ตอนที่ 641 ทักษะการเสริมวิญญาณ (3) / ตอนที่ 642 ทักษะการเสริมวิญญาณ (4)
ตอนที่ 641 ทักษะการเสริมวิญญาณ (3)
จวินอู๋เสียล้มเลิกความคิดหลังจากได้ยินฟ่านจัวพูด ถ้าอักขระพวกนี้เหมือนกับตัวอักษรบนแหวนของฮวาเหยา เช่นนั้นก็เป็นไปได้ที่จะก่อให้เกิดผลกระทบกับแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณของพวกเขา
โชคร้ายที่พวกเขาแทบไม่รู้ความหมายของตัวอักษรพวกนั้นเลย จึงไม่มีทางที่พวกเขาจะสามารถเอาพวกมันมาใช้งานได้
มีความเป็นไปได้สูงที่พวกมันจะมีพลังอันยิ่งใหญ่ นี่พวกเขาควรจะมองดูโอกาสอันล้ำค่าหลุดมือไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้หรือ
จวินอู๋เสียหรี่ตาอย่างใช้ความคิด แล้วทันใดนั้นก็หันไปมองฟ่านจัว
“สอนการหลอมแหวนให้ข้าที”
ฟ่านจัวตกใจจนอึ้งกับคำขอกะทันหันนี้
“เจ้าอยากลองอย่างนั้นหรือ”
จวินอู๋เสียพยักหน้า
ฟ่านจัวถอนใจแล้วพูดว่า “ถ้าเจ้าสนใจจริงๆ หลังกลับจากผาสุดขอบฟ้าแล้วข้าจะสอนให้ ตกลงหรือไม่”
“ตกลง”
หลังจากตกลงกับฟ่านจัวแล้ว จวินอู๋เสียก็ไม่พูดอะไรอีก นางนั่งอยู่ด้านหนึ่งพลางมองดูตัวอักษรที่นางเขียนไว้บนกระดาษ พินิจพิเคราะห์ทุกอักขระ
ส่วนฟ่านจัวก็ทำการหลอมแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณให้คนอื่นต่อไป
แสงอาทิตย์ลับหายไป ความมืดยามราตรีเข้าปกคลุมไปทั่วดินแดน เฉียวฉู่กับมู่เชียนฟานกลับมาพร้อมกระเป๋าที่มีอุปกรณ์ข้าวของต่างๆ อยู่เต็มและสิ่งของอื่นๆ อีกมากมาย หลังจากเก็บของทั้งหมดแล้ว เฉียวฉู่ก็รอไม่ไหวอีกต่อไป เขาพุ่งเข้าไปหาฟ่านจัวที่ถูกคนอื่นๆ มุงดูเขาหลอมแหวน
กระบวนการหลอมแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณนั้น กินเวลานานและยากลำบากมาก แค่วันเดียวมันไม่พอสำหรับเขาที่จะหลอมแหวนให้ทุกคน
จวินอู๋เสียเฝ้ามองและสังเกตกระบวนการหลอมแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณทั้งหมด ไม่ว่าอะไรที่นางต้องการทำความเข้าใจ นางจะครุ่นคิดและไตร่ตรองอย่างช้าๆ ก่อนที่นางจะเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น
จวินอู๋เสียกลับไปที่ห้องของนางและนั่งลงที่โต๊ะตรงกลางห้อง เจ้าแมวดำนอนอยู่บนโต๊ะมองดูเจ้านายของมันที่มีสีหน้าครุ่นคิด ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเพิ่งกินอิ่ม มันนอนกางขาเหยียดยาวอยู่บนเตียง และหลับไปอย่างรวดเร็ว
“มันเป็นบทเดียวกันทั้งหน้าหรือเป็นประโยคสั้นๆ ที่เอามาปนกัน…” จวินอู๋เสียพูดออกมาดังๆ พร้อมกับครุ่นคิด นางได้พบวิธีใช้ทักษะเสริมวิญญาณแล้วแต่ยังไม่สามารถก้าวหน้าไปมากกว่านี้ได้ มันทำให้นางรู้สึกผิดหวัง
นางจุ่มนิ้วลงในถ้วยชาอย่างใช้ความคิด แล้วใช้นิ้วเปียกๆ เขียนลงบนโต๊ะ สัญลักษณ์พวกนั้นวนเวียนอยู่ในหัวสมองของนาง
เจ้าแมวดำตัวน้อยที่นอนเงียบอยู่ด้านข้างปัดหางของมันไปมาอย่างเกียจคร้าน ดึกแล้วจวินอู๋เสียก็ยังไม่ง่วงสักนิด แต่มันน่ะเหนื่อยแล้ว มันเหยียดตัวและลุกขึ้นยืน ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ตั้งใจจะกระโดดลงจากโต๊ะ
แต่ทันใดนั้นเอง คลื่นความร้อนก็พุ่งขึ้นมาจากใต้เท้าของมัน!
วินาทีต่อมา บอลไฟลูกหนึ่งก็ห่อหุ้มร่างของเจ้าแมวดำจนมิด!
เหมียว!!!
เกิดบ้าอะไรขึ้น!
เปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำขึ้นมาอย่างฉับพลันนั้นทำให้เจ้าแมวน้อยตกใจจนกรีดร้องเสียงแหลม ขนของมันทั้งหมดตั้งชี้ขึ้น มันรีบกระโจนลงจากโต๊ะแต่บอลไฟลูกนั้นก็ยังคงล้อมรอบตัวมันอยู่ เจ้าแมวดำทั้งวิ่งและกระโจนไปทั่วห้องพร้อมกรีดร้องเหมียวๆ อย่างต่อเนื่อง พยายามทุกทางที่จะดับไฟบนตัวมัน
ดวงตาของจวินอู๋เสียเบิกกว้างอย่างตกใจ นางจ้องมองบอลไฟที่ปกคลุมเจ้าแมวดำตัวน้อยทั้งตัว
ไม่กี่วินาทีต่อมา บอลไฟก็หายไป เจ้าแมวดำตัวน้อยเหงื่อออกชุ่มโชก กรงเล็บมันเกาะติดผ้าม่านตรงหน้าต่างและฉีกม่านออกเป็นแนวยาว
เหมียว…
เมื่อสักครู่นี้เกิดอะไรขึ้น เหมียวจะตกใจตายอยู่แล้ว!
เจ้าแมวดำกระโดดลงจากผ้าม่านและซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของจวินอู๋เสีย มันตัวสั่นเทาอย่างน่าสงสาร ดูจะยังไม่หายจากอาการตกใจ
“เป็นอะไรหรือไม่” จวินอู๋เสียก้มลงมองเจ้าแมวดำตัวน้อยในอ้อมแขน ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับเจ้าแมวดำตัวน้อยเมื่อสักครู่ทำให้นางสนใจอย่างยิ่ง
“ข้าไม่รู้…อยู่ๆ …ข้าก็ติดไฟ…” เจ้าแมวดำร้องครางอย่างน่าสงสาร มันแค่อยากไปนอนเท่านั้นเอง ผิดตรงไหน!
จวินอู๋เสียยกตัวเจ้าแมวดำขึ้นแล้วหมุนมันไปรอบๆ เพื่อตรวจสอบ นางเห็นว่าเจ้าแมวดำไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ขนของมันยังคงเรียบลื่นแบบสุดๆ อยู่เหมือนเดิม
ตอนที่ 642 ทักษะการเสริมวิญญาณ (4)
“เจ็บหรือไม่” จวินอู๋เสียถามอย่างจริงจังขณะที่ยกเจ้าแมวดำตัวน้อยขึ้น
เจ้าแมวดำตัวน้อยยกอุ้งเท้าข้างหนึ่งขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่หางตาและหยุดชั่วครู่ก่อนจะส่ายหัวช้าๆ
แปลก…ข้าไม่รู้สึกเจ็บเลย
แต่มันตกใจมากจริงๆ นะ!
ใครบ้างจะไม่วิ่งเหมือนเสียสติถ้าจู่ๆ ก็มีไฟลุกท่วมตัวเองแบบนั้น!
จวินอู๋เสียหรี่ตาและคิดถึงสิ่งที่นางเพิ่งสังเกตได้ นางเห็นไฟบนตัวของเจ้าแมวดำตัวน้อยอย่างชัดเจน ถึงแม้เจ้าแมวดำตัวน้อยจะเป็นร่างวิญญาณ หลังจากที่มันผสานร่างมาอยู่ในร่างนี้ มันก็ยังคงรู้สึกเจ็บเมื่อถูกพลังจากภายนอกทำร้าย ไฟที่เพิ่งท่วมตัวมันจนมิดเมื่อสักครู่ ดูเหมือนจะย่างสดเจ้าแมวดำตัวน้อยจนเป็นตอตะโก แต่เจ้าแมวดำตัวน้อยกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว หรือไม่มันก็ไม่ได้โดนทำร้ายเลย
ดวงตาของจวินอู๋เสียมองกลับไปตามทางที่เจ้าแมวดำตัวน้อยผ่าน รอยไหม้สีดำจากเปลวไฟยังคงเห็นได้ชัดเจนบนพื้น กระทั่งมุมผ้าม่านก็ยังไหม้ ทั้งหมดนี้บอกนางว่าไฟนั้นเป็นของจริง ไม่ใช่ภาพลวงตา
แต่ทำไมเจ้าแมวดำตัวน้อยถึงไม่รู้สึกร้อนเลยสักนิด
จวินอู๋เสียยังคงงุนงงอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อสายตาของนางกวาดไปยังโต๊ะที่เจ้าแมวดำตัวน้อยของนางอยู่ก่อนจะกระโดดลงมา ดวงตาของนางก็สว่างวาบขึ้นมาทันที
“ก่อนที่เจ้าจะโดนไฟคลอกเมื่อสักครู่ เจ้าเหยียบไปบนอะไรรึเปล่า” จวินอู๋เสียถามเจ้าแมวดำตัวน้อยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เจ้าแมวดำตัวน้อยสั่นศีรษะ
จวินอู๋เสียชี้ไปที่อักขระที่นางเขียนไว้ด้วยนิ้วที่จุ่มชาและยังคงเปียกโต๊ะอยู่ แล้วถามว่า “เหยียบไอ้นั่นหรือเปล่า”
เจ้าแมวดำตัวน้อยชะงักและยกขาหน้าขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วพลิกอุ้งเท้าขึ้นมาดูใกล้ๆ
บางที…ข้าอาจจะ…เหยียบไปบนนั้น…
มันจำได้ไม่ชัดเจนนัก…ก่อนที่เปลวไฟจะลุกท่วมมัน มันรู้สึกเปียกๆ ที่อุ้งเท้าอยู่เล็กน้อย
จวินอู๋เสียตาเป็นประกาย และก่อนที่เจ้าแมวดำตัวน้อยจะทันได้ตอบสนอง นางก็อุ้มมันไปที่โต๊ะ แล้วกดอุ้งเท้าหลังของเจ้าแมวดำตัวน้อยลงไปที่อักขระเปียกๆ นั้น!
ทันใดนั้นเอง สายลมแรงก็พุ่งขึ้นมา!
เจ้าแมวดำตัวน้อยที่อยู่ในมือของจวินอู๋เสียก็พบว่าตัวเองติดอยู่ในสายลมที่มองไม่เห็น และดึงมันออกไปจากมือของจวินอู๋เสีย
เหมียววว! เจ้าแมวดำตัวน้อยถูกลมพัดลอยขึ้นไปกลางอากาศ หางของมันตั้งชันขึ้น!
มันรู้สึกได้ถึงแรงหมุนรอบขาทั้งสี่ข้างของมัน พลังที่ไม่คุ้นเคยทำให้เจ้าแมวดำตัวน้อยรู้สึกเหมือนกำลังขี่อยู่บนสายลม และยากมากที่จะก้าวเท้าไปบนอากาศที่ไม่มีอะไรเลย
เจ้าแมวดำตัวน้อยลอยคว้างอยู่กลางอากาศ มันหมุนไปมาทุกทิศทางขณะที่หางของมันวาดเป็นวงกลม
ทันใดนั้น พลังแปลกๆ ก็หายไป และโดยไม่ทันรู้ตัวเจ้าแมวดำตัวน้อยก็หล่นลงมา โชคดีที่จวินอู๋เสียเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว นางยื่นมือออกไปรับเจ้าแมวน้อยที่น่าสงสารเอาไว้ในอ้อมแขน
ประสบการณ์อันแสนบอบช้ำในแต่ละครั้ง ทำให้เจ้าแมวดำตัวน้อยที่น่าสงสารมึนงงและสับสน หัวของมันหมุนติ้วขณะที่สติของมันยังไม่กลับมาดี
“อย่างนั้นนี่ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะใช้มันได้” แววตาสงสัยของจวินอู๋เสียหายไปทันที รอยยิ้มที่แทบจะมองไม่เห็นปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของนาง
วะ…ว่า…ไร…นะ… เจ้าแมวดำตัวน้อยสะบัดหัวเพื่อขับไล่ความมึนงง ลิ้นของมันพันกันยุ่งเหยิง
จวินอู๋เสียวางเจ้าแมวตัวน้อยลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง และหมุนตัวเดินไปที่เตียงเพื่ออุ้มใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่หลับอย่างมีความสุขขึ้นมา จากนั้นนางก็จุ่มนิ้วลงไปในชาอีกครั้ง และเขียนอักขระลงบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว นางจับเท้าของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเอาไว้แล้วกดมันลงไปบนตัวอักษะเปียกๆ ที่เพิ่งเขียนเมื่อสักครู่!
แบ๊ะ ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่กำลังง่วงงุนส่งเสียงร้องเบาๆ และแกว่งหางสั้นๆ ของมันไปมา ก่อนจะหลับไปอีกโดยไม่ทันได้ตระหนักว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
“ดูเหมือนว่าอักขระพวกนี้จะมีผลกับร่างวิญญาณเท่านั้น” จวินอู๋เสียวางใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะลงบนเตียง และเดินกลับไปนั่งคิดพิจารณาที่โต๊ะ ขณะที่ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะก็ส่งเสียงกรนต่อไป