ตอนที่ 639 ทักษะการเสริมวิญญาณ (1) / ตอนที่ 640 ทักษะการเสริมวิญญาณ (2)
ตอนที่ 639 ทักษะการเสริมวิญญาณ (1)
กระทั่งสายตาของเขาก็ยังไม่กล้าละจากเพลิงวิญญาณแม้แต่น้อย
ฮวาเหยาหยิบเอาหินวิญญาณระดับสูงสีฟ้าที่เตรียมไว้ยื่นให้ตรงหน้าฟ่านจัวทันที ฟ่านจัววางมีดเงินที่ถืออยู่ในมือลงและเอาคีมอันเล็กออกมาจากเสื้อคลุม แล้วคีบหินวิญญาณไปวางบนแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณที่ค่อยแข็งตัวขึ้นเป็นรูปร่าง
เวลาผ่านไปราวกับทรายที่ร่วงหล่นจากนิ้ว ชั่วพริบตาก็ผ่านไปหลายชั่วโมงโดยไม่ทันได้สังเกต ใบหน้าของฟ่านจัวมีเหงื่อออกเต็มใบหน้า
“เสร็จแล้ว!” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของฟ่านจัว เขาใช้คีมคีบแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณที่หลอมใหม่ออกมา แล้วปิดลูกบอลทองแดงที่มีเพลิงวิญญาณให้ดี จากนั้นก็วางแหวนที่ยังมีไอร้อนอยู่เล็กน้อยลงบนโต๊ะด้านข้าง
แหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณที่หลอมด้วยแร่หยกดำนั้นมีสีดำสนิท และภายในความดำมืดบริสุทธิ์นั้น มีประกายแสงระยิบระยับงดงามชวนมอง หินวิญญาณสีฟ้าถูกฝังอยู่บนยอดแหวนสีดำนั้น
ฮวาเหยาหยิบแหวนขึ้นมาอย่างไม่รีรอ เขาสังเกตเห็นได้ทันทีว่าภายนอกแหวนมีลวดลายเพิ่มขึ้น ลวดลายนั้นล้อมรอบตัวแหวนทั้งหมด ฝังลึกอยู่ภายในความมืดดำที่ไม่อาจสังเกตเห็นได้โดยง่าย
“ทักษะการเสริมวิญญาณอย่างนั้นหรือ” จวินอู๋เสียเฝ้าสังเกตกระบวนการทั้งหมดอย่างตั้งใจ เมื่อนางเห็นลวดลายบนแหวน นางก็ถามขึ้นทันที
“อะไรนะ” ฟ่านจัวชะงักไป
จวินอู๋เสียชี้ไปที่ลวดลายบนแหวนแล้วพูดว่า “นี่คือตัวอักษรโบราณ พวกมันถูกใช้เพื่อเสริมกำลังให้แก่ภูติวิญญาณ”
แทนที่จะเรียกพวกมันว่าลวดลาย ตัวอักษรดูจะเป็นชื่อที่เหมาะสมกว่า
นางเคยเห็นลวดลายและรูปร่างพวกนั้นมาก่อน ตอนนั้นนางยังเด็กมากและยังไม่ได้ผสานจิตวิญญาณเข้ากับเจ้าแมวดำตัวน้อย ตอนนั้นบุรุษผู้นั้นยุ่งอยู่กับการค้นคว้าและทดลองเชื่อมสิ่งต่างๆ กับจิตวิญญาณ และวิธีที่จะปรับปรุงพัฒนาสิ่งมีชีวิต ในยุคนั้นมันคือหัวข้อที่เป็นที่ถกเถียงกันอย่างมาก และบุรุษผู้นั้นก็ค้นคว้ามัน ค้นหาข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องไปทั่วโลก
และตัวอักษรพวกนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของวัตถุดิบที่เก็บรวบรวมไว้สำหรับการค้นคว้าวิจัยของเขา
จวินอู๋เสียเคยเห็นมันครั้งหนึ่ง และบุรุษผู้นั้นบอกนางว่าถ้าเขาสามารถถอดความหมายของตัวอักษรพวกนี้ได้ คำถามทุกอย่างเกี่ยวกับร่างวิญญาณก็จะเป็นที่กระจ่างชัดสำหรับพวกเขา
อย่างไรก็ตาม จนถึงช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตบุรุษผู้นั้น เขาก็ยังถอดความหมายของตัวอักษรพวกนั้นได้ไม่หมด และทำได้เพียงเข้าใจแค่ขั้นพื้นฐานของมันเท่านั้น
การเพิ่มพลังให้แก่จิตวิญญาณหรือการดึงเอาพลังจากร่างของภูติวิญญาณออกมาให้มากขึ้นถูกเรียกว่าทักษะการเสริมวิญญาณ
แม้ว่าบุรุษผู้นั้นจะเข้าใจตัวอักษรแค่พื้นฐานเท่านั้น เขาก็ยังใช้ทักษะเสริมวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ของเขารวมจิตวิญญาณของแมวดำตัวน้อยนี้เข้าไปในร่างของนางได้
บุรุษผู้นั้นใช้ตัวอักษรมากมายยิ่งกว่าที่อยู่บนแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณอันนี้เสียอีก จำนวนตัวอักษรบนแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณถูกจำกัดให้ทำได้แค่ข้อความสั้นๆ เท่านั้น
“น้องเสีย เจ้ารู้หรือว่านี่คืออะไร” ฟ่านจัวถามอย่างตื่นเต้นราวกับจวินอู๋เสียเพิ่งพูดบางสิ่งที่น่าตกใจอย่างมาก
“ข้าไม่ได้พูดว่าข้าเข้าใจมัน แต่ข้าเคยเห็นมันมาก่อน” จวินอู๋เสียอธิบายพร้อมกับสั่นศีรษะ บุรุษผู้นั้นไม่อนุญาตให้นางเข้าไปยุ่งกับการค้นคว้าร่างวิญญาณของเขา ดังนั้นแม้ว่านางจะเคยเห็น นางก็ไม่มีโอกาสที่จะทำความเข้าใจพวกมัน
“อย่าบอกนะว่าเจ้าเคยพบกับช่างหลอมแหวนคนอื่น” ฟ่านจัวถามพลางมองจวินอู๋เสียอย่างอยากรู้อยากเห็น
จวินอู๋เสียส่ายหัวของนางอีกครั้ง
ก่อนหน้าที่ฟ่านจัวจะพูดถึงช่างหลอมแหวน นางไม่เคยรู้ว่ามีอาชีพเช่นนี้อยู่
ฟ่านจัวอธิบายว่า “ช่างหลอมแหวนใช้ลวดลายพวกนี้กระตุ้นและดึงเอาพลังของแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณออกมา พวกมันมีหมายความว่าอย่างไรข้าเองก็ไม่รู้แน่ชัด ท่านแม่สอนข้าไว้แค่สามรูปแบบเท่านั้น และแต่ละแบบก็ให้ผลแตกต่างกัน”
ตอนที่ 640 ทักษะการเสริมวิญญาณ (2)
“แบบที่ข้าใช้บนแหวนของพี่ฮวา จะเพิ่มความเร็วและความคล่องแคล่วของภูติวิญญาณ ภูติวิญญาณของพี่ฮวาคืองูกระดูกสองหัว การเคลื่อนไหวของมันรวดเร็วว่องไวอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าเราเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีกขั้น พลังในการต่อสู้ของมันจะยิ่งน่าตกใจ นอกจากสามารถเพิ่มความเร็วให้ภูติวิญญาณได้แล้ว ลวดลายอีกสองแบบจะเพิ่มพละกำลังและการฟื้นตัว ตามที่ท่านแม่บอกข้า ลวดลายที่แตกต่างจะส่งผลที่แตกต่างกันแก่ภูติวิญญาณ และยิ่งช่างหลอมแหวนมีระดับสูงเท่าไร ลวดลายต่างๆ ที่ใช้ได้จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ทำให้สามารถดึงเอาพลังจากภูติวิญญาณออกมาได้มากขึ้น” ฟ่านจัวอดรู้สึกเสียใจไม่ได้
ตอนที่ท่านแม่ของเขาจากไป เขายังเด็กมาก จึงไม่สามารถรับความรู้ในการเป็นช่างหลอมแหวนได้มากกว่านี้ สิ่งที่เขาได้บันทึกเอาไว้มีเพียงการเพิ่มพลังด้วยตัวอักษรสามแบบนั้นเท่านั้น
จวินอู๋เสียหรี่ตาครุ่นคิด ทักษะการเสริมวิญญาณสามารถใช้แบบนั้นได้ด้วยหรือ ถึงแม้นางจะไม่สามารถเข้าใจความหมายของตัวอักษรพวกนั้น แต่ถ้านางพยายามถอดความดูว่าพวกมันแทนความหมายว่าอะไรโดยยึดตัวอักษรสั้นๆ ของฟ่านจัวเป็นหลัก ก็ไม่น่าจะยากจนเกินไป
และฟ่านจัวก็พูดเองว่า ชุดตัวอักษรที่แตกต่างกันจะส่งผลที่แตกต่างให้แหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณ
คงไม่ผิดที่นางจะสันนิษฐานว่าตัวอักษรพวกนี้แทนความหมายที่ส่งผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน
ความคิดต่างๆ หมุนวนอยู่ในใจของจวินอู๋เสีย ทันใดนั้นจวินอู๋เสียก็ลงมานั่งที่โต๊ะและคว้าเอาตั๋วเงินมาเขียนตัวอักษรที่อ่านไม่ออกลงไป ดูจากรูปร่างของตัวอักษรเหล่านั้น มันคล้ายกับตัวอักษรที่ฝังอยู่ในแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณของฮวาเหยามาก
“จากตัวอักษรพวกนี้ เจ้าจำได้กี่ตัว” จวินอู๋เสียใช้เวลาเขียนจนเต็มหน้ากระดาษได้เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ และส่งมันให้ฟ่านจัวดู
ฟ่านจัวหยิบกระดาษไปจากนางแล้วตรวจสอบอย่างรวดเร็ว “ในนี้ข้าจำได้สองตัว นี่กับนี่” ฟ่านจัวชี้ไปที่ตัวอักษรสองตัวที่เขาคุ้นเคย “นี่คือตัวที่ข้าใช้กับแหวนของพี่ฮวา และตัวนี้คือที่ข้าใช้เพิ่มความแข็งแรงกับพลัง”
จวินอู๋เสียมองตัวอักษรทั้งสองที่ฟ่านจัวชี้ ตำแหน่งของพวกมันไม่ได้เรียงตามลำดับและทุกตัวแค่ปรากฏอยู่ในกระดาษหน้าเดียวกันเท่านั้น
“น้องเสีย เจ้าไปเห็นตัวอักษรพวกนี้ครั้งแรกจากที่ไหน” ฟ่านจัวจ้องตัวอักษรโบราณแปลกประหลาดจำนวนมากเขม็ง คนอื่นอาจจะไม่ตระหนักถึงความหมายเบื้องหลังสิ่งที่แสดงอยู่นี้ แต่มันชัดเจนมากสำหรับเขา
เขารู้จักชุดตัวอักษรที่เอาไว้หลอมแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณแค่สามชุดเท่านั้น แต่สิ่งที่จวินอู๋เสียเขียนลงบนกระดาษนั้น มันมีมากกว่าหนึ่งร้อยชนิด!
ด้วยตัวอักษรที่มากขนาดนั้น ผลที่ได้จะน่ากลัวมากขนาดไหนกัน! เขาไม่กล้าจินตนาการเลย กระทั่งช่างหลอมแหวนขั้นสูงที่สุดที่มีชีวิตอยู่ก็คงไม่มีตัวอักษรมากมายขนาดนี้
จวินอู๋เสียไม่เคยพบช่างหลอมแหวนคนอื่นมาก่อน แล้วนางรู้ตัวอักษรทั้งหมดนี้ได้อย่างไร
“ข้าจำไม่ได้” จวินอู๋เสียหลุบสายตาลงต่ำ นางมีความจำแบบภาพถ่ายมาตั้งแต่เด็ก สามารถจดจำทุกสิ่งที่นางเห็นได้ บุรุษผู้นั้นปล่อยให้นางเห็นตัวอักษรพวกนั้นโดยบังเอิญ และจวินอู๋เสียก็จัดการเก็บพวกมันทั้งหมดเอาไว้ในความทรงจำด้วยการชำเลืองมองเพียงครั้งเดียว แม้ว่านางจะไม่เคยพบประโยชน์ใดๆ จากพวกมัน แต่พวกมันก็ฝังอยู่ในสมองของนางอย่างถาวร
ถ้าความจริงเป็นอย่างที่พูด ตัวอักษรที่นางเห็นนั้นมีมากกว่าที่นางเขียนลงไป สิ่งที่บุรุษผู้นั้นนำมาก็คือข้อความโบราณบนหนังแกะที่หนาประมาณสองนิ้ว ตัวอักษรที่นางเขียนเมื่อครู่เป็นแค่สองหน้าของข้อความทั้งหมดเท่านั้น
“เจ้าสามารถใช้ตัวอักษรพวกนี้ได้หรือไม่” จวินอู๋เสียถามพลางมองฟ่านจัว
ฟ่านจัวส่ายหัวในทันที
“ข้าจำตัวอักษรพวกนี้ไม่ได้ ถ้าข้าซี้ซั้วใช้มันอย่างไม่ระวัง ข้าไม่รู้ว่าจะเกิดผลกระทบอะไรบ้าง ถ้ามีสิ่งใดผิดพลาด มันจะเป็นการทำร้ายภูติวิญญาณแทน”