บทที่ 322 มหามรรคนิพพาน แดนเซียนเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 322 มหามรรคนิพพาน แดนเซียนเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่

หานเจวี๋ยตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง รีบเรียกดูค่าความสัมพันธ์ ตรวจสอบข้อมูลของเจ้าพ่อทั้งสี่

[ปรมาจารย์ลัญจกรสรวง: ไม่ทราบตบะ นักพรตเต๋าผู้หลุดพ้น พำนักอยู่นอกชั้นฟ้าที่สามสิบสาม ไม่ถูกผูกมัดด้วยโชคชะตาและมรรคาสวรรค์ ผ่านมหาเคราะห์มาแล้วเก้าครั้ง เนื่องด้วยแนวคิดในการบำเพ็ญของท่าน จึงเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1.5 ดาว]

[ตี้จวิน: ไม่ทราบตบะ ดวงจิตอมตะ พำนักอยู่นอกชั้นฟ้าที่สามสิบสาม กายาจำแลงขึ้นจากเจตจำนงนับพันล้าน อุบัติเป็นเทพสวรรค์ เนื่องด้วยท่านได้รับคำชมเชยจากปรมาจารย์ลัญจกรสรวง จึงเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]

[อวี้ผูถี (โพธิหยก): ไม่ทราบตบะ นักพรตเต๋าผู้หลุดพ้น ต้นโพธิ์ต้นแรกแห่งมรรคาสวรรค์ที่ฝึกบำเพ็ญสำเร็จบรรลุมรรค ปฐมปรมาจารย์แห่งสำนักพุทธ พำนักอยู่ในแดนต้องห้ามอันธการ เนื่องด้วยท่านได้รับคำชมเชยจากปรมาจารย์ลัญจกรสรวง จึงเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1 ดาว]

[อริยะเจ็ดวิถี: ไม่ทราบตบะ ดวงจิตมหามรรค ครอบครองมหามรรคเจ็ดแขนง ผ่านพ้นมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ พำนักอยู่ในแดนเทพหวนปัจฉิม เนื่องด้วยท่านได้รับคำชมเชยจากปรมาจารย์ลัญจกรสรวง จึงเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]

เมื่อหานเจวี๋ยอ่านไล่ลงมา ในใจมีอยู่เพียงสองคำ

สุดยอด!

ดวงจิตอมตะ!

นักพรตเต๋าผู้หลุดพ้น!

ดวงจิตมหามรรค!

แทบทำให้ดวงตาหานเจวี๋ยพร่าลายแล้ว

เจ้าพ่อกลุ่มนี้ตั้งวงเล่นไพ่นกกระจอกกันหรืออย่างไร

หานเจวี๋ยลอบสับสนอยู่ในใจ โชคดีที่เป็นความประทับใจ มิเช่นนั้นเขาคงกินไม่ได้นอนไม่หลับ!

….

ภายในตำหนักเอกอนันต์

ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงและเงาร่างอีกสามร่างนั่งล้อมวงกันอยู่ ได้แก่ตี้จวิน อวี้ผูถีและอริยะเจ็ดวิถี

ตี้จวินสวมชุดนักพรตสายกลาง ใบหน้าอ่อนโยน รูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าเจือรอยยิ้มนิดๆ

อวี้ผูถีเป็นสมณะชราวัยรูปหนึ่ง รูปร่างผอมบาง สวมกาสาวพัสตร์สีดำ แววตาเมตตาปรานี

อริยะเจ็ดวิถีสวมชุดดำ ใบหน้าเคร่งขรึม สองเนตรเฉียบคม ทั่วทั้งร่างแฝงไอชั่วร้ายบางอย่าง

“เจ้าหนุ่มคนนี้ครอบครองสมบัติลึกลับอย่างหนึ่งอยู่จริงๆ ดูเหมือนจะมีความเกี่ยวข้องกับปราณอนธการด้วย” อริยะเจ็ดวิถีลูบเครากล่าววาจา

ตี้จวินเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ฮ่าๆๆ ข้าคำนวณได้ว่าเจ้าเด็กนี่เคยเล่าตำนานร่างอวตารชาติหนึ่งของข้าด้วย ถึงแม้จะบิดเบือนไปบ้าง แต่ก็นับว่าให้เกียรติข้าอย่างยิ่ง”

อวี้ผูถีส่ายหน้าเอ่ยว่า “แนวคิดของเจ้าหนุ่มคนนี้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก น่าเสียดายที่เกิดผิดยุค หากอยู่ในยุคบุกเบิกฟ้าดิน เขาอาจบรรลุมรรคก็เป็นได้ น่าเสียดาย”

ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงกล่าวว่า “มิสู้พวกเรามาเดิมพันกันสักตาเถิด เดิมพันกันว่าเขาจะบรรลุมรรคได้หรือไม่ ข้าคิดว่าไม่ได้”

อริยะเจ็ดวิถีพยักหน้า “ข้าก็คิดว่าไม่ได้”

อวี้ผูถีเอ่ยสั้นๆ “ไม่ได้”

ตี้จวินเอ่ยยิ้มๆ “เช่นนั้นข้าเลือกเดิมพันว่าทำได้ มิเช่นนั้นคงน่าเบื่อนัก จะเดิมพันสิ่งใดเล่า”

ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามตกอยู่ในห้วงความคิด

ผ่านไปสักพัก อริยะเจ็ดวิถีจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย “เดิมพันด้วยมหามรรคนิพพานเถอะ”

ตี้จวินกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “โหดเหี้ยมถึงเพียงนี้เชียวหรือ พวกเจ้าสามเฒ่าคิดจะรังแกข้าหรืออย่างไร”

“อะไรกัน ดวงจิตอมตะแสนยิ่งใหญ่ เจ้าไม่กล้าหรือ” อวี้ผูถีเอ่ยท้าทาย

ตี้จวินแค่นเสียง “เดิมพันก็เดิมพันสิ หากพวกเจ้าพ่ายแพ้ แต่ละคนต้องมอบมหามมรรคให้ข้าคนละหนึ่งวิถี!”

ปรมาจารย์ลัญจกรสรวง อวี้ผูอีและอริยะเจ็ดวิถีมองหน้ากัน สุดท้ายต่างพยักหน้าตกลง

….

สิบปีผ่านไป

หลังกลับมาจากตำหนักเอกอนันต์ หานเจวี๋ยก็พากเพียรบำเพ็ญอยู่ตลอด และในช่วงเดียวกันนี้ สงครามมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง

เหล่าผู้นำกลุ่มอิทธิพลที่ร่วมสดับฟังโอวาทด้วยกันต่างเริ่มออกโรงกันแล้ว

ระยะนี้อู้เต้าเจี้ยนไม่ใคร่อยู่ในถ้ำมากนัก ทว่าชอบไปขลุกอยู่กับลี่เหยา

นับตั้งแต่ลี่เหยาเอาชนะถูหลิงเอ๋อร์ที่ถือครองเจดีย์บรรพจอมเวทได้ อู้เต้าเจี้ยนก็นับถือนางยิ่งนัก

นี่ก็นับว่าเป็นเรื่องดี อย่างน้อยหานเจวี๋ยก็ได้อยู่อย่างสงบ

ในวันนี้ เขาหยิบหนังสือแห่งความโคร้ายออกมาสาปแช่งสัตรู พลางตรวจดูจดหมายไปด้วย

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังแห่งวังเทพ] x45

[ยอดแม่ทัพเทพสหายของท่านเผชิญกับการโมตีจากจักรพรรเซียนแห่งเผ่าปีศาจ] x120

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีของศิษย์ของวังเทพ] x198431

[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากดวงชะตาราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ ดวงชะตาเสื่อมถอย]

[จี้เซียนเสินสหายของท่านกลืนกินดวงชะตาราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ พลังมรรคเพิ่มพูน]

[โม่จู๋สหายของท่านพลัดหลงเข้าสู่แดนผาสุกสวรรค์บรรพกาล ดวงชะตาเกิดการเปลี่ยนแปลง]

[หลงเฮ่าศิษย์ของท่านรับการถ่ายทอดจากเฮ่าเทียนในความฝัน ตบะเพิ่มพูน]

….

หลี่เต้าคงปะทะกับวังเทพแล้ว

เผชิญกับการโจมตีจากยอดฝีมือที่อยู่เหนือกว่าระดับจักรพรรดิเซียนมากมายเช่นนี้ น่าตะลึงนักที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้สักครั้งเดียว

หานเจวี๋ยสงสัยว่าเขาจะเป็นฝ่ายเข้าล้อมโจมตีผู้ทรงพลังแห่งวังสวรรค์ก่อนด้วยซ้ำ

ส่วนจี้เซียนเสิน เจ้าหมอนี่สมแล้วที่เป็นผู้ฝ่าเคราะห์ ผลงานการต่อสู้ในช่วงนี้โดดเด่นมากขึ้นเรื่อยๆ ตบะก็เพิ่มพูนขึ้น บรรลุระดับเซียนทองไท่อี่แล้ว

เมื่อเห็นหลงเฮ่ารับได้การถ่ายทอดจากเฮ่าเทียน หานเจวี๋ยยังคงกังวลอยู่บ้าง

อย่างไรก็ตามค่าความประทับใจที่หลงเฮ่ามีต่อเขาไม่ได้ลดลง แสดงว่าขณะนี้ยังไม่ถูกเฮ่าเทียนหลอมรวมยึดร่าง

เห็นทีว่าจำเป็นต้องบอกกล่าวเรื่องนี้ต่อจักรพรรดิสวรรค์เสียแล้ว ให้จักรพรรดิสวรรค์เตรียมการรับมือตั้งแต่เนิ่นๆ

ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่พูด เป็นเพราะกังวลว่าจักรพรรดิสวรรค์อาจจะทรงทราบอยู่แล้ว ดังนั้นจึงส่งตัวหลงเฮ่ามาให้เขาดูแล เขาไม่อยากถูกดึงเข้าสู่วังวนระหว่างจักรพรรดิสวรรค์และเฮ่าเทียน

‘จริงสิ เกือบลืมไปเลย ข้าทะลวงขั้นอีกรอบแล้ว มิใช่ว่าสมควรให้การดูแลจักรพรรดิปีศาจและบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์สักหน่อยหรอกหรือ’

หานเจวี๋ยครุ่นคิดกับตัวเอง

ตอนนี้เขามีอายุขัยหลักพันล้านล้านปีแล้ว อายุขัยยาวนานเหลือเกิน สามารถนำมาใช้ได้

อื้ม

ลองใช้อายุขัยสองพันล้านปีต่อการสาปแช่งหนึ่งคนดูแล้วกัน ถึงอย่างไรก็ไม่ถึงเสี้ยวของเสี้ยวจุดทศนิยมอยู่แล้ว

หลังจากหานเจวี๋ยตัดสินใจได้ก็เริ่มสาปแรงให้รุนแรงขึ้น โดยเขาเลือกที่จะสาปแช่งบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ก่อน

ห้าวันผ่านไป อายุขัยของเขาเริ่มลดลง

หานเจวี๋ยจ้องมองหน้าต่างค่าสถานะของตนอย่างจดจ่อ เตรียมหยุดให้ตรงจำนวน

ล้านปี!

สิบล้านปี!

ห้าร้อยล้านปี!

หนึ่งพันล้านปี!

สองพันล้านปี!

หยุด!

หานเจวี๋ยโยนหนังสือแห่งความโชคร้ายไปด้านข้าง จากนั้นเริ่มเดินลมปราณรักษาฟื้นฟู

เป็นครั้งแรกที่เขาผลาญอายุขัยต่อเนื่องกันสองพันล้านปี ทำให้วิงเวียนอยู่บ้าง

ร่างกายอ่อนล้า

ต่อไปนี้หากสาปแช่งศัตรู ไม่อาจใช้อายุขัยเกินสองพันล้านปีในครั้งเดียวได้ มิเช่นนั้นคงเกิดเรื่องขึ้นง่ายๆ

หานเจวี๋ยรักษาอาการบาดเจ็บพลางตรวจดูจดหมายไปด้วย

เขาอดไม่ได้ที่จะยินดีลิงโลด

สำเร็จผลแล้วจริงๆ!

[บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ศัตรูคู่อาฆาตของท่าน เนื่องด้วยการสาปแช่งของท่าน จิตมารอาละวาด ยั้งมือไม่อยู่ สังหารพุทธองค์ไปหลายรูป ทำร้ายสานุศิษย์ของสำนักพุทธหลายร้อยคน]

หานเจวี๋ยภาคภูมิใจกับตัวเอง ความจอมปลอมของเจ้ากำลังจะหลุดออกมาแล้ว!

ดูสิว่าเจ้าจะเล่นละครต่อไปได้อย่างไร!

หลายวันต่อมา หานเจวี๋ยกลับสู่สภาพสมบูรณ์พร้อมอีกครั้ง เขาเริ่มสาปแช่งจักรพรรดิปีศาจ

ใช้อายุขัยสองพันล้านปีเช่นเดียวกัน จักรพรรดิปีศาจลึกล้ำสุดคะเนแต่สุดท้ายก็ยังเกิดเรื่องขึ้นอยู่ดี

[จักรพรรดิปีศาจศัตรูคู่อาฆาตของท่าน เนื่องด้วยการสาปของท่าน จิตสังหารเพิ่มพูน เข้าสู่โลกาลงมือเข่นฆ่าสังหาร แรงกรรมเพิ่มพูน กลายเป็นผู้ฝ่าเคราะห์]

หืม?

ยังกลายเป็นผู้ฝ่าเคราะห์ได้อีกหรือ

หานเจวี๋ยฉงน อะไรคือเกณฑ์ในการกำหนดตัวผู้ฝ่าเคราะห์กันแน่

จากนั้น เขาพักฟื้นต่อ

หารู้ไม่ว่า แดนเซียนเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ขึ้นแล้ว

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์สังหารสานุศิษย์สำนักพุทธ เป็นเหตุให้สามยอดบรรพชนพุทธคนอื่นๆ ต้องออกจากการปิดด่าน ร่วมมือกันสยบบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ สร้างความแตกตื่นแก่ชาวสำนักพุทธ

จักรพรรดิปีศาจเข้ารีตมาร กวาดล้างสังหารสรรพสิ่ง สร้างความโกรธเกรี้ยวแก่มนุษย์และเทพเซียน ร่ำลือกันว่าปฐพีอาบย้อมไปด้วยโลหิต น่าสยดสยองอย่างยิ่ง

ครึ่งเดือนผ่านไป

หานเจวี๋ยเริ่มใช้ความสามารถวิวัฒนาการ เอ่ยในใจว่า ‘ข้าอยากรู้ว่าใครคือผู้มีชัยในท้ายที่สุดของมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครั้งนี้’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

พันล้านปีเท่านั้น ไม่สนหรอก!

หานเจวี๋ยคิดอย่างผึ่งผายองอาจ จากนั้นจิตสำนึกเขาเริ่มวิงเวียน

เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง หานเจวี๋ยอยู่บนพื้นที่โล่งแห่งหนึ่ง เขากวาดสายตามองไป ต้องตะลึงงันไปทั้งร่าง

ฟ้าดินมืดมัว พายุทรายบังฟ้าเลือนตะวัน แผ่นดินไร้พืชพรรณ เต็มไปโดยซากกระดูกขาวโพลน เปลี่ยวร้างวังเวงอย่างยิ่ง

เกิดอะไรขึ้น

โลกล่มสลายแล้วหรือ

………………………………………………………………