บทที่ 354 เรื่องของชายชาตรี
บทที่ 354 เรื่องของชายชาตรี
เซี่ยซิวสับสนมากขึ้นกว่าเดิม
หลังจากนั้น เขาเห็นผานหลงและฝูเฟิงหน้าซีดกลับมา มันราวกับว่าคนทั้งคู่เพิ่งจะได้เห็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต
เซี่ยซิวไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นได้อีกต่อไป เขาเดินไปยังพุ่มไม้อย่างรวดเร็ว และในไม่ช้าก็ได้เห็นมันในที่สุด
ซูอันกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่หลังพุ่มไม้ เขาถอดเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง รวมทั้งกางเกงออกทั้งหมด เผยให้เห็นร่างกายที่มีมัดกล้ามสมบูรณ์แบบ
ในแวบแรก เซี่ยซิวไม่ได้คิดอะไรมาก เขารู้ว่าจริง ๆ แล้วผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้และชอบผู้ชายรูปร่างผอมเพรียวแบบเขา ดังนั้นไม่มีเหตุผลใดที่จะอิจฉารูปร่างของซูอัน
แต่เมื่อดวงตาของเขาเลื่อนลงมาเล็กน้อย ร่างกายของเขาก็หดตัวทันทีด้วยความหวาดหวั่น
“ม…มันจะเป็นไปได้ยังไง!?” เซี่ยซิวขยี้ตาตัวเองโดยไม่รู้ตัว สงสัยว่าเขากำลังมองอะไรอยู่กันแน่
ในที่สุดเมื่อเขาแน่ใจว่าดวงตาไม่ได้เล่นตลกกับเขา เขาก็เงียบไปในทันที ในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงทำสีหน้าแปลก ๆ แล้วเดินกลับไป
เขาพยายามยกแขนขึ้นเพื่อเปรียบเทียบขนาด และใบหน้าของเขาก็มืดลงทันที
ไอ้คน ๆ นี้มันต้องตั้งใจทำแบบนี้เพื่อให้คนอื่นได้เห็น ‘ไอ้นั่น’ มันแน่ ๆ!
คนธรรมดาทั่วไปจะใส่กางเกงก่อนที่จะสวมเสื้อ แต่ซูอันตั้งใจใส่เสื้อก่อน…ไม่ต้องพูดถึงว่าเขากำลังสวมมันด้วยความเชื่องช้าอย่างไม่น่าเชื่อ พร้อมกันนั้น ‘ไอ้นั่น’ ก็แกว่งไปแกว่งมาซ้ายทีขวาทีเป็นครั้งคราวราวกับเขาตั้งใจทำ!
ย…ยักษ์!
เซี่ยซิวคิดถึงตอนที่ซูอันตั้งใจบอกว่าอย่าแอบดูเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า และรู้ทันทีว่ามันเป็นหลุมพรางที่ซูอันได้เตรียมไว้สำหรับดักเหล่าชายหนุ่มที่อยากรู้อยากเห็นเรื่องไม่ดีของคนอื่น
ในขณะเดียวกัน เหล่านักศึกษาหญิงสังเกตว่าผู้ชายที่เดินกลับมามีใบหน้าซีดและกระสับกระส่าย พวกนางอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าพวกผู้ชายเหล่านี้ไปเห็นอะไรมา?
อู๋ฉิงที่ไร้ความคิดหันไปหาผานหลงและฝูเฟิงและถามว่า “มีอะไรผิดปกติ? ทำไมพวกเจ้าถึงทำหน้าเหมือนไปเห็นผีมาแบบนี้!”
“น่ากลัวกว่าผีซะอีก!” ผานหลงและฝูเฟิงตอบด้วยใบหน้าที่ขมขื่น
“เจ้าเห็นอะไร? หยุดทำให้ข้าสงสัยได้แล้ว!” อู๋ฉิงถามกลับอย่างไม่อดทน
ผานหลงและฝูเฟิงมักจะเชื่อฟังคำสั่งของอู๋ฉิงอย่างมาก แต่พวกเขาก็ส่ายหัวยืนกรานปฏิเสธที่จะตอบในครั้งนี้
เจ้าต้องล้อข้าเล่นแน่ ๆ! ข้าจะพูดออกไปดัง ๆ ได้ยังไง! เราก็มีความภาคภูมิใจในของ ๆ ตัวเองเช่นกัน!
ผู้หญิงคนอื่น ๆ ก็พยายามถามคำถามเดียวกัน แต่น่าแปลกที่นักศึกษาชายทุกคนดูเหมือนจะพร้อมใจกันปิดปากเงียบ ไม่มีใครเปิดเผยความลับของซูอันเลยแม้แต่คนเดียว
เพ่ยเหมียนหมานสังเกตเห็นว่า ก่อนหน้านี้เซี่ยซิวได้เดินเข้าไปดูอย่างสุขุม แต่ขากลับ เขากลับมาด้วยใบหน้าที่เหม่อลอย ซึ่งมันทำให้นางอดไม่ได้ที่จะถาม “ซิวเอ๋อร์ เป็นอะไรไป? เจ้าไปเห็นอะไรมางั้นเหรอ?”
ทั้งสองอยู่ฝ่ายเดียวกับราชันฉี ดังนั้นนางจึงได้ใกล้ชิดกับตระกูลเซี่ย และเป็นเพื่อนที่ดีกับเซี่ยเต๋าอวิ๋น ด้วยเหตุนี้นางจึงทักทายเซี่ยซิวได้อย่างคุ้นเคย
เซี่ยซิวยิ้มเครียดและตอบว่า “ไม่มีอะไรมาก ข้าแค่ประหลาดใจกับการดำรงอยู่ของบางสิ่งในโลกใบนี้”
มันเป็นคำตอบที่ค่อนข้างคลุมเครือ แต่เขาไม่มีอารมณ์จะคุยในขณะนี้ เขาเดินไปนั่งลงใต้ต้นไม้อีกต้น และเหม่อมองไปบนท้องฟ้าที่ว่างเปล่า
เพ่ยเหมียนหมานหันไปหาฉู่ชูเหยียนและถามว่า “คนพวกนี้เป็นอะไรกันไปหมด?”
“ข้าจะรู้ได้ยังไง? ไว้เจ้าไปถามอาซูเอาเองสิ” ฉู่ชูเหยียนตอบอย่างเขินอาย
“ข้าก็ว่าจะทำอย่างนั้น” เพ่ยเหมียนหมานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
ในขณะเดียวกัน ผู้ชายทั้งหมดต่างมองไปที่ผู้หญิงสองคนที่กำลังกระซิบกระซาบกัน ในที่สุดพวกเขาก็ตระหนักได้ และเริ่มปะติดปะต่อหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้เข้าด้วยกันในทันที
ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมฉู่ชูเหยียนผู้สูงส่งถึงเลือกคนไร้ประโยชน์อย่างซูอันมาเป็นสามีของนาง ทุกคนคิดว่าเขาไม่มีอะไรจะอวด แต่กลับกลายเป็นว่าเขามีส่วนที่โอ้อวดได้แต่ไม่สามารถพูดออกมาดัง ๆ ได้!
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมไอ้เวรนั่นถึงสามารถเอาชนะใจผู้หญิงสวย ๆ ได้มากมายขนาดนี้! ปรากฎว่าอาวุธลับของเขาคือท่อนล่าง! ผู้หญิงแบบไหนที่ไม่ชอบผู้ชายแบบนี้?
…
ความคิดมากมายแล่นเข้ามาในจิตใจของเหล่านักศึกษาชาย พวกเขาคิดว่าหญิงสาวสวยที่พวกเขาเทิดทูนบูชานั้นค่อย ๆ ถูกพิชิตอย่างช้า ๆ ด้วย ‘ไอ้นั่น’ ของผู้ชายคนนั้น และนั่นก็ทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน เช่น ความอิจฉา ความประหม่า และความชื่นชมในทันที แต่สุดท้าย…ทั้งหมดนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ
หงซิงอิงมักจะดูถูกซูอัน โดยคิดว่าอีกฝ่ายไม่สามารถเทียบเคียงกับเขาได้เลย แม้ว่าซูอันจะเคยสร้างชื่อให้ตัวเองในการแข่งขันงานประลองระหว่างตระกูล เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก โดยยึดมั่นในความเชื่อของเขาว่าสุดท้ายแล้วเขาก็จะแซงหน้าอีกฝ่ายไปได้โดยง่าย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หงซิงอิงเพิ่งเห็นได้กระทบต่อความมั่นใจในตัวเองอย่างมาก มันเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถแข่งขันได้ตลอดชีวิต การเปรียบเรื่องนี้กับชายผู้นี้ทำให้เขารู้สึกด้อยกว่าอย่างที่สุด และรู้สึกต่ำต้อยจนไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมองซูอันได้อีก
—
ท่านยั่วยุหงซิงอิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—
เขาไม่ใช่คนเดียวที่คิดเช่นนี้
—
ท่านยั่วยุผานหลงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—
—
ท่านยั่วยุฝูเฟิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—
—
ท่านยั่วยุเซี่ยซิวสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—
—
ท่านยั่วยุเว่ยหงเต๋อสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—
…
ซูอันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นคะแนนความโกรธแค้นหลั่งไหลเข้ามามากมาย ข้าเตือนพวกเจ้าทุกคนแล้วใช่ไหมว่าอย่าแอบดู พวกเจ้าไม่เชื่อข้าเอง แล้วตอนนี้จะโทษใครได้?
หลังจากสวมเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซูอันก็หันหลันเดินกลับไปที่ฝูงชน เห็นเพียงกลุ่มนักศึกษาชายจ้องเขม็งมาที่เขา ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนคะแนนความโกรธแค้นอย่างใจกว้างของพวกเจ้า หึหึ
ทันใดนั้น เขาสังเกตเห็นชื่อที่คุ้นเคยเป็นพิเศษจากการแจ้งเตือนของคีย์บอร์ด
เว่ยหงเต๋อ? นั่นไม่ใช่คนที่ผู้เฒ่ามี่บอกให้ข้าหาทางเข้าไปใกล้ชิดเหรอ?
ซูอันเดินไปหาเว่ยหงเต๋อ เมื่อเปรียบเทียบกับเว่ยสั่วที่ดูผอมเกร็งและเจ้าเล่ห์แล้ว เว่ยหงเต๋อมีบุคลิกที่ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมามากกว่า มันทำให้คนสงสัยว่าพวกเขามาจากท้องพ่อท้องแม่เดียวกันจริง ๆ เหรอ?
“พี่เว่ย!” ซูอันโอบไหล่ของเว่ยหงเต๋อ และทักทายเขาอย่างอบอุ่น “ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานแล้ว ยินดีที่ได้รู้จัก!”
เว่ยหงเต๋อไม่คิดว่าซูอันจะเดินเข้ามากอดเขาเอาดื้อ ๆ เขาตัวแข็งทื่อในขณะที่ถามว่า “นี่เรารู้จักกันเหรอ?”
คนอย่างเจ้าเนี่ยนะ ได้ยินชื่อข้ามานาน? ในแง่ของชื่อเสียง ไม่มีใครในสถาบันจันทร์กระจ่างที่สามารถแข่งขันกับเจ้าได้ เจ้ามาที่นี่แค่ไม่นานแต่คงไม่มีใครที่ไม่เคยได้ยินชื่อของเจ้าเลย!
เว่ยหงเต๋อกะพริบตาปริบ ๆ ขณะจ้องมองไปที่เป้ากางเกงของซูอันเนื่องจากภาพของสิ่งที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ยังคงติดตา ทำให้ใบหน้าของเขาซีดเผือด
“เว่ยสั่วและข้านั่งข้างกัน เขาเป็นน้องชายที่ดีของข้า และข้าบังเอิญได้ยินเขาเล่าว่ามีพี่ชายที่เรียนที่เดียวกันด้วย ข้าอยากเจอท่านมาสักพักแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสจนมาถึงตอนนี้” ซูอันอธิบาย
“อ๋อ เว่ยสั่ว” เว่ยหงเต๋อยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันสีขาวเรียงเป็นระเบียบอย่างเด่นชัด ความสงสัยของซูอันที่ว่าเว่ยสั่วและเว่ยหงเต๋อเป็นพี่น้องกันจริง ๆ หรือไม่ก็หายไปในที่สุด
ทั้งสองคนคุยกันต่อไปอีกสักพัก แต่ซูอันไม่สามารถรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้ ไม่ว่าเขาจะมองอย่างไร ก็ไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับเว่ยหงเต๋อเลย นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่าเขาสามารถเข้าสู่ชั้นเรียนนภาได้ เท่านั้น
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้เฒ่ามี่ต้องการให้เขาใกล้ชิดกับเว่ยหงเต๋อ
“อาซู มานี่หน่อยสิ!” จู่ ๆ เสียงเย้ายวนก็ดังขึ้น
ซูอันหันไปมองและพบว่าเพ่ยเหมียนหมานกำลังมองมาทางเขา ดวงตาของนางหรี่โค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยวอันแสนหวานขณะที่นางกวักมือเรียกเขาเบา ๆ ด้วยมือขาวบอบบาง
“ได้เลย!”
ซูอันเดินไปหาโดยไม่ลังเล แน่นอนว่าเขาเต็มใจอยู่กับผู้หญิงที่งดงามเหล่านี้มากกว่าพวกผู้ชายที่มีกลิ่นเหม็นเหงื่อ
เมื่อเห็นภาพนี้ นักศึกษาชายต่างพากันอิจฉาริษยา พวกเขาต้องการพูดประท้วง แต่ภาพจำของสัตว์ประหลาดขนาดมหึมาที่เพิ่งเห็นได้พุ่งเข้ามาในหัวของพวกเขา แล้วต่างคนต่างก็รู้สึกเซื่องซึม
—
ท่านยั่วยุหงซิงอิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 666!
—
—
ท่านยั่วยุผานหลงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 666!
—
—
ท่านยั่วยุฝูเฟิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 666!
—
—
ท่านยั่วยุเซี่ยซิวสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 666!
—
—
ท่านยั่วยุเว่ยหงเต๋อสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 666!
—