บทที่ 323 เหยาซูหาร้านที่เหมาะสมได้

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 323 เหยาซูหาร้านที่เหมาะสมได้
บทที่ 323 เหยาซูหาร้านที่เหมาะสมได้

เหยาเฉาเก็บกวาดบ้านของในเมืองหลวงให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และในที่สุดเหยาชูก็พูดถึงภัตตาคารริมถนน

เดิมทีนางตั้งใจจะเริ่มต้นจากโรงเตี๊ยม แต่หลังจากสอบถามข้อมูลอะไรหลายอย่าง นางก็พบสถานที่แห่งหนึ่ง

กิจการภัตตาคารแห่งหนึ่งทางตะวันตกของเมืองแต่ก่อนนั้นนับว่าไม่เลวเลยทีเดียว หากแต่เจ้าของร้านติดพนันมีหนี้สินมากมาย จำเป็นต้องเร่งขายร้านเพื่อต้องการจะใช้หนี้ ประจวบเหมาะกับเหยาซูที่มาซื้อกิจการนี้ไว้พอดี

ไม่ว่าจะลงมือทำเรื่องใดก็ตาม หญิงสาวเป็นคนที่เด็ดขาดเสมอมา หลังจากที่ดูทำเลที่ตั้งและราคา นางก็ใช้เวลาในช่วงบ่ายเพียงสั้น ๆ เท่านั้น และสามารถคว้าภัตตาคารมาไว้ในกำมือได้

เดิมทีเป็นเถ้าแก่ ผู้ช่วยในร้าน และหัวหน้าพ่อครัวที่จัดการเรื่องทุกอย่างภายในร้านนี้ ไม่ได้รับค่าแรงการจากทำงานนานถึงเดือนกว่า ๆ และเป็นเวลาที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้อีก

ครั้นเห็นว่าเจ้าของร้านได้ถูกเปลี่ยนมือ ทุกคนล้วนกังวลใจว่าจะสามารถอยู่ร่วมกับเจ้าของร้านคนใหม่ได้หรือไม่

เหยาซูกำชับให้คนปิดประตู เรียกประชุมคนทั้งหมดที่ห้องโถงใหญ่

หญิงสาวเอ่ยด้วยสีหน้าที่อบอุ่น “ข้าน้อยแซ่เหยา สามีข้าแซ่หลิน เดิมทีเป็นคนเมืองชิงถง เพิ่งย้ายมาอยู่เมืองหลวงได้ไม่นาน ตอนนี้สามีข้ารับราชการอยู่ในวังมีตำแหน่งเป็นราชองครักษ์ จึงตัดสินใจจะย้ายครอบครัวมาตั้งถิ่นฐานที่นี่”

ขณะที่พูดนางก็ได้กวาดสายตามองผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ลอบมองท่าทีของแต่ละคน ก่อนจะคลี่ยิ้มบางแล้วกล่าวต่อ “ในเมื่อวันนี้มีวาสนาได้รู้จักกับทุก ๆ คนแล้ว ข้าก็หวังว่าในวันข้างหน้าพวกเราจะช่วยกันประคับประคองภัตตาคารของพวกเราให้ประสบผลสำเร็จ”

เถ้าแก่ร้านคนเก่ามีแซ่ว่าหลิว ยามได้พบเหยาซูครั้งแรกก็คิดว่าหญิงสาวจะเป็นเจ้าของร้านที่พูดไม่เก่ง จึงหัวเราะเบา ๆ “ย่อมได้ ย่อมได้ แต่ข้าน้อยได้ยินมาว่านายหญิงมีความคิดที่จะเปลี่ยนที่นี่เป็นโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ หรือขอรับ”

เหยาซูส่ายหัว “เดิมทีข้ามีความคิดเช่นนั้น แต่ว่าทำเลที่ตั้งของภัตตาคารนี้เป็นที่เลื่องลืออย่างมาก ไม่ควรจะเปลี่ยนแปลงอะไร ยิ่งไปกว่านั้นทุก ๆ คนก็น่าจะอยู่ที่นี่มาเป็นเวลาไม่น้อย”

หลังจากที่นางได้กล่าวเช่นนี้ ผู้คนในห้องโถงก็ต่างปีติยินดีกันทั้งสิ้น

ผู้ช่วยร้านสองคนในภัตตาคารมองหน้ากัน หันไปมองเหยาชูอีกครั้ง และพูดพร้อมกันว่า “ข้าน้อยพูดกับนายหญิงด้วยความสัตย์จริง ตั้งแต่พวกข้าสองพี่น้องมาถึงเมืองหลวงใหม่ ๆ ก็มาทำงานที่ภัตตาคารนี้ นี่ก็ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว พวกข้าน้อยตัดใจไม่ลงจริง ๆ ขอรับ”

เหยาซูหัวเราะ อีกทั้งมองไปยังพ่อครัวทั้งสองด้วยความเคารพแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า “พ่อครัวทั้งสองคนอยู่ที่นี่ต่อเถอะ ถ้าหากว่าขาดพวกท่านไป เกรงว่าภัตตาคารของพวกเราก็คงจะเสียรสชาติอาหารดั้งเดิม”

พ่อครัวทั้งสองตอบ “หากว่าภัตตาคารยังคงเป็นร้านเดิม แน่นอนว่าพวกข้าทั้งสองย่อมไม่อยากจากภัตตาคารนี้ไป”

เถ้าแก่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หัวเราะและกล่าวว่า “ข้าขอกล่าวกับนายหญิงอย่างสัตย์จริง พ่อครัวทั้งสองของภัตตาคารเรา อยู่มาตั้งแต่เริ่มเปิดกิจการ ลูกค้าเก่าหลายคนมักจะพาเพื่อน ๆ มาลิ้มลองรสชาติฝีมือของพ่อครัวทั้งสองคนนี้บ่อย ๆ หากท่านเจ้าของร้านปฏิบัติต่อพวกคนอื่น ๆ ไม่ดีพวกเราย่อมทนได้ แต่อย่าละเลยเขาสองคนนี้เลยขอรับ”

ทั้งสองรีบกล่าวสมทบ “อย่าทำแบบนั้นเลย”

เหยาซูหัวเราะและกล่าวว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ท่านพ่อครัวไม่ต้องกังวล ใครก็ตามที่ทำงานในภัตตาคารของเราจะไม่ได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดี”

หลังจากนั้นเหยาซูก็ได้พูดถึงเรื่องค่าแรง “ได้ยินมาว่า ภัตตาคารของพวกเราไม่ได้จ่ายค่าแรงมาหนึ่งเดือนแล้ว”

ทุกคนถอนหายใจเมื่อได้ยินคำพูดนั้น แล้วผู้ช่วยในร้านก็พูดว่า “ไม่ใช่หรอกขอรับ… หากไม่ใช่เพราะทุกคนที่อยู่ด้วยกันมานาน มีความรู้สึกและอาลัยอาวรณ์ภัตตาคารแห่งนี้”

เถ้าแก่ส่ายหัวไม่หยุดก่อนถอนหายใจยาว ๆ “เจ้าของร้านคนเก่าก็ไม่ใช่คนเลวร้าย รู้ว่าจะทำให้พวกเราเสียเวลา แต่มันก็หมดหนทางแล้วจริง ๆ รายได้ทั้งหมดของภัตตาคารก็ต้องเอาไปใช้หนี้สิน หากไม่ใช่ว่าเจ้าหนี้มาขู่เข็ญ ก็คงไม่ถึงกับต้องขายร้านที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกายทั้งชีวิตหรอกขอรับ”

เหยาซูพยักหน้าให้กำลังใจทุกคน “ยามตกทุกข์ได้ยากย่อมเห็นความจริงใจ แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ ทุก ๆ ท่านยังคงไม่ได้จากไปไหน สิ่งที่ยากยิ่งคือการอยู่บนโลกที่เงินทองมีอำนาจ แต่กลับได้รับความจริงใจเช่นนี้”

ภัตตาคารของเรายินดีต้อนรับขับสู้ผู้คนทุกประเภท นักบวช ขุนนางระดับสูง หรือจะมหาเศรษฐี

และทุกคนในร้านทั้งหมดล้วนเป็นสามัญชนคนธรรมดา หนังสือหนึ่งเล่มก็ยังไม่เคยอ่าน นอกจากเถ้าแก่ที่พอรู้หนังสือหรือทำบัญชีได้ คนอื่น ๆ แม้แต่โอกาสที่จะได้จับพู่กันสักด้าม กระดาษสักแผ่นก็ยังไม่มี อย่าพูดถึงว่าจะได้รับความเคารพจากผู้คน

ที่เหยาซูได้กล่าวมาในครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์หรือกำไร อย่างน้อยในทุกตำแหน่งก็ควรที่จะมีความเคารพกันจากใจจริง

เหยาซูกล่าวขึ้นอีกว่า “อย่างไรก็ตาม ทุกคนทุ่มเทความพยายามอย่างมากในร้านแห่งนี้ และทุกคนก็สมควรได้รับสิ่งที่ตนเองสมควรจะได้รับ เงินค่าแรงที่ไม่ได้รับเป็นเวลาหนึ่งเดือนข้าจะออกให้พวกเจ้าทุกคน ถ้าพวกเจ้ามีข้อเรียกร้องขออื่น ๆ สามารถมาบอกข้าได้ ภัตตาคารของพวกเราจะปิดเป็นเวลาสามวัน หลังจากจัดเก็บและตระเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เราจะเปิดให้บริการใหม่”

ทุกคนที่ได้ยินเหยาซูกล่าวแบบนี้ ใบหน้าล้วนเต็มไปด้วยความปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง

ชายหนุ่มในภัตตาคารซึ่งรับผิดชอบงานทำความสะอาดอดไม่ได้ที่จะถามว่า “นายหญิง ท่านสามารถให้ค่าแรงของข้าได้เลยไหมขอรับ”

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเขินอาย ดูเหมือนว่าเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยได้พูด

เหยาซูหัวเราะอย่างนุ่มนวล “แน่นอน สำหรับคนที่ทำงานในร้านของพวกเรา ติดค้างไว้เท่าไรข้าจะชดเชยให้ทั้งหมด”

บรรยากาศในห้องโถงเริ่มคึกคักขึ้นเป็นระยะ ๆ แม้แต่ผู้ช่วยทำอาหารในครัวที่เป็นคนเงียบที่สุดในนั้นก็กล่าวแสดงความขอบคุณเช่นกัน

หลังจากที่เถ้าแก่รอให้ทุกคนกล่าวขอบคุณครบแล้ว เขาก็ยืนขึ้นและพูดว่า “ในภัตตาคารของพวกเรา ทุกคนไม่ใช่คนที่พูดจาไพเราะ นายหญิงทุกข์ใจแทนพวกเราแบบนี้ ภายในใจพวกเราจะไม่รู้สึกสำนึกบุญคุณได้อย่างไร ในอนาคตไม่ว่าจะเป็นอย่างไร พวกเราจะเชื่อฟังนายหญิง จะต้องทำให้ภัตตาคารของพวกเราคึกคักมีชีวิตชีวาขอรับ”

  

ทุกคนขานรับ และเหยาชูพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

ภัตตาคารแห่งนี้ตั้งอยู่ริมถนน ทำเลที่ตั้งสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ลูกค้าก็ไม่ได้นับว่าน้อยเลย ก่อนหน้าที่เหยาซูและหลินเหราจะหาที่พักใหม่ เคยมาลิ้มลองรสชาติอาหารของที่นี้ครั้งหนึ่งแล้ว

เถ้าแก่ที่รู้ว่าเจ้าของร้านคนใหม่เคยมาที่นี่ ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ “ภัตตาคารในเมืองหลวงมีมากมาย แม้ว่าร้านของพวกเราไม่ได้มีชื่อเสียงที่สุด ท่านเจ้าของร้าน ครั้งก่อนที่ท่านกินเสร็จ คิดว่ารสชาติอาหารพวกเราเป็นอย่างไรบ้างขอรับ”

เถ้าแก่ภัตตาคารเอ่ยถามแผ่วเบาด้วยความสุภาพ เขามั่นใจว่าเหยาซูต้องไม่ประเมินรสชาติของร้านไปในทางแย่มาก

เหยาซูเข้าใจความคิดของเถ้าแก่รวมถึงคนในห้องโถงทุกคน ทั้งหมดกำลังรอคำตอบของเจ้าของร้านคนใหม่

นางยิ้มคลี่ยิ้มช้า ๆ “รสชาติอาหารของร้านเราก็ไม่ได้แย่”

ทุกคนได้แต่ตกตะลึง ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา

เหยาซูตอบอย่างนุ่มนวล “เมื่อเปรียบเทียบกับร้านอื่น ๆ ในเมืองหลวง ร้านของพวกเราเป็นที่น่าพอใจ ไม่ได้มีจุดที่น่าตำหนิ”

เถ้าแก่เห็นหญิงสาวกล่าวเช่นนี้ ก็เข้าใจความหมายของเจ้าของร้านคนใหม่ว่าไม่ได้พอใจขนาดนั้น

เขาไม่ได้นึกขุ่นเคือง และถามอย่างถ่อมตนว่า “วันนี้พวกเราทั้งหมดอยู่กันพร้อมหน้า เหตุใดท่านไม่ใช้โอกาสนี้ชี้แนะพวกเราว่าจะทำให้ภัตตาคารดีขึ้นได้อย่างไรขอรับ”

เมื่อเห็นท่าทางที่สงบและจริงใจของเขา เหยาซูก็รู้ว่าเถ้าแก่ของร้านเป็นคนที่สามารถรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นได้

แบบนี้ถึงจะดีที่สุด นางไม่ต้องการเสี้ยนหนามเล็ก ๆ ที่ไม่ได้รับการชี้แนะอยู่ในมือของตน

ผู้ช่วยในร้านที่นิสัยร่าเริงกล่าวขึ้นว่า “นายหญิงพูดอะไร พวกเราย่อมรับฟัง มีอะไรที่พวกเรายังไม่ดีพอ พวกเราจะเปลี่ยนแปลงมันในอนาคต ร้านของพวกเราจะได้ค่อย ๆ ดีขึ้นขอรับ”

เหยาซูยิ้ม ดวงตาอันละเอียดอ่อนฉายแววอ่อนโยนและงดงาม นางกล่าวอย่างอบอุ่น “เหตุผลเป็นเช่นนี้”

เมื่อทุกคนในร้านเห็นท่าทีเฉพาะตัวของหญิงสาว ก่อนที่นางจะได้เอ่ยสิ่งใดออกมา ภายในใจของทุกคนก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ

เมื่อไร้ซึ่งการต่อต้านจากทุกคน เหยาชูจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ “ข้าไม่สามารถเรียกมันว่าเป็นการชี้แนะได้ เมื่อเทียบกับทุก ๆ ท่านแล้ว ข้าเองก็มีประสบการณ์น้อยกว่ามาก ข้าแค่เคยเห็นคนอื่นทำได้ดี ข้าจึงหยิบมันออกมาแบ่งปันกับทุกคน”

ทุกคนขานรับ แต่ละคนดูมีชีวิตชีวาขึ้น รอฟังคำชี้แนะของหญิงสาว

…………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ค่อย ๆ ซื้อใจคนด้วยน้ำใจไมตรี แล้วคนอื่นจะยอมทำตามสิ่งที่ต้องการอย่างเต็มใจ กิจการภายภาคหน้าของอาซูต้องพัฒนาไม่เลวแน่นอนค่ะ

ไหหม่า(海馬)