บทที่ 353 แอบดู
บทที่ 353 แอบดู

“ข้า…ข้า…” อู๋ฉิงพูดไม่ออก นางไม่ใช่คนที่มีไหวพริบเฉียบแหลม นางจึงไม่สามารถตอบโต้ได้

ผานหลงซึ่งเป็นหนึ่งในลูกน้องของนาง ก้าวมาข้างหน้าและพูดว่า “ตัวตนสูงส่งของนายน้อยซือล้วนชัดเจนสำหรับทุกคนที่เห็น ไม่แปลกอะไรถ้าคุณหนูของข้าจะสงสัยกับสิ่งที่เจ้าพูด”

ฝูเฟิงพยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน “ใช่ ทุกคนรู้ว่าเจ้าไม่ค่อยชอบนายน้อยซือ สิ่งที่คนขี้อิจฉาอย่างเจ้าพูดล้วนไม่น่าเชื่อถือ”

คำพูดของพวกเขาทำให้เกิดความโกลาหลในหมู่ฝูงชน เมื่อพิจารณาถึงความเป็นปฏิปักษ์ของพวกเขา มันเป็นเรื่องปกติที่ซูอันจะใช้โอกาสนี้เพื่อใส่ร้ายซือคุน

ซูอันถอนหายใจและพูดว่า “ผู้หญิงที่พวกเจ้าสนใจกำลังพูดออกหน้าแทนผู้ชายอีกคน แต่เจ้าสองคนกลับช่วยนางอย่างไม่ลังเล แม้แต่คนที่สอพลอที่สุดก็ไม่มีใครยอมลงทุนทุ่มเทขนาดพวกเจ้า!”

“เจ้า!!!”

ท่านยั่วยุผานหลงสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 698!

ท่านยั่วยุฝูเฟิงสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 698!

“โอ้โห! นี่เจ้าลืมไปแล้วเหรอว่าข้าเป็นอาจารย์ของเจ้า? ดีมาก เดี๋ยวข้าจะแสดงให้เห็นว่าควรเคารพให้เกียรติอาจารย์ยังไง!” ซูอันมอบเฉียวเสวี่ยอิงให้จี้เสี่ยวซีดูแล ก่อนที่จะพับแขนเสื้อขึ้นและเดินเข้าไปหาทั้งสองคน

ผานหลงและฝูเฟิงชะงักค้าง พวกเขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าซูอันเข้ามาที่นี่ในฐานะอาจารย์ แม้จะรู้สึกโกรธเคืองอย่างยิ่ง แต่พวกเขายังไม่กล้าโจมตีอาจารย์ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก

ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด พวกเขาไม่เข้าใจว่าอาจารย์ใหญ่เจียงคิดยังไงที่มอบหมายให้ไอ้อันธพาลนี่เป็นอาจารย์!

ท่านยั่วยุผานหลงสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น+ 777!

ท่านยั่วยุฝูเฟิงสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 777!

ซูอันรู้สึกเบิกบานใจเมื่อได้เห็นคะแนนความโกรธแค้นที่กำลังหลั่งไหลเข้ามา เพราะคำอธิษฐานก่อนหน้านี้ที่มีผลผูกมัดไม่ให้เขาได้รับอะไร ดี ๆ จากการสุ่มรางวัลสามครั้งนั้นสิ้นสุดลงแล้ว

เมื่อตอนนั้นซูอันรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นคะแนนความโกรธแค้นที่เข้ามา ถ้าเพียงแต่คีย์บอร์ดจะมีร้านค้าหรือบางสิ่งบางอย่างที่เขาสามารถใช้คะแนนความโกรธแค้นทั้งหมดซื้อของก่อนที่จะสุ่มรางวัลได้ ด้วยวิธีนี้ชายหนุ่มจะไม่เสียคะแนนความโกรธแค้นไปโดยเปล่าประโยชน์

แต่แล้วหลังจากที่ความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวของเขา ซูอันก็แข็งค้างในทันใด เมื่อนึกขึ้นได้ว่าคีย์บอร์ดมีร้านค้าอยู่จริง ๆ ชายหนุ่มจะสามารถใช้คะแนนความโกรธแค้นเพื่อซื้อยาชะล้างไขกระดูกได้! เขาลืมมันไปแต่แรกเพราะความคิดที่ว่ามันไม่คุ้มค่า

บัดซบ! นี่คือการสูญเสียครั้งใหญ่!

ฝูงชนมองดูใบหน้าของซูอันที่กำลังบิดเบี้ยวอย่างตื่นเต้น ลู่เต๋อกังวลว่าเขาจะโจมตีผานหลงและฝูเฟิง ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา สิ่งต่าง ๆ คงจะยุ่งเหยิงไปหมด

“พอแล้ว! อาจารย์อย่างแกจะโจมตีนักศึกษาได้ยังไง!”

ลู่เต๋อเดินเข้ามาแทรกระหว่างพวกเขาก่อนที่จะเหลือบมองเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งของซูอันเปลือกตาของเขาเริ่มกระตุกทันที “รีบไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้!”

ซูอันเดาะลิ้นด้วยความรำคาญ “ข้าจะหาเสื้อผ้าที่นี่ได้ยังไง?”

ผู้บ่มเพาะมีความสามารถในการชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องอาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าบ่อยเกินไป เมื่อพิจารณาว่ามิติลับนี้กินเวลาเพียงสิบวันเท่านั้น ส่วนใหญ่จึงไม่มีใครสนใจที่จะนำเสื้อผ้าสำรองมาด้วย

ทั้งหมดเป็นความผิดของหมี่ลี่! นางทำให้เสื้อผ้าของข้ากลายเป็นเหมือนเศษขยะ! ทำไมนางถึงฉีกแค่ครึ่งบนของข้าแต่ปล่อยให้ครึ่งล่างไม่เสียหาย?…ข้าหมายความว่าจะดีแค่ไหนถ้านางตัดรูที่กางเกงของข้าด้วยเพื่อที่ข้าจะได้อวดของดีบ้าง…

ทีนี้ล่ะ พวกผู้ชายจะรู้สึกประหม่าและผู้หญิงทุกคนจะเริ่มร้องไห้ ฮ่า ๆ แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้เกิดขึ้น!

ทันใดนั้นเสียงที่อ่อนโยนก็ดังขึ้น “ข้า… ข้ามีเสื้อผ้าสำรองอยู่”

ฝูงชนหันไปมอง แล้วก็ได้เห็นจี้เสี่ยวซีหยิบเสื้อคลุมและกางเกงสีเขียวออกจากกระเป๋าของนางอย่างเขินอาย นางไม่สามารถไปไหนได้เพราะต้องดูแลเฉียวเสวี่ยอิง ดังนั้นจึงทำได้เพียงโยนมันไปให้ซูอัน

ฝูงชนตกตะลึง ไอ้เวรนี่มันเป็นลูกรักของสวรรค์หรือไง!? ทั้งสองคนสนิทสนมกันมากจนจี้เสี่ยวซีนำเสื้อผ้าสำรองติดตัวไปทุกที่ให้ซูอัน!

นักศึกษาชายทุกคนกัดฟันด้วยความอิจฉาริษยา

แม้แต่หนุ่มเจ้าสำราญอย่างเซี่ยซิวก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้

ข้าต้องถามเขาทีหลังแน่ ๆ เขาสามารถทำให้ข้างกายของตัวเองเต็มไปด้วยสาวงามชั้นยอดโดยไม่ทำให้พวกนางหึงหวงกันได้ยังไง? แต่เดี๋ยวนะ เขาจะยินดีแบ่งปันเคล็ดลับกับข้าหรือเปล่า?

หรือว่าข้าควรส่งพี่สาวของข้าไปลองคุยกับเขาก่อนดีไหม?

เซี่ยเต๋าอวิ๋นอาจจะรู้สึกโกรธเคืองหากนางพบว่าน้องชายมีความตั้งใจที่จะใช้นางเป็นเหยื่อล่อผู้อื่น

ในขณะเดียวกัน ซูอันมองไปที่การไหลเข้าของคะแนนความโกรธแค้นใหม่ ในที่สุดอารมณ์ของชายหนุ่มก็ดีขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนไม่ว่าจะอยู่ในโลกไหน ก็ไม่มีวิธีใดที่จะสร้างความเดือดดาลให้กับผู้ชายคนอื่นได้ดีไปกว่าการยั่วยวนพวกเขาด้วยหญิงงาม

เจิ้งตานมองซูอันด้วยความประหลาดใจเช่นกัน ผู้ชายคนนี้ทำได้ยังไง? คนธรรมดาอย่างเขาสามารถชนะใจสาวงามมากมายขนาดนี้ได้ยังไงกัน?!

มันเป็นธรรมดาของมนุษย์ที่จะให้ความสนใจกับของที่คนจำนวนมากต้องการ

แม้แต่ฉู่ชูเหยียนก็ยังดูประหลาดใจในความสัมพันธ์ระหว่างซูอันและจี้เสี่ยวซี นางเคยได้ยินมาก่อนว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน แต่จากที่ดูตอนนี้…เห็นได้ชัดว่าเป็นมากกว่านั้น

เพ่ยเหมียนหมานเป็นคนประเภทที่ชอบยั่วยุและก่อกวน นางสะกิดฉู่ชูเหยียนและพูดว่า “ชูเหยียน ดูเหมือนว่าสามีของเจ้าค่อนข้างเป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิงจริง ๆ เจ้าควรจับตาดูเขาอย่างใกล้ชิดนะ ไม่งั้นเขาอาจจะถูกหญิงอื่นขโมยไปก็ได้”

ฉู่ชูเหยียนตอบอย่างเย็นชา “ใครจะเอาก็เอาไป ข้าไม่สนใจ!”

“จริงเหรอ?” ดวงตาของเพ่ยเหมียนหมานเป็นประกายด้วยความสนใจ ข้าล่ะไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้รับความนิยมจากผู้หญิง เขามีดีอะไรกันแน่?

ในทางกลับกัน ฉู่ชูเหยียนเริ่มรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย

เกิดอะไรขึ้น? เสวี่ยเอ๋อร์ก็คนหนึ่ง แล้วนี่ก็ตามมาด้วยจี้เสี่ยวซี และตอนนี้แม้แต่เจิ้งตานก็ยังมองเขาอย่างสนใจ! เขาที่เคยเป็นนกตัวเมียใน เมืองจันทร์กระจ่าง คนที่…ไม่ใช่แม้แต่ผู้ชาย…เขาแค่เพิ่งรักษาไอ้นั่นของเขาได้ก็เมื่อตอนที่อยู่ในสุสานใต้ดินเท่านั้น!

เหตุใดสตรีที่หยิ่งผยองและสูงส่งเหล่านั้นจึงพากันสนใจเขา นี่ข้าตาถั่วหรือพวกนางตาบอดกันแน่?

จี้เสี่ยวซีหน้าแดงเมื่อนางตระหนักว่าทุกคนกำลังเข้าใจนางผิด ความจริงก็คือนางไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าสำรองไว้สำหรับซูอัน แต่พ่อของนาง จี้เติ้งถูเป็นคนติดเหล้าจนเมามาย บางครั้งก็อาเจียนรดเสื้อตัวเอง ดังนั้น นางจึงติดนิสัยที่จะนำเสื้อผ้าสำรองของผู้ชายติดตัวไปไหนต่อไหนด้วยในเวลาที่จำเป็น

ใครจะไปคิดว่ามันจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดเช่นนี้?

“ข…ข้า…” นางต้องการอธิบาย แต่นางพูดในที่สาธารณะไม่เก่งนักเพราะมีนิสัยขี้อาย ยิ่งไปกว่านั้น นางกังวลว่าจะทำให้พ่อของนางเสียชื่อเสียง ดังนั้นจึงพูดติดอ่างอย่างช่วยไม่ได้

ซูอันรับเสื้อและตอบกลับด้วยรอยยิ้มกว้าง “ขอบคุณ!”

นางช่างใจดีและน่ารักจริง ๆ!

ซูอันมองดูแก้มที่ป่องเล็กน้อยของจี้เสี่ยวซีและสงสัยว่านางจะร้องไห้ออกมาไหมถ้าถูกเขาจูบแก้ม อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ความคิดเหล่านั้นผุดขึ้นในหัว ชายหนุ่มก็รู้สึกรังเกียจตัวเองขึ้นมา

เมื่อกี้นางเพิ่งช่วยข้า แล้วข้าจะคิดไปรังแกนางได้ยังไงล่ะ? ถุย! ข้านี่มันบัดซบจริง ๆ!

เขารีบโยนความคิดเหล่านั้นทิ้งไป ก่อนที่จะหยิบเสื้อและประกาศเสียงดังว่า “ข้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้ อย่าแอบดูร่างเปลือยของข้าล่ะ!”

ผู้หญิงทุกคนกัดลิ้นและหันหลังกลับ บ้าบอ! ใครจะแอบมองร่างเปลือยของเจ้าต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้

ซูอันมองนักศึกษาชายและเสริมว่า “พี่ชายน้องชาย ข้าหมายความตามที่พูดจริง ๆ พวกเจ้าอย่ามองข้าจะดีกว่า ข้าพูดเช่นนี้เพื่อประโยชน์ของพวกเจ้าเองนะ!”

คำพูดเหล่านั้นมีผลอย่างมากในการปลุกเร้าความอยากรู้ของผู้ฟัง ทำไมจู่ ๆ เขาก็พูดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาล่ะ? หรือเป็นเพราะเขามีสิ่งที่ไม่กล้าแสดงให้เราเห็นหรือเปล่า?

เมื่อถึงจุดนี้ นักศึกษาชายทั้งหมดก็จ้องมองซูอันที่ค่อย ๆ เดินหายเข้าไปในพุ่มไม้แบบตาไม่กะพริบ ไม่ต้องพูดถึงว่ายังมีคนอย่างหงซิงอิงที่เกลียดเขยตระกูลฉู่เข้ากระดูกดำ พวกเขาจะยินดีมากกว่าสิ่งใดที่จะค้นหาข้อบกพร่องของร่างกายซูอัน เพื่อที่จะได้แพร่กระจายข่าวให้ทั่วถึง

ดังนั้นเมื่อผานหลงและฝูเฟิงเป็นผู้นำ นักศึกษาชายจึงแอบเข้าไปใกล้ ซูอันเพื่อแอบดู เซี่ยซิวเองก็อยากรู้อยากเห็นเช่นกัน แต่ความภาคภูมิใจของเขาไม่อนุญาตให้เขามองชายอื่นที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า

ทันใดนั้น หงซิงอิงที่เพิ่งเดินไปดูก็เดินกลับมา เซี่ยซิวสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าใบหน้าของอีกฝ่ายมืดมนอย่างยิ่ง

แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เคยคุยกันมาก่อน แต่เซี่ยซิวก็ยังอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปใกล้หงซิงอิง และถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

หงซิงอิงที่กำลังเหม่อลอยอยู่สะดุ้งด้วยความตกใจ เขาพึมพำด้วยความหดหู่ “เจ้าควรไปดูเอง!”