวนให้คนนั้นลืมยาก เสียนเฟยเห็นหน้าก็จำได้ทันที
เมื่อมีเรื่องเก่าเรื่องนี้อยู่ แน่นอนว่าความประทับใจที่เสียนเฟยมีต่อเจียงซื่อจึงไม่ดี
นางนึกถึงชาติกำเนิดของเจียงซื่อกับชื่อเสียงที่เกิดขึ้นระยะใกล้ๆ นี้ของจวนตงผิงปั๋วขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ถึงหน้าจะนิ่ง แต่ภายในใจนั้นรำคาญเป็นอย่างมาก
สตรีจากตงผิงปั๋วมาปรากฏตัวในงานเลี้ยงชมดอกเหมยได้อย่างไร
เสียนเฟยมองไปยังจวงเฟยอย่างอดไม่ได้ พลางยิ้มเย็นชาอยู่ในใจ นึกว่าจวงเฟยจะทนได้แค่ไหนกันเชียว ที่แท้ก็ได้เท่านี้ ถึงกระทั่งส่งเทียบเชิญให้สตรีเช่นนี้ได้
หรือว่าจวงเฟยอยากรับพระชายารองสักคนให้กับบุตรชายของตัวเอง
แต่การเลือกพระชายารองก็มีวิธีเลือกของมัน ไม่มีทางเลือกรวมกับพระชายาเอกแน่ๆ
เสียนเฟยเบะปากเบาๆ
ซึ่งนางไม่รู้ว่าจวงเฟยเองก็กำลังสงสัย
นางรู้จักซูซื่อเหมือนกัน กับบุตรสาวของซูซื่อนางนี้แล้ว จวงเฟยจำได้ทันทีเช่นกัน
เหตุใดเสียนเฟยถึงเชิญคุณหนูจวนตงผิงปั๋วมาร่วมงาน
คุณหนูที่อยู่ในงาน คนไหนถูกเชิญโดยนางนางนั้นนางรู้ดี นอกจากคนที่ซ้ำกันแล้ว ที่เหลือคนอื่นๆ นางเข้าใจทันทีว่าเสียนเฟยต้องการทำสิ่งใด
เสียนเฟยคิดจะเลือกพระชายาเอกที่มีสถานะไม่สูงและไม่ต่ำให้กับเยี่ยนอ๋อง
แต่ถึงอย่างไร ก็ไม่ควรเชิญสตรีที่เคยยกเลิกงานแต่งงานมาร่วมงานมิใช่หรือ แถมเป็นจวนตงผิงปั๋วที่ไม่มีฐานันดร ชื่อเสียงตระกูลก็ไม่ได้ดีเท่าไรอีก
ว่ากันว่าเสียนเฟยเย็นชาต่อเยี่ยนอ๋อง ไม่มีความเป็นแม่ลูกให้กันเลยสักนิด วันนี้นางได้เห็นกับตาแล้วจริงๆ
อืม บางทีเสียนเฟยอาจเลือกพระชายารองรูปงามให้กับบุตรชาย เพื่อปลอบประโลมความสัมพันธ์ระหว่างสองแม่ลูก?
แต่การเลืออกพระชายารองก็มีวิธีเลือกของมัน ไม่มีทางเลือกรวมกับพระชายาเอกแน่ๆ
การพูดให้ร้ายของจวงเฟยแทบจะเหมือนกับของเสียนเฟย ภายนอกไม่มีท่าทีใดๆ แถมยังยังยิ้มตอบให้กับเสียนเฟยหนึ่งที
ภายใต้การมองหน้ากันและกันระหว่างสองคนนั้น ได้สร้างความอึดอัดใจให้กับเหล่าหญิงสาวเล็กน้อย
ไม่ว่าจะมีสถานะที่สูงหรือต่ำ เมื่อได้เข้ามาอยู่ในพระราชวังอันวิจิตรนี้แล้ว ไม่ว่ากับใคร ก็ต้องก้มหัวให้อยู่ดี
“น้องจวงเฟย พวกเราอย่าดึงเด็กๆ ไว้เลย ให้พวกนางตามสบายดีกว่า”
“พี่เสียนเฟยพูดถูกเพคะ”
หลังจากที่เหนียงเหนียงทั้งสองพระองค์กล่าวออกไปอย่างแผ่วเบา บรรยากาศของงานเลี้ยงจึงคึกครื้นขึ้นมาอย่างช้าๆ หญิงชนชั้นสูงบางคนเดินไปนั่งด้านข้างพิณ บางคนเดินไปอยู่หน้าอุปกรณ์วาดภาพ มีหลายคนที่เดินออกจากศาลาไปและเดินเล่นอยู่แถวกลุ่มต้นดอกเหมย
ส่วนเจียงซื่อนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งไม่ขยับไปไหน มีตอบกลับจี้ฟังหวาบ้างเป็นบางครั้ง
เสียนเฟยทอดสายตาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้พร้อมกับแอบขมวดคิ้ว
ฟังหวาอยู่กับคุณหนูเจียงได้อย่างไร
กับหลานสาวคนเดียวจากครอบครัวฝั่งแม่ เสียนเฟยรักและเอ็นดูหลานสาวคนนี้มากพอสมควร แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะจับคู่ให้กับบุตรชายคนเล็กของตน
ที่พึ่งพิงของนางคือท่านพ่อกับพี่ชายจากครอบครัวฝั่งแม่ จี้ฟังหวาเป็นหลานสาวแท้ๆ ของนางอีก หากว่านางกลายมาเป็นภรรยาของเหล่าชี แล้วนางจะควบคุมได้อย่างไร
เพียงแค่เรื่องๆ นี้ ก็ทำให้เสียนเฟยขีดฆ่าชื่อของจี้ฟังหวาออกจากตัวเลือกในใจทันที
นางไม่เผยอาการใดๆ ผ่านสีหน้าอยู่แล้ว นางยิ้มพร้อมกับโบกมือให้กับจี้ฟังหวา “ฟังหวา มานั่งกับอาตรงนี้”
จี้ฟังหวาส่งสายตาการขออภัยให้กับเจียงซื่อ จากนั้นจึงลุกขึ้นเดินไป
“ท่านอา”
“ไม่เจอกันนาน ฟังหวากลายเป็นสาวแล้วจริงๆ ช่างดูสดใสยิ่งกว่าดอกเหมยที่อยู่เต็มสวนเสียอีก”
จี้ฟังหวาเป็นคนที่ร่าเริงสดใส ไม่เคยมีความคิดที่จะเป็นลูกสะใภ้ของอาแท้ๆ ของตน ลักษณะท่าทางและจิตใจที่แสดงออกมาจึงดูเป็นคนใจกว้าง นางยิ้มและกล่าว “คนที่เรือนมักบอกว่าข้าคล้ายท่านอา ท่านต่างหากที่เป็นหญิงงามยิ่งกว่าดอกไม้งาม”
“ตีฝีปากกับอาให้น้อยหน่อยเถอะ” เสียนเฟยเอ่ยตำหนิ แต่ใบหน้ากลับแสดงไว้ด้วยรอยยิ้ม
หญิงสาวอื่นที่แอบมองมาทางนี้ต่างพากันถอนหายใจ มีจี้ฟังหวาอยู่ด้วย โอกาสของพวกนางลดลงไปไม่น้อย
เสียนเฟยเป็นคนที่เห็นหน้าตาเป็นเรื่องสำคัญ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ถึงแม้ไม่ชอบใจที่หลานสาวไปมาหาสู่กับเจียงซื่อ แต่นางก็จะไม่เอ่ยออกมาเด็ดขาด นางจึงดึงจี้ฟังหวาให้มาอยู่ข้างๆ เท่านั้น
เมื่อเห็นเหล่าคุณหนูทำตัวตามสบายกันมากขึ้น จวงเฟยจึงเสนอให้เหล่าคุณหนูแสดงความสามารถ
เหล่าคุณหนูพากันตื่นเต้น ต่างรับรู้ว่าช่วงเวลาสำคัญนั้นมาถึงแล้ว จึงพากันทำให้ตนเองนั้นรู้สึกสดชื่นขึ้นมา
และในเวลานี้ เสียงสูงของขันทีก็ดังขึ้น “สู่อ๋องเสด็จ เยี่ยนอ๋องเสด็จ…”
ชายหนุ่มชุดผ้าไหมคาดเข็มขัดหยกสองคนเดินเข้ามาพร้อมกัน
จวงเฟยเป็นหญิงที่มีชื่อเสียงด้านความสามารถตั้งแต่ยังไม่ออกเรือน บุคลิกท่าทางของนางนั้นโดดเด่นกว่าใคร หากพูดถึงรูปลักษณ์แล้ว เมื่อเทียบกับเหล่าหญิงงามของวังหลังก็อาจด้อยกว่าเพียงเล็กน้อย แต่องค์ชายหกสู่อ๋องมีการสืบทอดรูปลักษณ์ของเสด็จแม่มาอย่างเห็นได้ชัด หากมองดูแล้วเขาก็มีความสง่างาม และมีบุคลิกลักษณะที่โดดเด่น
แต่สำหรับเหล่าหญิงสาว ผู้ที่มีตัวตนอยู่แต่ในคำเล่าขานอย่างเยี่ยนอ๋อง กลับกลายเป็นหนุ่มรูปงามที่ชวนให้ใจเต้นกว่า
ยามเขาเลิกคิ้วหรือยกมือขึ้น ทั้งๆ ที่เป็นเหมือนท่าทีของการทำขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ แต่มันกลับชวนให้คนเขอะเขินหน้าแดงและใจเต้นอย่างอดไม่ได้
ที่แท้ เยี่ยนอ๋องเป็นชายรูปงามเช่นนี้นี่เอง
บรรดาคุณหนูที่เดินทางมาร่วมงานเลี้ยงชมดอกเหมย ระหว่างท่านอ๋องสองท่านนี้ พวกนางอยากแต่งงานกับสู่อ๋องมากกว่าอย่างมิต้องสงสัย เพราะในบรรดาองค์ชายทั้งหมด สู่อ๋องคือผู้ที่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้มากที่สุด หากได้แต่งงานกับสู่อ๋อง ถึงจะไม่ได้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งสูงสุด แต่ก็มีความเฉิดฉายอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเช่นกัน
และในเวลานี้ ความสมดุลภายในใจของพวกนางมีการเปลี่ยนไปเล็กน้อย
น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะแต่งหรือไม่แต่ง พวกนางก็ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเลือก
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เรื่องนี้ก็ยังเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น หากว่าพวกนางทำได้ดี ไม่ว่าจะได้แต่งงานกับองค์ชายคนใด ก็นับว่าเป็นความโชคดีทั้งนั้น
เมื่อถวายบังคมต่อเหนียงเหนียงทั้งสองพระองค์เรียบร้อย สู่อ๋องยิ้มและกล่าว “ข้ากับน้องเจ็ดกำลังเดินเล่นอยู่ในสวน เห็นว่าทางนี้คึกครื้นไม่น้อยจึงเดินมาดูสักหน่อยพ่ะย่ะค่ะ”
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงคำพูดสวยหรู ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจว่างานเลี้ยงนี้เป็นงานเลี้ยงที่จัดให้กับองค์ชายทั้งสองพระองค์ การที่พวกเขาปรากฏตัวที่นี่ก็มาเพื่อที่จะกำหนดตัวเลือกพระชายาเอก
ต้าโจวเป็นราชวงศ์ที่เปิดออกในด้านประเพณี ถึงแม้องค์ชายมีสิทธิ?ในการเลือก แต่หญิงสาวเหล่านั้นก็ต้องสามารถปรากฏตัวในงานเช่นนี้ให้ได้ก่อน
นั่นหมายความว่า หญิงสาวที่ปรากฏตัวขึ้นในงานคัดเลือกพระชายาได้ ถือว่ามีสิทธิ์ที่จะได้กลายเป็นพระชายาเอกไปโดยปริยาย แต่ไม่ได้หมายความว่าองค์ชายสามารถเป็นผู้ตัดสินใจคนสุดท้ายได้ มีคนจำนวนหนึ่งจะได้รับคัดเลือกด้วยการได้รับดอกไม้ จากนั้น พระสนม ฮองเฮาหรือฮ่องเต้จะเป็นผู้เลือกคนสุดท้ายอีกที
อวี้จิ่นใช้โอกาสที่สู่อ๋องกำลังพูด หันมองเจียงซื่อ เมื่อมั่นใจแล้วว่าคนที่คะนึงหาตลอดเวลาอยู่ในงานแล้ว จึงอมยิ้มและดึงสายตากลับมา